ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 777 คัดเลือกพระชายา
ตอนที่ 777 คัดเลือกพระชายา
ตระกูลเซี่ย ลู่เจียวมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “คืนนี้เข้าวัง ข้ามองออกว่าฮองเฮากับองค์ชายใหญ่เกลียดซื่อเป่ามาก พรุ่งนี้เจ้าหาเวลากราบทูลฝ่าบาทสักคำ ส่งโย่วฉินเข้าวัง”
โจวโย่วฉินไม่เพียงแต่ภักดีต่อซื่อเป่า แต่ยังเติบโตมาด้วยกัน ติดตามซื่อเป่าเล่าเรียนมาและฉลาดมาก เขาเข้าวัง พวกเขาสองนายบ่าวร่วมมือกัน อยู่ในวังก็ราวกับมัจฉาสู้ห้วงวารี อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้ซื่อเป่าอยู่ในวังคนเดียว ปลอดภัยกว่ามาก
เดิมลู่เจียวยังลังเลเรื่องส่งโจวโย่วฉินเข้าวัง แต่คืนนี้เข้าวังได้เห็นอันตรายซ่อนเร้นในวังแล้ว ในที่สุดก็ไม่ลังเล ตัดสินใจส่งโจวโย่วฉินเข้าวัง
หากโจวโย่วฉินไม่เข้าวัง ซื่อเป่าตัวคนเดียว องค์ชายรองเพิ่งจะเข้าวังไม่อาจเชื่อใจผู้ใด เขากำลังตกอยู่ในอันตราย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็รีบพยักหน้าเห็นด้วย “อืม ข้ารู้แล้ว”
เขากล่าวจบก็ถอนหายใจ “ไม่รู้จริงๆ ว่าซื่อเป่าเข้าวังเป็นวาสนาหรือหายนะ หากเป็นไปได้ ในฐานะบิดา ข้าหวังเพียงให้เขามีชีวิตที่ปลอดภัยราบรื่น”
ลู่เจียวไม่ได้เอ่ยอันใด
วันรุ่งขึ้น เซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าประชุมเช้า พอเลิกประชุมก็ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เซียวอวี้
เซียวอวี้ได้ฟังเขาก็รู้ว่าโจวโย่วฉินก็คือเด็กที่โตมากับองค์ชายรอง ตอนนี้บ่าวชายผู้นี้ต้องการเป็นขันทีเข้าวังมาเป็นเพื่อนองค์ชายรอง
ฮ่องเต้ก็มิได้ทรงคัดค้าน เขาเองก็รู้ว่าฮองเฮากับองค์ชายใหญ่ไม่ชอบองค์ชายรอง องค์ชายรองอยู่ในวังย่อมลำบากมาก มีสหายที่เติบโตมาด้วยกันมาอยู่เป็นเพื่อนเขาในวังก็ไม่เลว
ฮ่องเต้เห็นด้วย โบกมือสั่งการเซี่ยอวิ๋นจิ่นให้ส่งโจวโย่วฉินไปสู่ขั้นตอนเป็นขันที
ในฐานะฮ่องเต้ ไม่ได้ทรงรู้สึกลังเลกับการที่ผู้อื่นจะจัดการกับร่างกายตนเองเพื่อเป็นขันทีแม้แต่น้อย ไม่เหมือนเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวที่ลำบากใจอยู่เป็นนาน
ซื่อเป่าไม่รู้เรื่องพวกนี้ จนกระทั่งมีคนพาโจวโย่วฉินมาตรงหน้าเขา
“องค์ชายรอง นี่คือขันทีที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ท่าน”
เซียวเหวินอวี๋มองโจวโย่วฉินที่ถูกคนประคองเข้ามา เห็นสีหน้าโจวโย่วฉินซีดเผือดและเดินไม่ได้ ยังต้องให้คนประคองเข้ามา
เขาแค่มองก็เข้าใจทันที โจวโย่วฉินตัดอวัยวะตนเองเป็นขันทีแล้ว
สมองเซียวเหวินอวี๋พลันอื้ออึงสับสนไปหมด โจวโย่วฉินโตมากับเขาแต่เล็กจนโต เขาอยู่ในสถานะคนที่สำคัญมาก ครั้งนี้เขาไม่พาโจวโย่วฉินเข้าวัง ก็เพราะหวังว่าเขาจะมีชีวิตที่ดีนอกวัง
ในวังอันตรายอย่างมากจริงๆ และเขาไม่อยากให้โจวโย่วฉินต้องตัดอวัยวะตนเอง
คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายโจวโย่วฉินยังคงทำและเข้าวังมา
ในใจเซียวเหวินอวี๋ทั้งสับสนและซาบซึ้งใจ เขาเดินเข้าไปประคองโจวโย่วฉินด้วยตนเอง “โย่วฉิน ไยเจ้าต้องทำเช่นนี้”
โจวโย่วฉินฉีกยิ้มกล่าวว่า “โย่วฉินโชคดีได้ติดตามองค์ชายรอง ย่อมต้องติดตามไปชั่วชีวิต หวังว่าชีวิตที่เหลือจะได้เป็นเพื่อนเดินไปพร้อมกับเจ้านาย”
เซียวเหวินอวี๋กุมมือเขาไว้แน่น “ขอบคุณเจ้ามาก โย่วฉิน”
เขาประคองโจวโย่วฉินเดินไปส่งเขาไปพักผ่อน
ณ ตระกูลเซี่ย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวส่งโจวโย่วฉินเข้าวังแล้ว ในใจก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไปทำงานที่สำนักมนตรีทุกวัน งานยุ่งมากตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
ลู่เจียวกลับว่างมากขึ้น แม้ว่าในมือนางมีการค้าไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้อื่นดูแล นางเพียงคอยกำกับแนวทางก็เพียงพอแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องให้นางลงมือด้วยตนเอง
พอเป็นเช่นนี้ นางก็ว่าง ยามว่างก็จะเริ่มสอนเซี่ยอู่เป่ากับหลิงหลง
ตั้งแต่คลอดแฝดชายหญิงมา นางก็ทำงานยุ่งมาตลอด ไม่ได้ทุ่มเทอบรมเหมือนเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ตอนนี้มีเวลาว่าง ก็จะได้ชดเชยได้พอดี
เรื่องนี้ทำให้เซี่ยอู่เป่าดีใจมาก ทุกวันล้วนมีสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเบิกบานใจ และที่บ้านก็เหลือเพียงแค่พวกเขาสองคน ไม่มีบุตรชายบุตรสาวอื่น ท่านแม่เป็นของพวกเขาสองคนแล้ว
คุณชายน้อยห้าดีใจอย่างที่สุด ทุกวันกลับจวนมาก็จะไปหามารดา
ระยะนี้ตระกูลเซี่ยเริ่มมีแขกมาเยือนกันมาก นอกจากเพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้เลื่อนเป็นมหาบัณฑิตสำนักมนตรีก็ยังมีอีกสาเหตุหนึ่ง นั่นก็คือบุตรชายของนางเติบโตแล้ว ควรได้เวลาเลือกคู่หมายแล้ว ในเมืองหลวงมีคนไม่น้อยให้คนมาสอบถามว่าบุตรชายพวกนางหมั้นหมายแล้วหรือยัง มีเงื่อนไขอันใดหรือไม่
ทุกครั้งที่ลู่เจียวได้เห็นคนเหล่านี้ก็ปวดหัว ต้าเป่ากับตระกูลเนี่ยยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร เอ้อร์เป่าอยู่ไกลถึงซีหนาน ก็ยังไม่รู้อันใด ซานเป่าตั้งสำนักยาหลวงอยู่เมืองหนิงโจว ส่วนสองหนูน้อยยังเล็กอยู่
แต่คนอื่นไม่เข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ คนไม่น้อยต่างส่งคนมาเลียบเคียงถามไถ่ตระกูลเซี่ย
“เจียวเจียว เจ้าบอกข้ามาตามจริง พวกเจ้าหมั้นหมายสะใภ้คิดอยากได้สะใภ้เช่นไร วันหน้าคนเขามาถามข้า ข้าจะได้ตอบเขากลับไปได้”
ลู่เจียวมองไปยังคนที่เอ่ย ก็คือฮูหยินขุนพลหวัง
ฮูหยินขุนพลหวังได้รับการไหว้วานมาสอบถามตระกูลเซี่ย ว่าตระกูลพวกเขาคิดแต่งสะใภ้ด้วยเงื่อนไขอันใด
ลู่เจียวคิดแล้วก็กล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ความจริงก่อนหน้านี้ข้ารับปากบุตรชายไปว่า ภรรยาที่พวกเขาคิดแต่งต้องเป็นคนที่พวกเขาชอบ ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่ข้างกายข้า ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดแต่งภรรยาเช่นไร”
ฮูหยินขุนพลหวังได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ไม่เห็นด้วยทันที กล่าวว่า “เจียวเจียว เรื่องนี้ข้าต้องว่าเจ้าสักคำ เจ้าจะแต่งสะใภ้ตามความต้องการของลูกๆ ได้อย่างไร พวกเขาอายุน้อยเพียงนั้นจะไปรู้ได้อย่างไรว่าแต่งภรรยาเช่นใดจะดีต่อพวกเขากัน”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ข้าไม่อยากบีบบังคับพวกเขาแต่งกับหญิงที่ไม่ชอบ ชีวิตนี้ยาวนานนัก แต่งภรรยาต้องแต่งกับคนที่ชอบ เช่นนี้จึงจะไม่รู้สึกว่าชีวิตนี้ยาวนานนัก”
ฮูหยินขุนพลหวังเงียบงันไปครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “พวกเราไม่ใช่ผ่านชีวิตมาเช่นนี้หรือ ก็ใช้ชีวิตต่อไปชั่วชีวิต”
ลู่เจียวมองไปยังฮูหยินขุนพลหวังยิ้มกล่าวว่า “ก็ผ่านมาแต่เช่นนี้ แต่ในใจย่อมต้องรู้สึกเสียใจ”
ฮูหยินขุนพลหวังเห็นลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ ก็รู้ว่าที่นางคิดไว้ก็คือให้ลูกๆ ตัดสินใจเอง ฮูหยินขุนพลหวังยกมือขึ้นชี้หน้านาง พลางพยักหน้าใส่ลู่เจียว “เจ้านี่ เจ้านี่ ปล่อยให้ลูกเอาแต่ใจ วันหน้าแต่งสะใภ้ไม่ถูกใจมา ดูว่าเจ้าจะวุ่นวายใจหรือไม่”
ลู่เจียวเองก็ไม่โต้ตอบนาง เพียงแต่หัวเราะเล็กน้อย
ฮูหยินขุนพลหวังเห็นนางไม่ตอบก็ไม่ได้พูดเรื่องบุตรชายตระกูลเซี่ยอีก แต่ไปคุยเรื่องอื่นแทน
“เจ้ารู้ไหม ฝ่าบาทจะคัดเลือกพระสนมแล้ว”
ระยะนี้ลู่เจียวว่างอยู่แต่ในจวนจนแทบเหี่ยวเฉา พอได้ยินเรื่องนี้ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที ถามฮูหยินขุนพลหวังว่า
“คล้ายว่าฝ่าบาทไม่ได้กระตือรือร้นกับการคัดเลือกพระสนมอันใด นับประสาอันใดกับอดีตฮ่องเต้ยังสิ้นไปไม่ถึงหนึ่งปี”
ลู่เจียวเป็นหมอ รู้ว่าตอนนี้พระพลานามัยฝ่าบาทไม่ค่อยดี เหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะเป็นองค์ชาย แต่เล็กจนโตโดนวางอุบายมามาก ดังนั้นร่างกายจึงค่อนข้างย่ำแย่ แม้ว่าตอนนี้ฝ่าบาทอายุเพียงแต่สามสิบกว่า แต่จอนผมก็เริ่มขาวแล้ว นี่คือลักษณะอาการเสื่อมลงของร่างกาย
ความจริงลู่เจียวไม่เห็นด้วยที่ฝ่าบาทจะคัดเลือกพระสนม และนางก็เห็นว่าฝ่าบาทไม่ได้ทรงมีเงื่อนไขในเรื่องสตรีมากนัก
นับประสาอันใดกับอดีตฮ่องเต้จากไปได้ไม่ถึงหนึ่งปี คัดเลือกพระสนมตอนนี้ดีจริงหรือ
ฮูหยินขุนพลหวังได้ยินลู่เจียวก็รีบหรี่เสียงให้เบาลง เล่าอย่างตื่นเต้นว่า “ข้าได้ยินว่า ไทเฮาแสดงท่าทีแข็งกร้าวใส่ฝ่าบาท ตรัสว่าฝ่าบาทโอรสน้อย พระสนมในวังหลังก็ไม่กี่คน และอายุก็มากแล้ว ให้กำเนิดโอรสธิดาก็ยาก ดังนั้นฝ่าบาทควรคัดเลือกพระสนมดรุณีน้อยเข้าวังเพิ่ม ส่วนอดีตฮ่องเต้ไปไม่ถึงหนึ่งปี ไทเฮาว่าการสืบทายาทเป็นเรื่องใหญ่ อดีตฮ่องเต้ทรงเข้าพระทัย ความหมายของไทเฮาก็คือให้เลือกพระสนมเข้าวังมาเงียบๆ ไม่เป็นที่เอิกเกริก สักคนสองคนก็คงไม่เป็นเรื่องใหญ่อันใด”