ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 778 ไม่คลุกคลีกับเรื่องทางโลก
ตอนที่ 778 ไม่คลุกคลีกับเรื่องทางโลก
ลู่เจียวคิดแล้วก็พอจะเข้าใจความคิดของไทเฮาจ้าว นี่ไม่ใช่คิดส่งบุตรีจ้าวกั๋วกงเข้าวังหรือ
หญิงตระกูลจ้าวที่แต่งเข้าจวนอ๋องเยียนก่อนหน้านี้ได้จากไปตอนคลอดบุตรสาว
ตระกูลจ้าวกุมอำนาจการทหารในมือ ย่อมต้องหวังว่าเลือดเนื้อเชื้อไขสายตนเองจะได้เป็นฮ่องเต้ปกครองแคว้นต้าโจวต่อไป
แต่ลู่เจียวรู้สึกว่าพวกเขาคิดวาดหวังมากเกินไปแล้ว ตอนนี้องค์ชายใหญ่อายุสิบเจ็ดชันษาแล้ว องค์ชายรองก็สิบห้าแล้ว
แม้เจ้าแต่งหญิงสกุลจ้าวเข้าวังให้กำเนิดโอรส เด็กคนนั้นอายุเท่าไร จะขึ้นครองราชย์ได้หรือ
แต่นางไม่ได้เอ่ยเรื่องเหล่านี้ออกมา กลับเป็นฮูหยินขุนพลหวังกระซิบเบาๆ ว่า “ไทเฮาช่างไม่เสียทีที่เป็นหญิงตระกูลจ้าว ไม่ได้รักบุตรชายตนเองสักนิด คิดแต่ตระกูลเพียงอย่างเดียว”
ลู่เจียวรีบมองฮูหยินขุนพลหวังกล่าวว่า “วาจานี้ท่านอย่าได้เอ่ยออกไป”
ฮูหยินขุนพลหวังเป็นฮูหยินขุนพล แต่ไรมาก็ไม่ค่อยคิดมาก ก่อนหน้านี้ก็แค่ปากไวหลุดออกไป พอได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็หน้าแดง กล่าวว่า “ต่อหน้าเจียวเจียวเท่านั้น ข้าจึงได้หลุดปากออกมา ต่อหน้าผู้อื่น ข้าจะระมัดระวัง”
ลู่เจียวพยักหน้า ฮูหยินขุนพลหวังเขยิบเข้าไปใกล้ลู่เจียวกระซิบเบาๆ ว่า “ครั้งนี้นอกจากคัดเลือกพระสนมให้ฝ่าบาทแล้ว ย่อมต้องเลือกให้องค์ชายรอง เจ้าเป็นมารดาที่เลี้ยงดูองค์ชายรองมา ไม่แน่ว่าอาจต้องเข้าวังไปเลือกพระชายาให้องค์ชายรอง”
สีหน้าลู่เจียวนิ่งอึ้ง รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้
แต่สามวันถัดมา ฮองเฮาก็มีราชโองการมาถึงตระกูลเซี่ย เป็นดังที่ฮูหยินขุนพลหวังคาดเดาก่อนหน้านี้ ฮองเฮามีพระประสงค์ให้ฮ่องเต้มีราชโองการคัดเลือกพระชายาให้องค์ชายรอง ลู่เจียวในฐานะมารดาผู้เลี้ยงดูองค์ชายรองมา ฮองเฮาทูลขอให้เรียกตัวลู่เจียวเข้าวังมาเลือกให้องค์ชายรอง
ลู่เจียวพอได้ฟังราชโองการก็รู้ว่าฮองเฮาไม่ได้ประสงค์ดี
แต่ฮองเฮาเป็นฮองเฮา นางย่อมไม่อาจขัดราชโองการฮองเฮา ได้แต่แต่งกายเต็มยศพาหร่วนจู๋กับติงเซียงเข้าวังไป
แม้ว่าหร่วนจู๋กับติงเซียงต่างแต่งงานแล้ว แต่ทั้งสองคนยังติดตามลู่เจียว ปกติลู่เจียวออกไปข้างนอกก็จะพาพวกนางไปด้วย
พวกนางสองคนติดตามลู่เจียวมาหลายปี ถูกลู่เจียวอบรมจนก้าวหน้าไปมาก พบเจอเรื่องราวอันใดก็จะสงบนิ่งไม่ตื่นตระหนก จะไม่มีทางพบเจอคนในวังแล้วลนลานทำอันใดไม่ถูกอย่างแน่นอน
นอกตำหนักฮองเฮาครึกครื้นอย่างมาก ฮูหยินขุนนางระดับสามขึ้นไปต่างพาบุตรีเข้าวังมาร่วมการคัดเลือก
ตระกูลที่ฮูหยินมีบุตรีก็จะคาดหวังว่าบุตรีตนจะเข้าตาฝ่าบาทหรือไม่ก็องค์ชายรอง
ไม่ว่าฝ่าบาทหรือองค์ชายรองล้วนเป็นบุตรเขยที่ไม่เลวอย่างมาก แม้เข้าวังเป็นพระสนมฝ่าบาท ก็ไม่เลว ตอนนี้ฝ่าบาทพระชนมายุเพียงสามสิบกว่า กำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์ หน้าตาก็โดดเด่นเป็นสง่า
หากไม่อาจเข้าวังหลังของฝ่าบาทได้ แต่ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้เป็นพระชายาองค์ชายรองก็ไม่เลวอย่างมาก
ตอนลู่เจียวมาถึง คนไม่น้อยต่างยิ้มแย้มทักทายนาง
ฮองเฮายิ้มเอ่ยว่า “วันนี้นอกจากเลือกพระสนมให้ฝ่าบาท ยังเลือกพระชายาเอกให้องค์ชายรองหนึ่ง พระชายารองสอง ฮูหยินเซี่ยเป็นมารดาที่เลี้ยงดูองค์ชายรองมา ข้าจึงขอให้เจ้าเข้าวังมาร่วมคัดเลือกพระชายาให้องค์ชายรอง”
ลู่เจียวได้ฟังฮองเฮาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ฮองเฮารีบยิ้มเอ่ยว่า “ฮูหยินเซี่ยคงไม่เห็นด้วยที่จะเลือกพระชายารองให้องค์ชายรองกระมัง”
ตั้งแต่เซียวเหวินอวี๋เข้าวังเป็นองค์ชาย ลู่เจียวก็รู้ว่าเขาจะไม่เหมือนกับบุตรชายตระกูลเซี่ยคนอื่นๆ ในฐานะองค์ชาย แต่งพระชายาเพียงหนึ่งเป็นไปได้น้อยมาก แม้แต่ฝ่าบาทตอนนี้ก็มีพระสนมเจ็ดแปดคน ราชสำนักยังว่าฝ่าบาทไม่สนใจอิสตรี แต่ละคนแทบจะให้ยัดสตรีเข้าวังหลังฝ่าบาทมาให้เต็มๆ จึงจะวางใจได้
ดังนั้นซื่อเป่าเข้าวังเป็นองค์ชายรอง คิดแต่งพระชายาเพียงหนึ่ง ย่อมไม่อาจเป็นเรื่องที่เป็นจริงได้
ในพระที่นั่งคนไม่น้อยมองไปทางลู่เจียว ก่อนหน้านี้ลู่เจียวไม่เห็นด้วยที่ฮองเฮาพระราชทานอนุ คงไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยที่องค์ชายรองจะรับพระชายารองกระมัง หากเป็นเช่นนี้ นางก็เข้ามายุ่งมากเกินไปแล้ว
ลู่เจียวมองดูฮองเฮาที่หาเรื่องนางตลอดเวลาแล้ว ก็พยายามอดกลั้นโทสะในใจ กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “องค์ชายรองเป็นเชื้อพระวงศ์ การแต่งงานย่อมต้องเป็นฝ่าบาทตัดสินพระทัย สตรีสามัญเช่นหม่อมฉันจะมีสิทธิ์เอ่ยวาจามากความอันใดได้เพคะ”
ฮองเฮายิ้มตรัสว่า “ก่อนหน้านี้เราได้ทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาท ฝ่าบาทก็ทรงเห็นชอบให้เจ้าเข้าร่วมการคัดเลือกพระชายาให้องค์ชายรอง”
ที่เซียวอวี้เห็นด้วยก็เพราะไม่วางใจฮองเฮา
แต่กลับไม่รู้ว่าฮองเฮาไม่คิดอยากข้องเกี่ยวกับการแต่งงานขององค์ชายรอง เลือกดีเกินไป นางก็ทำใจไม่ได้ เลือกไม่ดี ก็เกรงฝ่าบาทจะทรงกริ้ว ดังนั้นคิดไปคิดมาแล้ว ก็ล้วนไม่ใช่เรื่องดี ฮองเฮาไม่อยากยุ่งเรื่องนี้ จึงได้ทูลเสนอต่อฝ่าบาทให้ลู่เจียวเข้าวังมาเข้าร่วมการคัดเลือก
เดิมเซียวอวี้ไม่วางใจฮองเฮาอยู่ ดังนั้นพอได้ยินนางเสนอก็เห็นด้วยทันที
ลู่เจียวได้ฟังฮองเฮาก็ไม่ได้เอ่ยอันใดอีก
ฮองเฮาแย้มสรวลให้กับบรรดาคุณหนูในตำหนัก กล่าวว่า “อีกสักครู่พวกเจ้าก็แสดงความสามารถตนเองให้ดี หากฮูหยินเซี่ยต้องตาต้องใจ พวกเจ้าก็อาจได้เป็นพระชายาเอกหรือไม่ก็พระชายารองขององค์ชายรอง”
นางผลักเรื่องนี้ทิ้งอย่างหมดจด
วันนี้นางอยากดูว่าลู่เจียวจะคัดเลือกพระชายาให้องค์ชายรองอย่างไร ฝ่าบาทเป็นคนขี้ระแวงมาก หากลู่เจียวเลือกบุตรีขุนนางใหญ่เป็นพระชายาเอก ฝ่าบาทต้องสงสัยเจตนาของนาง สงสัยว่าวันหน้าตระกูลเซี่ยจะส่งผลต่อองค์ชายรอง หากนางเลือกคนไม่ดี ฝ่าบาทก็ย่อมไม่พอพระทัยเช่นกัน
ในพระตำหนัก บรรดาฮูหยินที่ชาญฉลาดย่อมคิดกระจ่างถึงเรื่องเหล่านี้ แต่คนที่ยังไม่กระจ่างก็พยายามยื่นไมตรีให้ลู่เจียว
ยามนี้ลู่เจียวเข้าใจเจตนาของฮองเฮาแล้ว ประการแรก นางไม่ต้องการข้องเกี่ยวเรื่องเลือกพระชายาขององค์ชายรอง ประการที่สอง นางคิดให้ฝ่าบาทเกิดช่องว่างกับตระกูลเซี่ยและองค์ชายรอง
ลู่เจียวเม้มริมฝีปากแค่นเยาะ ค่อยๆ เงยหน้าส่งยิ้มมองไปยังฮองเฮา
ฮองเฮาเห็นสีหน้านางก็รู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มหญิงผู้นี้ จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นหรือไม่
ลู่เจียวลุกขึ้นทูลนอบน้อมว่า “ในเมื่อฝ่าบาทกับฮองเฮามีรับสั่ง ลู่เจียวย่อมนอบรับพระบัญชา”
ลู่เจียวเพิ่งกล่าวจบ นอกประตูตำหนักก็มีขันทีส่งเสียงแหลมดังเข้ามา “ไทเฮาเสด็จแล้ว”
วันนี้คัดเลือกพระชายา ฮ่องเต้ไม่มาเข้าร่วม ความจริงไม่ทรงเห็นด้วยกับการคัดเลือกพระชายา แต่ไทเฮาจ้าวแสดงท่าทีกดดันว่าโอรสธิดาของเขาน้อยเกินไป เซียวอวี้จะไม่เข้าใจเจตนาเสด็จแม่ตนหรือ นางคิดเพียงแค่ส่งหญิงตระกูลจ้าวเข้าวังให้กำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขราชวงศ์ไม่ใช่หรือ
เสด็จแม่ช่างทรงคิดเพื่อตระกูลจ้าวไปเสียทุกเรื่อง
แต่พอเซียวอวี้คิดถึงว่าหลายปีมานี้ เสด็จแม่อยู่ในวังยากลำบาก สุดท้ายก็ตอบตกลง แต่กลับสั่งการให้ทุกอย่างฟังรับสั่งไทเฮากับฮองเฮา เขาไม่เข้าร่วม
แสดงให้เห็นท่าทีของฝ่าบาทได้อย่างชัดเจนว่าไม่ทรงสนพระทัยเรื่องการคัดเลือกพระสนมในครั้งนี้
แต่กลับกำชับให้คัดเลือกพระชายาให้องค์ชายรองให้ดี
ไทเฮาจ้าวคิดเพียงส่งหญิงตระกูลจ้าวเข้าวัง ส่วนเรื่องคัดเลือกพระชายาให้องค์ชายรอง นางไม่ได้สนพระทัยนัก เซียวอวี้มองออกว่าไทเฮาจ้าวกับฮองเฮาไม่ใคร่สนใจเรื่องการแต่งงานขององค์ชายรองเซียวเหวินอวี๋
ดังนั้นฮองเฮาเสนอให้ลู่เจียวเข้าร่วมการคัดเลือกพระชายาให้องค์ชายรอง เซียวอวี้จึงรับปากทันที
เขารู้สึกว่าลู่เจียวทุ่มเทเลี้ยงดูองค์ชายรองมา จะต้องเลือกพระชายาแทนองค์ชายรองได้
ในตำหนักคุนหนิงกง เริ่มแรกนั้นลู่เจียวโมโหมาก แต่ก็ค่อยๆ คิดได้ ความจริงให้นางมีส่วนร่วมกับการแต่งงานของซื่อเป่านั้นเป็นเรื่องดีมาก อย่างไรก็ดีกว่าให้ไทเฮาจ้าวกับฮองเฮาคัดเลือกตามอำเภอใจ
ลู่เจียวค่อยๆ สงบใจลง
ไทเฮาจ้าวมาถึง ก็ให้คุณหนูแต่ละตระกูลในพระตำหนักแสดงความสามารถตนเอง สตรีตระกูลสูงศักดิ์เหล่านี้ต่างมาจากสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อ ไม่เพียงแต่มีความสามารถดี แต่ยังได้รับการอบรมธรรมเนียมจารีตมาอย่างดี แต่ละคนจึงไร้ที่ติ
จ้าวเหม่ยหยวนหญิงตระกูลจ้าวแสดงความสามารถได้โดดเด่นที่สุด และนางเองก็รูปโฉมงดงามมาก กิริยาท่าทางก็สูงสง่ามีราศี งดงามน่าชมยากบรรยาย
นางแสดงความสามารถเสร็จลง ทุกคนในพระที่นั่งต่างเอ่ยชมไม่หยุด จ้าวเหม่ยหยวนถอยกลับออกไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเขินอาย
คุณหนูแต่ละตระกูลด้านหลังก็ก้าวออกมาแสดงความสามารถ ในนั้นก็มีคนที่โดดเด่น และก็คนที่ด้อย แต่สรุปก็คือล้วนไม่เลวอย่างมาก
สตรีตระกูลสูงศักดิ์ได้รับการอบรมธรรมเนียมจารีตมาแต่เล็ก กิริยาท่าทางย่อมไม่อ่อนด้อย
เพียงแต่ลู่เจียวไม่ได้รู้สึกถึงชีวิตชีวาจากรอบกายพวกนาง