ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 780 พระราชทานพิธีอภิเษก
ตอนที่ 780 พระราชทานพิธีอภิเษก
ฮ่องเต้ที่ประทับนั่งอยู่รับสั่งว่า “ไปเรียกตัวฮูหยินเซี่ยมาเข้าเฝ้า”
เซียวอวี้คิดถามลู่เจียว เหตุใดนางจึงกล้าเลือกเช่นนี้
การเลือกบุตรีขุนนางคนสำคัญในราชสำนักให้องค์ชายรอง เขาเข้าใจได้ แต่เลือกทีสามคน นางกำลังคิดทำอันใด คิดช่วยองค์ชายรองหาพรรคพวกหรือ
แววตาเซียวอวี้ดำทะมึนและเย็นเยียบ
ขันทีรีบออกไปตามตัวลู่เจียวเข้าเฝ้า
ไทเฮากับฮองเฮายิ้มให้กัน รับสั่งว่าการเลือกพระสนมวันนี้เสร็จสิ้นลงแล้ว อีกสักครู่ฝ่าบาทจะมีราชโองการพระราชทานพิธีอภิเษกให้องค์ชายรอง ไม่ว่าอย่างไรฝ่าบาทย่อมต้องเลือกพระชายาให้องค์ชายรอง ส่วนจะเป็นทั้งสามคนที่ลู่เจียวเขียนไว้หรือไม่ ก็ไม่อาจรู้ได้แล้ว
ลู่เจียวไปถึงห้องทรงอักษร ฮ่องเต้ก็ถามนางตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อมว่า “เจ้าเลือกเก่งจริงนะ”
ลู่เจียวทูลด้วยสีหน้านอบน้อมว่า “ฝ่าบาท ไม่ทราบว่าคนที่หม่อมฉันเลือกมีอันใดไม่เหมาะสมหรือเพคะ”
นางกล่าวด้วยสีหน้าเปิดเผย ไม่ได้รู้สึกถึงคนที่มีแผนการในใจแม้แต่น้อย และไม่ทันรอให้ฝ่าบาทตรัส นางก็รีบทูลตามมาว่า “หม่อมฉันเลี้ยงดูองค์ชายรองมา รู้อุปนิสัยองค์ชายรอง รู้ว่าเขาชอบสตรีเช่นใด หญิงสาวทั้งสามคือคนที่หม่อมฉันเคยได้พบ หม่อมฉันรู้นิสัยของพวกนาง รู้ว่าพวกนางทั้งสามล้วนเหมาะสมกับองค์ชายรอง ดังนั้นจึงได้เขียนมาให้ฝ่าบาททรงเลือกเพคะ”
“หากฝ่าบาทคิดว่าไม่เหมาะสม ก็เพียงแค่ไม่ทรงเห็นชอบ”
ท่าทางลู่เจียวเหมือนสุกรไม่กลัวน้ำร้อน และไม่ได้เกรงกลัวฝ่าบาททรงกริ้วแม้สักนิด
นางเช่นนี้ทำให้เซียวอวี้คิดถึงครั้งแรกที่เขาได้พบนาง นางก็มีท่าทีดุกร้าวเช่นนี้
หญิงผู้นี้นิสัยตรงไปตรงมา
เซียวอวี้มองนาง คิดถึงที่นางช่วยเขาไว้ถึงสามครั้ง คิดถึงเรื่องของตนเองกับนาง
หากหญิงผู้นี้ไม่ใช่ฮูหยินขุนนางในราชสำนัก เขาก็คิดเป็นคนรู้ใจของนาง หญิงผู้นี้เหมาะสมกับเป็นคนรู้ใจอย่างมาก คิดอันใดก็พูดออกมา
เซียวอวี้คิดไปก็ถามลู่เจียวไปว่า “เจ้าไม่ได้คิดเรื่องอื่นแม้สักนิดหรือ”
ลู่เจียวทูลอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “ ทูลฝ่าบาท มีเพคะ ตระกูลมารดาซื่อเป่าไม่โดดเด่น หากเลือกตระกูลภรรยาที่สถานะสูงส่งก็ไม่เลว อย่างน้อยก็จะได้ช่วยเหลือเขาได้ หม่อมฉันกลัวว่าวันหน้าเขาจะตกอยู่ในอันตราย”
เซียวอวี้หรี่ตามองนาง พบว่าสีหน้านางไม่ได้แอบซ่อนความคิดอื่นเอาไว้
เขาคิดถึงคำพูดลู่เจียวแล้วพูดไม่ออก ได้แต่เอ่ยว่า “เขาไม่ใช่มีตระกูลเซี่ยพวกเจ้าหรือ”
“ทูลฝ่าบาท ตระกูลเซี่ยไม่ใช่ตระกูลฝั่งมารดาขององค์ชายรองเพคะ”
เซียวอวี้ไม่คิดถกปัญหานี้กับลู่เจียว โบกมือทันที “เอาละ รีบกลับไปได้แล้ว”
ปวดหัว
ลู่เจียวรีบขอบพระทัยลุกขึ้นออกไป เซียวอวี้ถามขันทีน้อยข้างกาย “เจ้าว่านางกล้ามากเกินไปหรือไม่ ที่เลือกทั้งสามคนนี้มา ยังเอ่ยอย่างมั่นใจว่าเหมาะสมกับองค์ชายรอง”
ยามนี้ลู่เจียวเดินออกจากห้องทรงอักษรมาด้วยอาการหลั่งเหงื่อเย็นท่วมแผ่นหลัง แม้ว่านางพูดอย่างมั่นใจต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ ความจริงนางเองก็รู้สึกกลัวพระอารมณ์ที่อาจแปรปรวนของฮ่องเต้เช่นกัน
โชคดีที่นางรู้นิสัยเซียวอวี้ เขาเป็นคนที่ชอบให้ผู้อื่นพูดจาตรงไปตรงมา ไม่ชอบอ้อมค้อม แม้เขาไม่พอใจ แต่ก็จะไม่ลงอาญา
โชคดีที่ผ่านไปได้อย่างน่าตกใจแต่ก็ปลอดภัย
นับว่านางได้เลือกพระชายาเอกให้ซื่อเป่าแล้ว รายชื่อทั้งสามที่กราบทูลไปไม่ว่าคนใดเป็นพระชายาองค์ชายรองก็ล้วนไม่เลว
ลู่เจียวคิดไปก็เดินยิ้มไปได้กลางทาง พลันมีขันทีเดินเข้ามาขวางทางพวกนางไว้อย่างเร่งรีบ
“คารวะ ฮูหยินเซี่ย”
ลู่เจียวมองไปก็พบว่า คนที่มาก็คือโจวโย่วฉิน ที่คอยรับใช้ข้างกายองค์ชายรอง โจวโย่วฉินสีหน้าซีดขาวอยู่บ้าง แต่เดินเหินเป็นปกติ ก่อนเขาเข้าวัง ลู่เจียวให้เขานำเอายาสมานแผลชั้นดีมาไม่น้อย ดังนั้นหลังเขาจัดการตนเองแล้ว บาดแผลก็ประสานกันเร็วมาก
ตอนนี้มารับใช้องค์ชายรองได้แล้ว
ลู่เจียวมองโจวโย่วฉิน ค่อยๆ เลิกคิ้วถามว่า “เจ้ามาทำอันใด”
“องค์ชายรองได้ยินว่าฝ่าบาทรับสั่งให้ฮูหยินเซี่ยเข้าวัง จึงไม่วางพระทัยให้ข้าน้อยมาดูสักหน่อย”
สีหน้าลู่เจียวมองโจวโย่วฉินไม่ค่อยดีนัก กล่าวว่า “ข้าไม่เป็นไร เจ้ากลับไปรับใช้องค์ชายรองให้ดี”
นางกล่าวจบก็รีบก้าวเท้าจากไป แต่ตอนเดินผ่านโจวโย่วฉินก็กระซิบว่า “บอกองค์ชายรองว่า วันหน้าต้องรักษาระยะห่างกับพวกเรา อีกอย่าง พวกเราเข้าวังไม่ว่าต้องเจอกับเรื่องอันใด ก็ห้ามเขาส่งคนมาสืบ ในวังคือพื้นที่ของฝ่าบาท”
จากความเข้าใจของนางที่มีต่อเซียวอวี้ ในวังย่อมต้องวางสายลับของเขาเอาไว้ เกรงว่าเซียวอวี้คงไม่อยากให้องค์ชายรองไปมาหาสู่กับตระกูลเซี่ยมากนัก
ดังนั้นลู่เจียวจึงได้เตือนโจวโย่วฉิน
โจวโย่วฉินได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็คุกเข่าลงนิ่งไม่ขยับ จนกระทั่งลู่เจียวเดินจากไป เขาจึงได้ลุกขึ้นกลับไปห้องหนังสือรายงานเรื่องนี้
องค์ชายรองเซียวเหวินอวี๋ได้ยินรายงานโจวโย่วฉินก็นิ่งไปไม่ตรัสสักคำ จากนั้นก็หันหลังเดินกลับเข้าไปเรียนหนังสือที่สำนักกั๋วจื่อเจี้ยน
เขารู้ท่านแม่เขาทำเพื่อเขา
ดังนั้นเขาต้องได้ครองแผ่นดินแคว้นต้าโจว ถึงตอนนั้นเขาอยากพบท่านแม่เมื่อใดก็ได้พบ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังประชุมราชสำนัก ฮ่องเต้ก็มีราชโองการสองฉบับ
ราชโองการฉบับที่หนึ่ง พระราชทานเผยอวี่หลานสาวเผยโส่วฝู่ให้เป็นพระชายาเอกองค์ชายรอง
ราชโองการฉบับที่สอง พระราชทานหวังเมิ่งเหยาบุตรีขุนพลหวังให้เป็นพระชายารององค์ชายรอง
ราชโองการทั้งสองฉบับทำให้ขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาดัง ขุนนางหลายคนต่างแอบซุบซิบกัน คล้ายว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญกับองค์ชายรอง ทรงเลือกพระชายาให้เขาคนหนึ่งบุ๋น คนหนึ่งบู๊ ล้วนเป็นบุตรีขุนนางคนสำคัญ
ไทเฮากับฮองเฮารู้เรื่องนี้ก็ทรงกริ้วอย่างมาก
ทั้งสองคนต่างระเบิดโทสะในตำหนักของตนเอง
ฝ่าบาทพระราชทานบุตรีขุนนางทรงอำนาจคนสำคัญในราชสำนักคนหนึ่งให้ก็ถือว่าให้ความสำคัญกับองค์ชายรองมากแล้ว
ตอนนี้ถึงกับพระราชทานคนหนึ่งบุ๋น คนหนึ่งบู๊ให้อภิเษกกับองค์ชายรอง
ไทเฮากับฮองเฮาจะไม่ทรงกริ้วได้อย่างไร
ฮองเฮาขว้างปาสิ่งของอยู่ในตำหนิงคุนหนิงกง บุตรชายของนางเป็นโอรสฮองเฮา แต่พระชายาเอกก็เป็นเพียงแค่บุตรีอันหนานโหว แม้ว่าอันหนานโหวจะกุมอำนาจการทหารครึ่งหนึ่งในแถบตะวันตกเฉียงเหนือ
แต่บุตรชายของนางเป็นพระโอรสองค์โต องค์ชายรองถือสิทธิ์อันใดที่ตระกูลทางมารดาก็ไม่ได้โดดเด่น เป็นแค่ตระกูลเล็กๆ ถึงกับได้รับความสำคัญยิ่งกว่าบุตรชายของนาง อย่าได้เอ่ยว่าพระอารมณ์ฮองเฮาจะเสียสักเท่าใด สุดท้ายองค์ชายใหญ่เซียวเจินต้องมากล่อมมารดาตนเองให้สงบลง
“เสด็จแม่อย่าได้ทรงร้อนพระทัยไป แม้ว่าเสด็จพ่อพระราชทานอภิเษกนี้ แต่ตอนนี้อายุเขายังน้อย ยังไม่ถึงเวลาแต่งงาน หม่อมฉันอยากดูว่าเขาจะยังมีชีวิตได้ถึงวันอภิเษกหรือไม่”
เซียวเจินสีหน้าโหดเหี้ยมกัดฟันกล่าว
ฮองเฮาได้ฟังเขาก็รู้สึกว่าเขาพูดได้มีเหตุผล คล้ายว่าสองปีก่อนบุตรชายนางเลือกพระชายาเอกกับพระชายารอง ปีนี้เพิ่งได้สร้างตำหนักนอกวังและเข้าพิธีอภิเษก
องค์ชายรองตอนนี้สิบห้าชันษา หากเขาจะอภิเษก อย่างน้อยก็ต้องรออีกสองปี จึงจะออกจากวังไปเข้าพิธีอภิเษกได้
เวลาสองปีอาจมีเรื่องราวเปลี่ยนแปลงมากมาย ถึงตอนนั้นองค์ชายรองจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง
หากองค์ชายรองตายไป หลานสาวตระกูลเผยก็ตกอยู่ในดวงพิฆาตสามี วันหน้าก็ไม่อาจออกเรือนที่ดีได้