ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 785 เลือกข้าง
ตอนที่ 785 เลือกข้าง
ลู่เจียวได้ฟังจ้าวอวี้หลัวก็อดยิ้มไม่ได้ ในที่สุดนางร้ายในนิยายผู้นี้ก็ไม่ได้เป็นนางร้ายโหดเหี้ยมอีกแล้ว นางรู้จักคิดถึงผู้อื่น ไม่ได้เห็นแก่ตัวคิดถึงแต่ตนเองอีกแล้ว
ลู่เจียวเห็นจ้าวอวี้หลัวมาแต่เล็ก เห็นนิสัยเอาแต่ใจของนาง มักทำตามอำเภอใจ แต่เดินมาถึงวันนี้ เรียกได้ว่าเส้นทางนี้นางตั้งใจอบรมนางมาไม่น้อย ตอนนี้เห็นนางเติบโตเช่นนี้ได้ ลู่เจียวรู้สึกชื่นชมมาก
ลู่เจียวหันไปมองเอ้อร์เป่า ถามว่า “อยากแต่งกับอวี้หลัวหรือไม่ เจ้ามาคุยกับนาง แม่ฟังคำเจ้า”
ลู่เจียวกล่าวจบก็หันหน้าไปยิ้มมองเนี่ยอวี้เหยากับเถียนฮวนกล่าวว่า “ไป พวกเราไปหารือเรื่องหมั้นหมายต้าเป่ากัน”
เถียนฮวนได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็เข้าใจความนัย อดหันไปมองบุตรสาวด้านหลังไม่ได้ กล่าวตามตรง ตอนนี้เอ้อร์เป่าเหมาะกับอวี้หลัวมากจริงๆ เอ้อร์เป่าเป็นชายชาตรีมองโลกสดใส อวี้หลัวก็มีชีวิตชีวางามกระจ่าง ทั้งสองคนยืนคู่กันแล้วก็มองออกว่าพวกเขาคือคู่ที่ใช่ และนางมองออกว่าเอ้อร์เป่ากลับมาเมืองหลวงครั้งนี้คล้ายว่าท่าทีต่ออวี้หลัวเปลี่ยนไป
เถียนฮวนคิดแล้วก็เข้าใจ เมื่อก่อนเอ้อร์เป่าเป็นเพียงเด็กน้อย อวี้หลัวมักคอยตามเกาะติดเขา เขาย่อมรำคาญ แต่พอเขาโตขึ้นจึงได้รู้จักชื่นชอบผู้อื่น จึงได้เปลี่ยนไป และเพราะทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกัน ความผูกพันย่อมต่างจากผู้อื่น นี่เป็นการแต่งงานที่ดีที่สุด
แต่เถียนฮวนนึกถึงความกังวลของจ้าวหลิงเฟิงก่อนหน้านี้ หากอวี้หลัวหมั้นหมายกับตระกูลเซี่ย ก็จะถูกผูกมัดขึ้นเรือลำเดียวกับองค์ชายรอง
ความจริงตามความคิดจ้าวหลิงเฟิง เขาไม่คิดเลือกข้างใด คิดยืนข้างฮ่องเต้เท่านั้น วันหน้าผู้ใดเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจว เขาก็ภักดีผู้นั้น หากอวี้หลัวบุตรสาวเขาแต่งงานกับบุตรชายตระกูลเซี่ย เขาก็ต้องอยู่ฝั่งองค์ชายรองอย่างแน่นอนแล้ว หากวันหน้าองค์ชายรองไม่อาจขึ้นครองบัลลังก์ พวกเขาก็คงต้องพลอยถูกผลกระทบไปด้วย องค์ชายใหญ่เซียวเจินเป็นคนมีนิสัยมีแค้นต้องชำระ
เถียนฮวนคิดถึงบุตรชายตนเอง ในใจก็แอบนึกเป็นห่วง แต่เห็นลู่เจียวกับเนี่ยอวี้เหยาดีใจ นางก็ไม่อาจพูดขัดคอขึ้นมาได้ ได้แต่ร่วมวงสนทนากันอย่างตื่นเต้นดีใจตามไปด้วย
จู้เป่าจูเห็นเนี่ยอวี้เหยาและเถียนฮวนต่างได้เกี่ยวดองกับตระกูลเซี่ย ในใจก็ปวดปลาบเล็กน้อย ความจริงนางก็คิดอยากให้เหวินเมี่ยวบุตรสาวนางแต่งเข้าตระกูลเซี่ย น่าเสียดายนายท่านเหวินบอกว่าไม่อยากเกี่ยวดองกับตระกูลเซี่ย แน่นอนว่านางเองก็รู้ว่าบุตรชายตระกูลเซี่ยเองก็ไม่ได้คิดแต่งกับบุตรสาวนาง
จู้เป่าจูแอบถอนใจอยู่ในใจ เอาเถอะ ทุกอย่างอยู่ที่บุพเพวาสนา
ในสวนดอกไม้ตระกูลเซี่ย ต้าเป่ากับหูหลิงเสวี่ยเดินจากไปแล้ว ทิ้งเอ้อร์เป่ากับจ้าวอวี้หลัวไว้เพียงสองคน ทั้งสองคนสบตากัน
จ้าวอวี้หลัวพยายามหายใจให้เป็นปกติ มองเอ้อร์เป่ากล่าวว่า “เจ้าอย่าจริงจังกับคำพูดน้าลู่ ไม่นับว่าเป็นการตกลงงานแต่งงานของพวกเรา”
จ้าวอวี้หลัวยังจะเอ่ยต่อ แต่เอ้อร์เป่าร้อนใจ รีบกล่าวว่า “ท่านแม่กล่าวเช่นนั้น ก็เพราะมองความในใจข้าออก”
เขากล่าวจบก็รู้สึกเขินอาย เด็กหนุ่มอายุสิบห้ายามเผชิญหน้ากับหญิงสาวงดงามย่อมหน้าแดงไม่รู้ตัว
แต่ก็อดอยากเหลือบมองไม่ได้ เขาแอบมองไปยังสาวน้อยข้างๆ
คิดไม่ถึงว่าจ้าวอวี้หลัวโตมาจะงามเช่นนี้ ไม่สิ ตอนเด็กนางก็งาม ดูท่าเป็นเพราะตอนนั้นเขามักได้ยินคนพูดว่า เอ้อร์เป่า นั่นคือคู่หมายเจ้าหรือ ดังนั้นจึงหงุดหงิด ความจริงตอนนี้มาคิดให้ดี เขาเองก็เพียงแค่หงุดหงิด หากเป็นคนอื่น เขาอาจอาละวาดพังไปแล้ว
ต่อมาพวกเขาค่อยๆ เติบโตขึ้น เขายังมักเอ่ยปลอบใจจ้าวอวี้หลัว ความจริงตอนนั้นเขาไม่ได้รังเกียจ จ้าวอวี้หลัว
เอ้อร์เป่าคิดไปก็ก้มหน้าลงมองพื้นไป กล่าวว่า “ความจริงข้า… ยินดีแต่งกับเจ้า”
พอกล่าวจบ จ้าวอวี้หลัวก็คิดว่านางฟังผิด มองเขาอย่างระแวดระวัง ถามว่า “เจ้าเพิ่งจะพูดอันใดออกมา”
เอ้อร์เป่ารีบเงยหน้ามองไปยังจ้าวอวี้หลัวกล่าวว่า “ข้ายินดีแต่งกับเจ้า เจ้าจะแต่งกับข้าหรือไม่”
กล่าวจบใบหูก็แดงเถือก
จ้าวอวี้หลัวเห็นท่าทางเอ้อร์เป่าก็อดยิ้มไม่ได้ ที่แท้เขาเองก็เขินอายเป็น และเขาบอกว่าเขาชอบนาง ในใจจ้าวอวี้หลัวดีใจมาก รอยยิ้มบนใบหน้าสดใสอย่างไม่อาจบรรยาย นางถามอย่างเขินอายว่า “เจ้ายินดีแต่งกับข้าจริงหรือ ไม่ใช่เพราะท่านน้าลู่หรือ หากเพราะท่านน้าลู่ ข้าจะไปบอกนางเอง”
“เปล่า ท่านแม่ข้าไม่มีทางบีบบังคับให้พวกเราแต่งกับคนที่ไม่ชอบ”
เอ้อร์เป่ามีความเชื่อมั่นในมารดาตนเองมาก เขาแอบลอบมองจ้าวอวี้หลัว “เจ้ายินดีแต่งกับข้าหรือไม่”
ครั้งนี้จ้าวอวี้หลัวยืนยันเจตนารมณ์เอ้อร์เป่า “ยินดี”
กล่าวจบความดีใจของนางก็ฉายชัดออกมาจากดวงตา แววตามีแต่ความดีใจอย่างไม่อาจระงับ
นางแต่งเข้าตระกูลเซี่ย นอกจากเพราะชอบเอ้อร์เป่า ยังเพราะทุกคนในตระกูลเซี่ยล้วนเป็นบรรยากาศที่นางคุ้นเคยและเข้าใจ พวกเขาล้วนอยู่ร่วมกันได้ดีมาก นางแต่งกับเอ้อร์เป่า ยังมีพี่หลิงเสวี่ยเป็นพี่สะใภ้นาง ท่านน้าลู่เป็นแม่สามี ทุกอย่างนี้ล้วนกำหนดแล้วว่าชีวิตนี้ของนางจะไม่เลวอย่างมาก
กลับกัน หากแต่งกับคนแปลกหน้า ต้องไปเจอคนที่ไม่ค่อยเข้าใจ จ้าวอวี้หลัวรู้สึกว่าในใจหวาดกลัวอยู่บ้าง เป็นความหวาดกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ ดังนั้นนางจึงได้คิดแต่งเข้าตระกูลเซี่ย เดิมคิดว่าเอ้อร์เป่าไม่ชอบนาง ปรากฏตอนนี้เอ้อร์เป่าบอกว่าชอบนาง
จ้าวอวี้หลัวดีใจมาก แววตานางเปล่งประกายวาวกล่าวว่า “ขอบคุณเอ้อร์เป่า ขอบคุณ”
ขอบคุณเจ้าที่ชอบข้า ขอบคุณเจ้าที่พาข้ามาสู่ตระกูลเซี่ย ข้าชอบบรรยากาศตระกูลเซี่ยมาก
แต่จ้าวอวี้หลัวขอบคุณเอ้อร์เป่าแล้วก็พลันนึกถึงหญิงสาวก่อนหน้านี้ ก็อดถามอย่างห่วงใยไม่ได้ “เช่นนั้นหญิงสาวผู้นั้นจะไม่เป็นอันใดหรือ”
เอ้อร์เป่ารีบอธิบายที่มาที่ไปของเกิ่งอวิ๋นให้จ้าวอวี้หลัวฟัง จากนั้นก็กล่าวกับนางอย่างจริงจังว่า “ท่านแม่ข้าจะส่งข้าไปซีเป่ย ไม่กลับไปค่ายทหารซีหนานแล้ว ดังนั้นข้ากับตระกูลเกิ่งก็คงไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”
จ้าวอวี้หลัวอดเป็นห่วงเอ้อร์เป่าไม่ได้ “ซีเป่ยกันดารมาก เจ้าไปทางนั้นไม่ใช่ว่าจะลำบากมากหรือ”
“ข้าไม่กลัวความลำบาก จ้าวอวี้หลัว เจ้ารอข้า รอข้ายืนมั่นคงในซีเป่ย รอข้าได้ตำแหน่งขุนพล ข้าก็จะรับเจ้าไปซีเป่ย เจ้ายินดีไปดูทุ่งหญ้าและทะเลทรายซีเป่ยไหม ไปดูเมฆบนท้องฟ้านับหมื่นลี้”
จ้าวอวี้หลัวพยักหน้าอย่างดีใจ “ได้ ถึงตอนนั้นข้าก็จะไปขี่ม้าบนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ให้สะใจ เจ้าคงไม่รู้ วิชาขี่ม้าของสำนักศึกษาเรามีพื้นที่เล็กมาก ทุกครั้งข้าขี่ไม่สะใจเลย แม้ว่าทุกครั้งได้ที่หนึ่ง แต่ก็รู้สึกว่ายังไม่สะใจพอ”
เอ้อร์เป่าได้ยินว่าจ้าวอวี้หลัวขี่ม้าเก่งอันดับหนึ่ง ก็อดเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นไม่ได้ว่า “ดูท่าฝีมือขี่ม้าเจ้าไม่เลว ไว้เรามาประลองกัน”
จ้าวอวี้หลัวยิ้มกล่าวว่า “ข้าจะไปแข่งกับเจ้าได้อย่างไร ถึงตอนนั้นเจ้าสอนข้าหน่อย”
“ได้สิ”
ทั้งสองคนพูดไปก็เดินชมสวนดอกไม้ไป โจวฉางอานกับเหวินอีสบตายิ้มให้กัน ดูท่าเจ้านายชอบ คุณหนูตระกูลจ้าว
ตกค่ำ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมา ลู่เจียวบอกเรื่องการแต่งงานของต้าเป่ากับเอ้อร์เป่ากับเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเงียบงันไปครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “เกรงว่าการแต่งงานกับตระกูลจ้าวคงจะไม่ง่าย”
พอเขากล่าวขึ้น ลู่เจียวจึงคิดได้ว่าพวกเขามีเรื่ององค์ชายรอง ก่อนหน้านี้นางมัวแต่ดีใจจนลืมคิดให้ลึกลงไปอีกชั้น ดังนั้นตระกูลจ้าวอาจไม่อยากขึ้นเรือลำเดียวกับองค์ชายรองในยามนี้ คิดยืนตรงกลางหรือ
“เจ้าหมายความว่า จ้าวหลิงเฟิงคิดยืนตรงกลางหรือ”