ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 811 ถูกจับ
ตอนที่ 811 ถูกจับ
ฉีเหล่ยกำลังเก็บล่วมยา ได้ยินลู่เจียวถอนหายใจก็ถามว่า “อาจารย์ เป็นอันใดหรือ”
“ตอนนี้แม้ว่ามีกินมีข้าวของเครื่องใช้ครบ แต่ฤดูหนาวอันยาวนานนี้ ทางการจัดเสบียงอาหารได้ครบหรือ ทางเหนือหน้าหนาวยาวไปถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า อย่างน้อยก็อีกสามเดือน ระยะเวลายาวนานเช่นนี้ ต้องการเงินก้อนโต ราชสำนักส่งเงินก้อนโตเพียงนี้มาช่วยราษฎรผู้ประสบภัยได้หรือ”
ลู่เจียวกล่าวจบ แววตาพลันเปล่งประกาย “ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะกลับเมืองหลวงไปตั้งกลุ่มบริจาค ให้บรรดาฮูหยินแต่ละตระกูลเมืองหลวงบริจาคเงินช่วยราษฎรชวนโจว”
ฉีเหล่ยรีบพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่เลว ความคิดนี้ดีมาก ถึงตอนนั้นตระกูลเราย่อมต้องให้การสนับสนุนคนแรก”
“ขอบคุณ”
ในใจทั้งสองคนผ่อนคลายลง ฉีเหล่ยมองลู่เจียว สองวันสองคืนไม่ได้นอน เร่งให้นางไปพักผ่อน
“อาจารย์ ท่านรีบไปนอนสักครู่ ตาแดงหมดแล้ว ตอนนี้ใต้ตาคล้ำแล้ว”
“ได้ เช่นนั้นข้าไปนอนละ”
ทั้งสองคนคุยกันเสร็จก็เตรียมแยกกัน ผู้ใดจะรู้ว่าเบื้องหน้ามีคนกลุ่มหนึ่งในชุดทหารแบกคนผู้หนึ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
ลู่เจียวสบตากับฉีเหล่ย “ไหนบอกว่ายุติการค้นหาแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดยังมีผู้ประสบภัยได้รับบาดเจ็บอีก”
“อาจเป็นอุบัติเหตุกระมัง ในเมื่อมีผู้ป่วย พวกเราก็ต้องรักษาก่อน”
ฉีเหล่ยมองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “อาจารย์ ท่านไปพักผ่อนเถอะ ข้ารักษาเขาเอง”
ลู่เจียวไม่ได้สนใจ “ไปตรวจดูด้วยกัน”
ทั้งสองคนเดินนำลูกน้องสองสามคนไปรับ ทุกคนไม่ทันระวังทหารที่แบกแคร่เข้ามา จับจ้องมองแต่คนบนแคร่แบก ลู่เจียวพลันรู้สึกได้ทันทีว่าผิดปกติ ผู้บาดเจ็บผู้นี้แม้ว่าหน้าผากมีโลหิต แขนก็ผิดรูปแปลกประหลาด คล้ายว่าได้รับบาดเจ็บหนักมา
แต่คนทางเหนือยากจน ผู้บาดเจ็บแม้ว่าสลบไม่ได้สตินอนอยู่บนแคร่ แต่ร่างกายเขาแข็งแรงกำยำ ทางตอนเหนือหาคนเช่นนี้ได้น้อยมา อย่างน้อยลู่เจียวก็ไม่เคยเห็น
ลู่เจียวคิดได้ ก็เงยหน้ามองไปยังคนที่แบกแคร่ พบว่าทหารสองสามคนก็แปลกหน้า แม้ว่าคณะบรรเทาทุกข์ที่ฝ่าบาทส่งออกมาครั้งนี้ ใช่ว่านางจะรู้จักทุกคน แต่ผ่านระยะเวลามาหลายวัน นางย่อมพอจำได้บ้าง แต่ครั้งนี้กลับไม่รู้จักสักคน
สีหน้าลู่เจียวแปรเปลี่ยน ตวาดดังขึ้นทันทีว่า “พวกเจ้าเป็นใคร”
ความจริงนางเองก็ยังไม่อาจแน่ใจว่าคนเหล่านี้มาร้าย ก็แค่หลอกพวกเขาดูเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าคนแบกแคร่และคนนอนบนแคร่กลับกินปูนร้อนท้อง คิดว่านางรู้ตัวแล้ว
ทหารที่แบกแคร่กับคนเจ็บที่นอนอยู่ก็แทบจะขยับพร้อมกัน ทุกคนลงมือชักกระบี่ยาวออกมา แสงกระบี่วาววับแทงใส่ลู่เจียว
หร่วนจู๋กับถงอี้ด้านหลังลู่เจียวรีบออกมารับไว้ สองฝ่ายต่อสู้โรมรันกันขึ้นมาทันที
แต่แม้ว่าอีกฝ่ายคนมากกว่า ทว่าถงอี้กับหร่วนจู๋มียา ทั้งสองคนเห็นอีกฝ่ายพุ่งไปทางลู่เจียว ก็ก้าวเข้าไปใช้ยาทันที ใช้กำลังภายในดีดยาออกไปเห็นผลทันควัน
หลายคนเข่าอ่อนยวบหน้ามืด พวกเขารู้ทันทีว่าตนเองโดนอุบายเล่นงานแล้ว พากันขยับตัวคิดหนี
ถงอี้กับหร่วนจู๋ไหนเลยจะยอมให้พวกเขาหนีไปได้ ทั้งสองคนราวกับเทพสังหารพุ่งเข้าใส่ เห็นผู้ใดก็แทง สุดท้ายถูกถงอี้กับหร่วนจู๋สังหารไปเกือบหมด แต่เหลือคนสุดท้ายเอาไว้
คนผู้นั้นแม้ว่าไม่ได้ถูกปลิดชีพ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่คิดเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลัง อ้าปากคิดกัดลิ้นฆ่าตัวตาย
ถงอี้ยื่นมือออกไปบีบคางเขาเอาไว้ทันที ยังจี้สกัดจุดเขาเอาไว้
ยามนี้คนผู้นี้ไม่อาจขยับตัวได้
ลู่เจียวพาฉีเหล่ยเดินเข้ามา มองมือสังหารในชุดพลทหารด้วยแววตาเย็นเยียบ
“พูด ผู้ใดบงการให้พวกเจ้ามาสังหารข้า”
มือสังหารที่คุกเข่าอยู่บนพื้น สีหน้าราวกับคนตาย กัดฟันแน่นแสดงท่าทีว่าตนเองไม่ยอมพูด
ลู่เจียวจ้องมองมือสังหารนิ่งเป็นนาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ฮองเฮาบงการให้พวกเจ้ามาสังหารข้าสินะ”
เพราะนางไม่มีศัตรูใดในเมืองหลวง คนที่คิดสังหารนางมีเพียงพวกฮองเฮา แม้แต่พวกจ้าวกั๋วกงก็ยังไม่ต้องร้อนใจถึงขั้นส่งคนมาสังหารนาง
ตอนนี้คนที่แค้นใจนางคิดสังหารนางมีเพียงฮองเฮากับอ๋องจิ่น ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว
ลู่เจียวเอ่ยผู้บงการมือสังหารออกมา มือสังหารพลันมีสีหน้าแปลกใจ อึ้งเงยหน้ามองลู่เจียว แม้ว่าเขาไม่ได้เอ่ยอันใด แต่สีหน้าได้บอกลู่เจียวแล้วว่า คนบงการมาสังหารนางก็คือฮองเฮา
ลู่เจียวสีหน้าดำทะมึน นางรีบมาช่วยชาวบ้าน ปรากฏว่าฮองเฮาถึงกับลอบส่งมือสังหารมาสังหารนาง นางต้องพาตัวคนผู้นี้กลับเมืองหลวง ไปถามฮ่องเต้ เรื่องนี้จะให้คำตอบนางอย่างไร
“นำตัวเขาไปคุมขัง เฝ้าให้ดี”
“ขอรับ”
ฉีเหล่ยเห็นมือสังหารถูกคุมตัวออกไปก็มองไปยังลู่เจียวอย่างเป็นห่วง “อาจารย์ ท่านไม่เป็นอันใดกระมัง”
ลู่เจียวส่ายหน้า “ไม่เป็นอันใด เจ้าไปพักผ่อนเถอะ”
ฉีเหล่ยเป็นห่วงกล่าวว่า “พวกเขาคงไม่ส่งมือสังหารมาอีกกระมัง”
ลู่เจียวคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า “ฮองเฮาตั้งใจสังหารข้า คงไม่ได้ส่งคนมาแค่ไม่กี่คนนี้ แต่เจ้าอย่าได้เป็นห่วง ข้าจะระมัดระวังตนเอง”
ลู่เจียวไม่เป็นห่วงว่ามีคนคิดลอบสังหารนาง จริงๆ นางมีห้วงอากาศ ไม่มีคนสังหารนางได้
ฉีเหล่ยไม่รู้ รู้สึกเป็นห่วงมาก กำชับหร่วนจู๋ “พวกเจ้าจะต้องคอยอารักขาอาจารย์อย่าได้ห่างแม้ฝีก้าว”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ ใต้เท้าฉี”
ลู่เจียวพาหร่วนจู๋หันหลังเดินไปยังที่พัก คืนนี้หลับไปโดยไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นอีก
จากนั้นก็ไม่ได้ปรากฏเรื่องราวอันใดอีก แต่ลู่เจียวรู้สึกว่าที่พวกเขาไม่ปรากฏตัว เกรงว่ากำลังรอคอยโอกาส ดังนั้นนางจึงระมัดระวังยิ่งขึ้น
วันนี้ลู่เจียวตรวจรักษาให้คนเจ็บเสร็จ ก็เห็นเซี่ยหลิงหลงวิ่งมาอย่างร้อนใจ “ท่านแม่ ไม่ได้การแล้ว พี่ห้าหายตัวไปแล้ว”
สีหน้าลู่เจียวเครียดขึ้นมาทันที รีบดึงมือเซี่ยหลิงหลงมาถามว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
เซี่ยหลิงหลงกล่าวอย่างร้อนใจว่า “ก่อนหน้านี้พี่ห้าไปรักษาแขนให้เอ้อร์วั่ง แขนเขาถูกหินที่กลิ้งลงมาจากเขากระแทกบาดเจ็บ พี่ห้าพันแผลให้เขาแล้ว ก็สั่งจ่ายยาให้กินและให้พักผ่อนให้ดี”
“วันนี้เอ้อร์วั่งให้คนมาตามพี่ห้า บอกว่าบาดแผลเขาฉีกขาด อยากขอให้พี่ห้าไปพันแผลให้ใหม่ พี่ห้าก็ไป ปรากฏถึงตอนนี้ข้ายังไม่เห็นเขากลับมา ก่อนหน้านี้ข้าไปตามที่บ้านเอ้อร์วั่ง ปรากฏเอ้อร์วั่งบอกว่าพี่ห้ากลับมาแล้ว ข้าหาจนทั่วก็ไม่เห็นพี่ห้า”
เซี่ยหลิงหลงเล่าจนสุดท้ายเริ่มมองลู่เจียวด้วยความรู้สึกกลัวมาก
นางกับอู่เป่าน้อยเป็นฝาแฝด สองพี่น้องสนิทกันมาก ตอนนี้อู่เป่าน้อยหายตัวไป เซี่ยหลิงหลงกลัวมาก
สีหน้าลู่เจียวย่ำแย่อย่างที่สุด นางสนใจแค่ระวังตนเอง กลับลืมไปว่าคนบงการอาจจ้องมองบุตรฝาแฝดของนาง
แต่ลู่เจียวรู้ว่าอู่เป่าน่าจะไม่เป็นอันใด คนบงการจับตัวเขาไว้ย่อมต้องการจับตัวนาง ดังนั้นอู่เป่าจึงยังคงไม่เป็นอันใดชั่วคราว
ในใจลู่เจียวคิดเช่นนี้แต่ไม่แสดงออก นางมองไปยังเซี่ยหลิงหลงกล่าวว่า “พาแม่ไปหาเอ้อร์วั่ง”
มือสังหารที่ฮองเฮาส่งมา ไม่อาจเข้ามาจับตัวอู่เป่าไปได้อย่างเปิดเผย เป็นไปได้มากว่ามีการซื้อตัวผู้ใด และเอ้อร์วั่งผู้นี้ก็น่าสงสัยที่สุด
เซี่ยหลิงหลงรีบพาลู่เจียวไปกระโจมเอ้อร์วั่ง ครั้งนี้ปู่ย่าและบิดาเอ้อร์วั่งตายในเหตุการณ์ภูเขาถล่ม ที่บ้านเหลือแค่เขากับมารดาและน้องชายน้องสาว
ก่อนหน้านี้อู่เป่าเห็นเขาได้รับบาดเจ็บ ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาแขนให้เขา ยังให้ของกินเขาอีกไม่น้อย
ตามหลักการแล้วเอ้อร์วั่งไม่ควรทำร้ายอู่เป่า แต่ลู่เจียวรู้ว่าใจคนยากหยั่ง
นางพาเซี่ยหลิงหลงไปกระโจมครอบครัวเอ้อร์วั่ง มองออกว่าเอ้อร์วั่งกินปูนร้อนท้อง
สีหน้าลู่เจียวเย็นเยียบทันใด มองด้วยสีหน้าเย็นเยียบถามเอ้อร์วั่งว่า “เจ้าทำร้ายบุตรชายข้าหรือ”
เอ้อร์วั่งตกใจ กล่าวติดอ่างว่า “ข้า ข้า…”
ลู่เจียวกำลังคิดเอ่ยต่อ หร่วนจู๋ก็เดินเข้ามารายงานทันทีว่า “ฮูหยิน มีคนส่งจดหมายมา”