ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 820 ไม่มา
ตอนที่ 820 ไม่มา
ลู่เจียวคิดแล้วก็กล่าวว่า “ข้ารู้สึกว่าอาจเป็นเพราะเขาเป็นบุตรชายที่ข้าให้กำเนิด ข้ากะจะลองทดสอบอีกครั้ง พาอู่เป่ากับหลิงหลงลองเข้าไปในห้วงอากาศข้า แต่ก็เป็นห่วงว่าพวกเขาอายุน้อยเกินไป อาจตกใจกันไปใหญ่จนเปิดเผยความลับข้าออกไป ดังนั้นจึงไม่กล้าทดสอบในตอนนี้”
พอลู่เจียวกล่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็มองนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวว่า “เรื่องนี้ยังไม่ต้องรีบร้อนทดสอบ รออีกสักหน่อย ให้พวกเขาโตกว่านี้อีกนิด ให้พวกเขารู้ความสำคัญของเรื่องนี้ ค่อยทดสอบ”
ลู่เจียวคิดแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย “ได้ ทำตามเจ้าว่าก็แล้วกัน”
เพราะเรื่องนี้สำคัญมากจริงๆ เอาแค่ว่า หากเปิดเผยออกไปให้เซียวอวี้รู้ เซียวอวี้ย่อมระแวงนาง ในฐานะฮ่องเต้ เขาไม่มีทางวางใจให้มีสิ่งแปลกประหลาดเช่นนางดำรงอยู่เป็นแน่
ดังนั้นเรื่องนี้ต้องรอบคอบสักหน่อยเป็นดี
วันรุ่งขึ้น เซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าวังไปทูลฝ่าบาทเรื่องนี้ เซียวอวี้ได้ฟังรายงานเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ดีใจมาก เอ่ยชมไม่หยุดว่า “ฮูหยินเซี่ยคิดการได้ตรงกับใจเรา อนุญาต”
เดิมเขากำลังกลัดกลุ้มเรื่องหลังภัยหิมะถล่มว่าจะจัดการอย่างไร แม้ว่าสองปีมานี้แคว้นต้าโจวเก็บเกี่ยวได้ผลดี ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นมาก แต่ก็เพิ่งจะผ่อนคลายความตึงเครียดลงได้บ้างเท่านั้น เมื่อก่อนที่เคยขาดแคลนเสบียงต้องขนย้ายไปมา ตอนนี้เพิ่งจะดีขึ้นสักหน่อย ทางเหนือก็ถึงกับเกิดภัยหิมะ
เดิมเซียวอวี้กำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อย่างกลัดกลุ้มว่าจะจัดการเรื่องเงินทองช่วยราษฎรทางเหนือที่ประสบภัยพิบัติครั้งนี้ให้ผ่านพ้นหน้าหนาวนี้ไปเช่นไร หากเสบียงอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการ ราษฎรที่ประสบภัยทางเหนือย่อมต้องบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
คิดไม่ถึงว่าเขากำลังหาทางออกไม่เจอ ลู่เจียวก็ช่วยเสนอความคิดที่ดีเช่นนี้ ไม่เลวๆ
นอกจากดีใจแล้ว เซียวอวี้ก็ยังอารมณ์ไม่ค่อยเบิกบานนัก ตามหลักแล้ว เรื่องพวกนี้ควรเป็นฮองเฮาคิดหาทางถึงจะถูก แต่ฮองเฮาวันๆ เอาแต่คิดกำจัดอ๋องหมิงเซียวเหวินอวี๋ สมองของนางไม่ได้มีไว้เพื่อทำงานใหญ่
เซียวอวี้ยิ่งคิดก็ยิ่งผิดหวังในตัวฮองเฮา ที่ตอนนี้ยังไม่แตะต้องฮองเฮา เป็นเพราะไม่อยากให้เสด็จแม่เขาครองอำนาจยิ่งใหญ่เพียงคนเดียวเท่านั้น
เซียวอวี้ครุ่นคิดมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นสั่งการกล่าวว่า “เจ้าให้ฮูหยินเซี่ยไปจัดการ เราอนุญาต หากนางต้องการอันใดก็ให้คนมาบอกกับเราได้”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก้มหน้าลงขอบพระทัย ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมขอกลับจวนไปพักรักษาตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวอวี้พยักหน้า บอกให้เขากลับจวนไปพักรักษาตัวได้
เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นถอยออกไป เซียวอวี้ก็ถอนหายใจ เซี่ยอวิ๋นจิ่นช่างโชคดีจริง ถึงกับแต่งภรรยาที่มีปัญญาเฉลียวฉลาดสุดยอด
ออกจากวังหลวง แม้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ยินเสียงถอนหายใจของเซียวอวี้ ในใจเขาก็ระวังตัวขึ้นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขามองออกว่าเซียวอวี้ชื่นชมลู่เจียวมาก นี่ไม่ใช่เรื่องดีอันใด
แต่โบราณกาลมา ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผู้ปกครองแย่งชิงภรรยาขุนนาง หากเซียวอวี้คิดแย่งลู่เจียวเข้าวังจริงๆ ไม่เพียงแต่เขา แม้แต่ลูกๆ ตระกูลเซี่ยเกรงว่าก็คงไม่ยอมเลิกรา หากเป็นเช่นนั้น ตระกูลเซี่ยเขาถึงตายก็ไม่ยอมตระกูลเซียว แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเห็น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็นั่งรถม้ากลับจวน
ตอนลู่เจียวเห็นเขาก็พบว่าสีหน้าเขาไม่ดีนัก นางรีบประคองเขา ถามอย่างเป็นห่วง “เป็นอันใดไปหรือ สีหน้าไม่ดีเช่นนี้ หรือว่าเจ็บแผลที่ใบหน้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกุมมือลู่เจียวไว้ก่อนจะค่อยๆ กล่าวว่า “เจียวเจียว หลังจากครั้งนี้ เจ้าทำตัวสงบเสงี่ยมไม่เป็นที่สังเกตสักหน่อยดีกว่า หากมีเรื่องอันใดมอบให้ข้าไปจัดการก็พอ”
ลู่เจียวเลิกคิ้วมองเขา “เป็นอันใดหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นจ้องมองนางนิ่งลึกเป็นนานก่อนจะกล่าวว่า “ข้าพบว่าฝ่าบาทชื่นชมเจ้ามาก นี่ไม่ใช่เรื่องดีอันใด”
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยิ้มทันที กล่าวว่า “เซี่ยอวิ๋นจิ่น สมองเจ้าไม่ได้มีปัญหากระมัง เซียวอวี้เป็นถึงฮ่องเต้แคว้นต้าโจว สตรีอันใดไม่เคยพบ จะมาชื่นชมอันใดข้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับไม่หัวเราะ ใบหน้างามสง่าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด “ข้าไม่ได้ล้อเจ้าเล่น ฮ่องเต้แย่งชิงภรรยาขุนนางใช่เรื่องพบเห็นได้น้อยเสียเมื่อใด”
ลู่เจียวสีหน้างุนงง นางไม่มีทางเข้าใจเรื่องพวกนี้จริงๆ นางมีลูกมากมายเพียงนี้แล้ว และคนโตก็สิบห้าแล้ว อีกไม่นานก็เป็นท่านย่าได้แล้ว สมองฮ่องเต้ก็ไม่ได้ผิดปกติ ข้างกายมีหญิงสาวแรกแย้มมากมายไปหมด
สรุปก็คือลู่เจียวไม่มีทางเห็นด้วยกับความคิดนี้ของเซี่ยอวิ๋นจิ่น
แต่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเซี่ยอวิ๋นจิ่น นางก็ถอนหายใจกล่าวว่า “ได้ ได้ ทำตามเจ้าว่า วันหน้าจะไม่ทำเรื่องพวกนี้อีก ให้เจ้ากับลูกๆ ไปจัดการ ข้าไม่ออกหน้าก็แล้วกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกอดนางพลางโล่งอก “วาจานี้เจ้าจดจำไว้ให้ดี วันหนึ่งซื่อเป่าขึ้นสู่ตำแหน่ง ถึงตอนนั้น เจ้าอยากทำเช่นไรก็ย่อมได้ จะไม่ต้องระแวงผู้ใดอีก”
ลู่เจียวขมวดคิ้วมองเขากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล”
“ได้ ข้าไม่พูดจาเหลวไหล”
สองสามีภรรยาคุยกันพักหนึ่ง ในที่สุดเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ถูกดึงความสนใจไปเรื่องอื่น ไม่ได้ดึงดันกับเรื่องนี้อีก
สองวันถัดมา ลู่เจียวกับท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ก็จัดตั้งกิจกรรมบริจาคเงินที่ห้องโถงร้านเสริมความงามของลู่เจียวกับเนี่ยอวี้เหยา
กิจกรรมบริจาคครั้งนี้มีคนมาร่วมไม่น้อย แต่คนที่ไม่มาก็ไม่น้อย ลู่เจียวมองไปเห็นบรรดาฮูหยินแต่ละตระกูลที่มาล้วนเป็นพวกมีจุดยืนเป็นกลาง ในจำนวนนี้มีคนที่ถือข้างซื่อเป่า คล้ายว่าพวกอ๋องจิ่นและจ้าวกั๋วกงไม่ได้มา
ลู่เจียวเห็นพวกนางไม่มา ในใจก็ไม่พอใจ ปกติก็เอาแต่อวดเบ่งบารมี ชนชั้นสูงศักดิ์ท่านนี้ ชนชั้นสูงศักดิ์ท่านนั้น ปรากฏพอเผชิญเรื่องสำคัญ กลับไม่ปรากฏตัว นางไม่มีทางยอมให้พวกนางทำเช่นนี้เป็นแน่
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็พาคนเดินไปตรงหน้าประตู ยืนอยู่ที่หน้าประตูร้านเสริมความงาม กล่าวกับสาวใช้ข้างกายกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าให้พวกเจ้าส่งสารเชิญจวนจ้าวกั๋วกงกับจวนเฉิงเต๋อโหว พวกเจ้าได้นำไปส่งหรือไม่”
หัวหน้าสาวใช้รีบรับคำกล่าวว่า “เรียนฮูหยิน ส่งแล้วเจ้าค่ะ”
ลู่เจียวกล่าวเสียงดังว่า “เจ้าไม่ได้บอกพวกนางว่านี่เป็นพระประสงค์ฝ่าบาทหรือ ฝ่าบาททรงเป็นห่วงราษฎรประสบภัยทางเหนือว่าจะไม่อาจดำรงชีวิตผ่านพ้นหน้าหนาวนี้ไปได้ ดังนั้นสั่งให้พวกข้ารับบริจาคช่วยราษฎรประสบภัยทางเหนือ”
นอกประตูร้านเสริมความงามมีคนยืนอยู่ไม่น้อย ก่อนหน้านี้ฮูหยินชนชั้นสูงศักดิ์ก็มากันไม่น้อย ยังมีชาวบ้านบนท้องถนน เห็นเช่นนี้ก็อดพากันล้อมวงเข้ามาสอบถามไม่ได้ว่าวันนี้มีเรื่องอันใดกัน จากนั้นคนของร้านเสริมความงามก็บอกคนเหล่านี้ว่าวันนี้ที่นี่จัดกิจกรรมรับบริจาคเงิน เรื่องนี้ฝ่าบาททรงเห็นชอบ สถานการณ์ภัยทางเหนือรุนแรงมาก ฝ่าบาททรงอนุญาตให้พวกฮูหยินเซี่ยรับบริจาคในเมืองหลวงเพื่อนำเงินไปช่วยราษฎรประสบภัยทางเหนือ
ชาวบ้านที่ล้อมเข้ามาฟัง แต่ละคนต่างยกย่องสรรเสริญในพระเมตตาของฝ่าบาท
ปรากฏลู่เจียวเดินออกมากล่าวเช่นนี้ คนที่ล้อมวงมาฟังก็รีบกระซิบกระซาบกัน ส่วนใหญ่บอกว่าจวนจ้าวกั๋วกงกับจวนจงหย่งโหวใช้ไม่ได้ เห็นอยู่ว่าเป็นตระกูลชนชั้นสูงศักดิ์ แต่กลับไม่ยินยอมออกมาช่วยชาวบ้าน สรุปไม่มีใครว่าจวนจ้าวกั๋วกงกับจวนจงหย่งโหวดีสักคน
ลู่เจียวยิ้มมองคนหน้าประตู กล่าวว่า “ทุกคนอย่าได้ตำหนิจวนจ้าวกั๋วกงกับจวนจงหย่งโหวที่เป็นชนชั้นสูงศักดิ์ที่สุดแห่งแคว้นต้าโจวเรา ตระกูลพวกเขาจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร ย่อมต้องมีเรื่องทำให้ยังมาไม่ได้ ทุกคนอย่าได้ตำหนิพวกเขา ตระกูลพวกเขาไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน”
ลู่เจียวกล่าวจบมองไปยังสาวใช้ กล่าวว่า “เจ้าส่งคนไปดูหน่อยว่ามีเรื่องอันใดทำให้ยังมาไม่ถึงหรือไม่”
ลู่เจียวกล่าวจบ สาวใช้ข้างกายก็ไม่ขยับ แต่คนที่ล้อมวงอยู่กลับมีคนขยับ ลู่เจียวแววตาเปล่งประกายวาบขึ้นทันที มุมปากกระดกเล็กน้อย สีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ‘แน่จริงก็อย่ามา!’