ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 819 ช่วยเหลือกันและกัน
ตอนที่ 819 ช่วยเหลือกันและกัน
เซียวเยว่อ้าปากคิดปฏิเสธ น่าเสียดายเซียวอวี้ไม่ให้โอกาสนางได้เอ่ย เอ่ยน้ำเสียงคุกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายสังหาร “นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย หากมีอีกครั้ง เราจะให้เจ้าไสหัวออกจากวังหลวงไป ปล่อยให้เจ้าไปหาเรื่องทำลายตนเอง”
เซียวอวี้กล่าวจบก็ไม่มององค์หญิงหมิงจูอีก หันหลังคิดจะจากไป เซียวเยว่เอ่ยอย่างอ่อนแรง “เสด็จพ่อ ไม่ทรงโปรดหม่อมฉันแล้วหรือ”
เซียวอวี้หันไปมององค์หญิงหมิงจูบนเตียง เอ่ยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “หากเรารู้ว่าเรารักเอ็นดูเจ้าแล้วจะทำให้เจ้ากลายเป็นบุตรีที่มีจิตใจโหดเหี้ยมเยี่ยงนี้ เราจะไม่มีวันรักเอ็นดูเจ้าอย่างเด็ดขาด เจ้าและเสด็จพี่เจ้าล้วนเป็นโอรสธิดาของเรา แต่เขาเติบโตที่ตระกูลเซี่ยตั้งแต่เล็ก ไม่ได้รับความรักจากเราแม้แต่น้อย เราหวังเพียงแค่ได้ชดเชยให้บ้าง พวกเจ้าแต่ละคนก็โดดออกมาแสดงความอิจฉาริษยา โกรธแค้นเขา วางอุบายเขาต่างๆ นานา”
“เหตุใดพวกเจ้าไม่คิดบ้างว่า พวกเจ้าได้รับความรักจากบิดา แต่เขาไม่ได้ เหตุใดจึงไม่รู้จักเป็นมิตรกับเขาสักนิด”
เซียวอวี้กล่าวจบก็ไม่มองเซียวเยว่อีก หันหลังนำคนเดินออกไปจากตำหนักทันที เซียวเยว่ทนไม่ไหวอีกต่อไป แผดเสียงร่ำไห้ดัง นางรู้ว่าจากนาทีนี้ไป ตนเองกลายเป็นคนที่เสด็จพ่อรังเกียจแล้ว
เซียวเยว่ครุ่นคิดอย่างปวดใจ เสด็จพ่อเห็นชัดว่าเซียวเหวินอวี๋ทำร้ายข้า เหตุใดสุดท้ายท่านกลับไม่ดูดำดูดีข้า
เรื่องหมอหลวงเฉาทำร้ายองค์ชายแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว คนทั้งเมืองหลวงได้รู้ว่าเขาวางยาอ๋องหมิงเซียวเหวินอวี๋
เดิมคนในเมืองหลวงคิดว่าตระกูลเฉาจะพลอยเดือดร้อนเพราะหมอหลวงเฉาต้องโทษประหารเก้าชั่วโคตร ปรากฏกรมอาญาลงโทษเพียงประหารหมอหลวงเฉา คนตระกูลเฉาไม่ได้โดนลงโทษไปด้วย
พอกรมอาญาประกาศว่าเป็นเพราะอ๋องหมิงทูลขอแทนตระกูลเฉา ไม่เอาโทษคนในวงศ์ตระกูล ดังนั้นฝ่าบาทจึงทรงอนุญาตให้หมอหลวงเฉารับผิดเพียงผู้เดียว ไม่ต้องล้างตระกูล
ทุกคนในตระกูลเฉาต่างดีใจกันอย่างมาก พากันลืมเรื่องเสียใจที่หมอหลวงเฉาต้องโทษประหารไปหมดสิ้น คนตระกูลเฉาไปถึงที่ใดก็เอ่ยชมว่าอ๋องหมิงมีเมตตา เป็นท่านอ๋องที่ทรงคุณธรรมเมตตาแห่งแคว้นต้าโจว
ไม่เพียงแต่ตระกูลเฉา แม้แต่พวกอ๋องผิงหลิงที่เข้าเมืองหลวงมาก็เอ่ยชมความเมตตาและใจกว้างของอ๋องหมิง
เรื่องนี้ทำให้อ๋องหมิงเซียวเหวินอวี๋ได้รับคำสรรเสริญเยินยอยกใหญ่ ข่าวเหล่านี้ไปถึงหมู่ราษฎรอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็แพร่ไปทั่วแคว้นต้าโจวว่าเป็นองค์ชายที่ดีมีจิตใจกว้างและเมตตาอารีต่อราษฎร แต่ละคนรู้สึกชื่นชมพร้อมทั้งรู้สึกดีใจ
เรื่องเซียวเหวินอวี๋ทำให้อ๋องจิ่นเซียวเจินโมโหอย่างมาก ในใจเขาค่อยๆ ขมวดขึ้งโกรธแค้นเสด็จพ่อตนเอง
เสด็จพ่อทำเช่นนี้เห็นชัดว่าต้องการยกเซียวเหวินอวี๋ขึ้นมา เขาไม่เชื่อว่าเรื่องที่ปรากฏตอนนี้จะไร้ที่มา
จากมุมมองนี้เห็นได้ชัดเจนเรื่องหนึ่ง ก็คือเสด็จพ่อเขาทรงทอดทิ้งเขาแล้ว และตัดสินใจตั้งเซียวเหวินอวี๋เป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจวไปแล้ว
พอเซียวเจินคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าก็ดำทะมึนน่ากลัว เขามักรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ค่อยถูกต้องนัก
เห็นอยู่ว่าเขาจึงควรเป็นโอรสคนโปรดของสวรรค์ เหตุใดสุดท้ายเซียวเหวินอวี๋กลับได้กลายเป็นโอรสคนโปรดของสวรรค์ ทำไมจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
เซียวเจินขวางปาสิ่งของอย่างไม่อาจระงับตนเองได้อีกต่อไป สุดท้ายหลินจิงเป็นคนปลอบใจเขา
ในความเป็นจริงหลินจิงเองก็โมโหอย่างมาก เส้นทางเดินในภพนี้ต่างจากภพก่อน
นางกลับมาเกิดใหม่ พยายามวางแผนอย่างยากลำบาก สุดท้ายต้องรับผลเช่นนี้หรือ เห็นอยู่ว่านางเป็นบุตรีภรรยาเอกสายหลักแห่งจวนโหว แต่กลับต้องมาเป็นอนุจวนอ๋อง หากเซียวเจินได้เป็นรัชทายาท นางได้เป็นอนุ วันหน้าเข้าวังก็มีความหวังว่าจะได้เป็นพระสนมเอก แต่หากเซียวเจินเป็นเพียงแค่ท่านอ๋อง นางก็คงเป็นได้แค่อนุไปจนวันตายเท่านั้น
หรือว่านางกลับมาเกิดใหม่ก็เพื่อมีจุดจบเช่นนี้ หลินจิงรู้สึกทำใจยอมรับไม่ได้
นางปลอบใจเซียวเจินกล่าวว่า “ท่านอ๋องอย่าได้ร้อนใจไป คนหัวเราะคนสุดท้ายจึงจะเป็นผู้ชนะแท้จริง ตอนนี้แม้ว่าฝ่าบาทลำเอียงไปทางอ๋องหมิง แต่ท่านอ๋องจึงจะเป็นสายเลือดหลักที่สมศักดิ์ศรีของแคว้นต้าโจว ท่านอ๋องไม่ได้ทำอันใดผิด ดังนั้นฝ่าบาทไม่มีเหตุผลที่จะข้ามท่านอ๋องไปพระราชทานตำแหน่งรัชทายาทให้แก่อ๋องหมิง”
“ท่านอ๋องอย่าได้ร้อนใจไป พวกเราค่อยเป็นค่อยไป ตอนนี้อ๋องหมิงได้รับคำยกย่องสรรเสริญ พวกเราก็ค่อยๆ ทำลายชื่อเสียงเขาก็ได้ ให้คนได้รู้ว่าเขาไม่ได้ความ จากนั้นคนก็จะถ่มน้ำลายรดอ๋องหมิง ถึงตอนนั้น ผู้คนก็จะรู้ความดีของท่านอ๋อง ถึงตอนนั้นท่านอ๋องขึ้นสู่ตำแหน่งได้ จึงจะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่สุด”
“ตอนนี้พวกเราต้องนิ่งสงบดังภูผาไท่ซาน อย่าให้ผู้อื่นมองออกว่าพวกเราเสียกิริยาเพคะ”
เซียวเจินได้ฟังหลินจิงก็ลดความร้อนใจลงไปไม่น้อย เขายื่นมือไปคว้ามือหลินจิงมากุมไว้ “จิงเอ๋อร์ มีแต่เจ้าที่คอยเป็นเพื่อนข้า เจ้าวางใจ หากวันใดข้าได้ก้าวขึ้นไป จะต้องให้เจ้าได้เป็นฮองเฮาแห่งแคว้นต้าโจว”
หลินจิงแววตาเปล่งประกาย กอดเอวเซียวเจิน กล่าวว่า “ท่านอ๋อง จิงเอ๋อร์ไม่ต้องการตำแหน่งฮองเฮา ขอเพียงในใจท่านอ๋องมีจิงเอ๋อร์ จิงเอ๋อร์ก็พอใจแล้วเพคะ”
เซียวเจินได้ฟังคำพูดหลินจิงก็ซาบซึ้งใจมาก เขาโอบกอดไหล่หลินจิง กล่าวน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เชื่อข้า ช้าเร็วสักวันหนึ่ง ข้าจะให้เจ้าได้นั่งตำแหน่งที่ควรนั่ง”
หลินจิงแววตาเปล่งประกายไม่กล่าวอันใดอีก สรุปนางจะต้องทุ่มเทช่วยเซียวเจินขึ้นสู่ตำแหน่งเต็มกำลัง หากเขาขึ้นไปได้ นางก็ไม่ต้องทนกับตำแหน่งอนุนี้อีกต่อไป
พอลู่เจียวออกจากวังหลวงก็ไม่ได้สนใจเรื่องราวในวังอีก นางไปเยี่ยมเยือนท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ ฮูหยินขุนพลหวังและฮูหยินเผย จุดประสงค์ที่ลู่เจียวไปเยี่ยมเยือนพวกนางก็เพื่อขอให้ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่กับฮูหยินขุนพลหวังบริจาคเงิน ทุกคนพอได้ยินนางก็เห็นด้วยกับกิจกรรมนี้ของลู่เจียว
การบริจาคช่วยผู้ประสบภัยอาศัยลู่เจียวคนเดียวย่อมทำไม่สำเร็จ ดังนั้นนางจึงได้ดึงฮูหยินขุนนางคนสำคัญหลายตระกูลที่มีหน้ามีตาในเมืองหลวงมาคุยให้บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกันก่อน จากนั้นค่อยดำเนินการรับบริจาค
โชคดีที่ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ ฮูหยินขุนพลหวังกับฮูหยินเผยต่างให้เกียรตินางมาก รับปากร่วมจัดกิจกรรมบริจาคนี้กับนางทันที
พอเป็นเช่นนี้ ในใจลู่เจียวก็สงบลง ตกค่ำนางบอกเรื่องนี้กับเซี่ยอวิ๋นจิ่น วันรุ่งขึ้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นส่งสารเข้าวังทูลรายงานเรื่องนี้ต่อฝ่าบาท
งานสร้างชื่อเสียงเช่นนี้ ลู่เจียวย่อมไม่ไปออกหน้าเอง นางคิดมอบเกียรติยศของเรื่องนี้ให้ฝ่าบาท
นางกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นบิดามารดาเลี้ยงของอ๋องหมิง หากพวกนางมีชื่อเสียงมากเกินไป จะทำให้ฝ่าบาทระแวงสงสัยเจตนาของพวกนาง ดังนั้นพวกนางได้แต่ดำเนินงาน แต่ชื่อเสียงมอบให้ฝ่าบาท
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว พยักหน้าเห็นด้วยกล่าวว่า “พรุ่งนี้เช้าข้าเข้าวังไปทูลรายงานเรื่องนี้ต่อฝ่าบาทก็แล้วกัน”
ลู่เจียวมองบาดแผลบนใบหน้าและลำตัวเขา ก็เอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง “บาดแผลบนใบหน้าเจ้าไม่เป็นอันใดมากกระมัง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้า “ไม่เป็นอันใด ก็แค่ดูแล้วน่ากลัวเท่านั้น”
ลู่เจียวพยักหน้า กำชับกล่าวว่า “เจ้าเข้าวังไปทูลรายงานต่อฝ่าบาทแล้วก็กลับมาพักรักษาตัว อย่าได้ไปสำนักมนตรีทำงานต่ออีกอย่างเด็ดขาด หากเจ้าไปทำงานที่สำนักมนตรีด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่า จะทำให้ฝ่าบาทระแวงสงสัยเจ้า”
“ข้ารู้แล้ว”
ลู่เจียวไม่กล่าวอันใดต่อ เซี่ยอวิ๋นจิ่นยื่นมือไปโอบกอดนางไว้ “เจียวเจียว เจ้าต้องระวังตัวหน่อย ระวังฮองเฮากับไทเฮาจ้าว”
“ข้าจะระวังตัว เจ้าอย่าได้เป็นห่วง”
ลู่เจียวเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นห่วงนาง ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเอ่ยขึ้นว่า “ใช่แล้ว มีเรื่องหนึ่งข้าลืมบอกเจ้า ก่อนหน้านี้อู๋เป่าถูกจับตัวไปใช่หรือไม่ เดิมข้ากะจะทำให้เขาสลบ แล้วพาเข้าห้วงอากาศ ปรากฏอู๋เป่าถึงกับเข้าห้วงอากาศข้าไปได้ทั้งที่ยังไม่ได้สลบ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังก็แปลกใจมาก มองลู่เจียวกล่าวว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
ลู่เจียวเลิกคิ้วกล่าวว่า “ข้ารู้สึกว่าข้าพาอู๋เป่าเข้าไปในห้วงอากาศข้าได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว ในใจก็รู้สึกไม่ยุติธรรมขึ้นมา “ทำไมเจ้าหมอนั่นเข้าไปในห้วงอากาศเจ้าได้ แต่ข้าไม่ได้”