ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 821 บริจาคเงิน
ตอนที่ 821 บริจาคเงิน
หัวหน้าสาวใช้ข้างกายลู่เจียวรีบรับคำ สั่งการให้สาวใช้แยกกันไปดูสถานการณ์ของแต่ละตระกูล
สาวใช้ตระกูลเซี่ยเพิ่งจะไป ฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกง ฮูหยินผู้เฒ่าจวนเฉิงเต๋อโหวและคนจากจวนหนานหยางโหวก็พากันมาอย่างยิ่งใหญ่
ลู่เจียวได้ยินเสียงเคลื่อนไหวนอกประตู ก็รีบเดินออกมาต้อนรับบรรดาฮูหยินแต่ละตระกูล ยิ้มกล่าวว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ ฮูหยินผู้เฒ่าหวา พวกท่านติดงานทำให้มาช้าใช่หรือไม่”
ในใจฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกงกับฮูหยินผู้เฒ่าจงหย่งโหวโมโหจนแทบกระอักโลหิต ทุกคนล้วนเป็นพวกฉลาดรอบรู้ รู้ว่าสิ่งที่ลู่เจียวทำก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่าเพื่อบีบให้พวกนางมาหรือ ตอนนี้มาทำท่าทางเช่นนี้ไม่เสแสร้งไปสักหน่อยหรือ
แต่พวกนางก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ได้แต่ยิ้มรับคำ “ฮูหยินเซี่ยกล่าวได้ถูกต้อง”
พอทุกคนเข้าไปในห้องโถง ฮูหยินไม่น้อยยืนขึ้นทักทายฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่และฮูหยินผู้เฒ่าหวา
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยและท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่เพียงแต่นั่งทักทาย ไม่ได้ขยับตัว
ตระกูลเผยเดิมมีจุดยืนเป็นกลาง แต่ฝ่าบาทพระราชทานหลานสาวพวกเขาให้อภิเษกกับอ๋องหมิงเป็นพระชายาอ๋องหมิง ดังนั้นตระกูลเผยก็ได้แต่ผูกติดไปกับพวกอ๋องหมิงแล้ว พวกเขาคิดจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้แล้ว
ดังนั้นตระกูลเผยนับว่าอยู่บนเส้นทางเดียวกับลู่เจียวแล้ว วันนี้ลู่เจียวจัดงานบริจาคเงิน ตระกูลเผยย่อมต้องตอบรับ จวนจ้าวกั๋วกงกับจวนจงหย่งโหวและจวนหนานหยางโหวไม่ให้เกียรติลู่เจียว ก็คือไม่ให้เกียรติตระกูลเผย
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม กล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่และฮูหยินผู้เฒ่าหวาว่า “พวกเจ้าสุขภาพไม่ดีใช่หรือไม่ จึงได้มาช้าเอาตอนนี้ หากสุขภาพไม่ดี ก็มาเช้าหน่อยถึงจะถูกต้อง เจียวเจียวเป็นหมอเทวดา รับรองว่าได้ยาดีขจัดโรคภัย”
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กับฮูหยินผู้เฒ่าหวาได้ฟังฮูหยินผู้เฒ่าเผย มุมปากก็กระตุกอย่างแรง สุดท้ายกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ที่บ้านมีเรื่องทำให้เสียเวลาไปครู่หนึ่ง”
กล่าวจบ ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวมองไปยังคนตระกูลเฉินที่ฝ่าบาทเพิ่งจะเรียกตัวเข้าเมืองหลวง กล่าวว่า “โอะ นี่ไม่ใช่ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินหรือ ท่านพี่สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง”
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินยิ้มเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าสุขภาพดี
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวยังเอ่ยต่อว่า “เห็นท่านพี่เช่นนี้ ก็รู้ว่าเป็นคนเมตตาอารี ก่อนหน้านี้ข่าวลือทั่วเมืองหลวงน่าจะไม่เกี่ยวกับท่านพี่ ไม่แน่อาจเป็นผู้ใดแต่งเรื่องนี้ขึ้นมาก็ได้”
แม้ว่าไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องข่าวลือที่ลู่เจียวทำทารุณกรรมองค์ชายรอง แต่วาจานี้ก็แฝงความนัยเช่นนั้น คนในที่นั้นต่างเข้าใจเจตนาของนาง ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพื่อให้ลู่เจียวดูย่ำแย่ คนไม่น้อยต่างมองไปยังลู่เจียวด้วยสัญชาตญาณทันที
ลู่เจียวไม่ได้โมโหแม้สักนิด สีหน้ายังคงนิ่งสงบ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่นางทำ นางโมโหจะอันใด แต่วันนี้ต้องให้ตระกูลจ้าวกับตระกูลหลี่ได้เห็นโลหิตไหลซิบสักครั้งจึงจะดี
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็เดินไปกลางห้องโถง ตบมือให้ทุกคนเงียบมองนาง
“วันนี้ที่เรียกทุกคนมารวมตัวกันก็เพราะไม่นานมานี้เกิดภัยหิมะถล่มทางตอนเหนือ ทำให้ราษฎรไร้ที่อยู่อาศัย ทุกคนต่างรู้ว่าอากาศตอนเหนือหนาวเหน็บ หน้าหนาวค่อนข้างยาวนาน อีกสองสามเดือนจากนี้ก็ต้องอาศัยเสบียงและเสื้อกันหนาวจากทางการไปช่วยเหลือ หากราชสำนักไม่อาจแจกจ่ายสิ่งของพวกนี้ได้ราบรื่น หน้าหนาวปีนี้ทางเหนือย่อมต้องมีผู้คนเจ็บป่วยล้มตายกันไม่น้อย”
“แม้ว่าคลังแคว้นต้าโจวเต็มเปี่ยม แต่ราชสำนักจำเป็นต้องใช้เพื่อการทหารไม่น้อย เช่นนี้จึงได้ไร้หนทางจัดการอย่างเต็มที่ได้ ดังนั้นข้าจึงได้มีความคิดนี้ขึ้นมา ก็คือให้พวกเราแต่ละตระกูลบริจาคเงินช่วยชาวบ้านตอนเหนือให้ผ่านพ้นเคราะห์ภัยครั้งนี้”
“กิจกรรมบริจาคที่จัดในวันนี้ ทุกคนคงได้ยินมาแล้วว่า ฝ่าบาททรงเห็นชอบและสนับสนุนให้พวกเราทำ ดังนั้นข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแต่ละตระกูลที่มีความสามารถมากก็บริจาคมากหน่อย ความสามารถน้อยหน่อยก็บริจาคน้อยหน่อย ขอเพียงทุ่มเทเต็มกำลังก็พอ”
ลู่เจียวกล่าวจบ คนจวนจ้าวกั๋วกงกับจวนจงหย่งโหวก็ไม่พอใจ
หลายคนส่งเสียงดังขึ้นว่า “พวกเรามีเงินบริจาคที่ไหนกัน ตระกูลใหญ่กินอยู่ใช้จ่ายกันไม่น้อย ไหนเลยจะเหมือนฮูหยินเซี่ยที่เปิดสามโรงผลิต ยังมีกิจการร้านเสริมความงาม เจ้าหาเงินได้ พวกเราหาไม่ได้นี่”
“ใช่ ฮูหยินเซี่ยหาเงินได้มากเช่นนี้ บริจาคช่วยราษฎรทางเหนือมากหน่อยก็พอ”
ฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกงรับคำทันทีว่า “ฮูหยินเซี่ย เรื่องนี้ควรให้ฮองเฮาดำเนินการไม่ใช่หรือ เจ้าเป็นฮูหยินขุนนาง ยื่นมือยืดยาวมาข้องเกี่ยวได้อย่างไร”
ครั้งนี้ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ออกหน้ารับคำแทน “ฮูหยินจ้าว ฮองเฮาจัดการงานในวังหลังยุ่งมากแล้ว ไหนเลยจะมีเวลามาสนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ หรือว่าพวกเราไม่อาจแบ่งเบาภาระนี้แทนฮองเฮาได้ นับประสาอันใดกับเรื่องนี้ฝ่าบาททรงอนุญาตแล้ว หากท่านมีอันใดไม่พอใจ ก็เข้าวังไปทูลถามฝ่าบาทได้”
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวได้ยินก็นิ่งอึ้งไปเป็นนานไม่ได้เอ่ยอันใด
ลู่เจียวยิ้มตาหยีมองฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวกับฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กล่าวว่า “ไม่ทราบว่าฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวกับฮูหยินผู้เฒ่าหลี่คิดบริจาคเท่าไร ตระกูลจ้าวกับตระกูลหลี่เป็นชนชั้นสูงศักดิ์ระดับสูงแห่งแคว้นต้าโจวเรา ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวกับฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ยังเป็นแบบอย่างของสตรีสูงศักดิ์ ต่างเป็นตระกูลฝั่งไทเฮาและฮองเฮา พวกท่านต้องเป็นหลักให้ราชสำนักและชาวบ้านสักหน่อย”
ลู่เจียวยกตระกูลจ้าวกับตระกูลหลี่เสียสูงส่ง หากพวกเจ้าบริจาคไม่เท่าไร เกรงว่าคงเป็นที่ครหา
สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวกับฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ย่ำแย่อย่างมาก
แม้ตระกูลจ้าวเป็นตระกูลใหญ่ แต่เพราะกุมอำนาจทหาร บางครั้งราชสำนักแจกเบี้ยทหารไม่ครบ ก็ต้องออกเงินเติมให้ครบเอง อีกอย่างตระกูลจ้าวต้องสมาคมกับบรรดาชนชั้นสูงศักดิ์ ต้องส่งเงินเข้าวังให้ไทเฮานำไปจัดการ เงินของในตระกูลไม่ได้มากมายอย่างที่คิดจริงๆ
ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวจึงตัดใจบริจาคเงินไม่ได้ ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เองก็ไม่ยินดีบริจาค
ตระกูลหลี่ต้องถวายเงินให้ฮองเฮา ยังต้องถวายเงินให้อ๋องจิ่น พวกเขาขาดแคลนเงินทองก็มาหาเอาจากพวกเขา พวกเขาไหนเลยมีเงินบริจาคช่วยชาวบ้านประสบภัยกัน
แต่ตอนนี้ลู่เจียวยกพวกนางเสียสูงส่ง พวกนางไม่บริจาคก็ไม่ได้ หากไม่บริจาค ก็จะเป็นที่หัวเราะเยาะทั้งในและนอกเมืองหลวง
ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวกับฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ได้แต่กัดฟันเอ่ยขึ้นว่า “เอาละ ตระกูลข้าบริจาคห้าพันตำลึง”
“ตระกูลเราบริจาคห้าพันตำลึงเช่นกัน”
ลู่เจียวทำทีตกใจมองฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวกับฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ “ตามหลักแล้วฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวกับฮูหยินผู้เฒ่าหลี่บริจาคเท่าไรล้วนแล้วแต่ความประสงค์ของตนเอง เพียงแต่พวกท่านเป็นตระกูลไทเฮาและฮองเฮา หากบริจาคน้อยกว่าผู้อื่นก็เหมือนจะไม่ดีนัก แน่นอนว่าข้ากำลังคิดถึงพระเกียรติไทเฮากับฮองเฮา หากฮูหยินผู้เฒ่าทั้งสองไม่สนใจ ก็ตามแต่ท่านทั้งสองสะดวกก็แล้วกัน”
ลู่เจียวแสดงสีหน้าท่าทางว่าคิดเพื่อไทเฮากับฮองเฮา แทบจะทำให้ทั้งสองผู้เฒ่ากระอักโลหิตออกมาในทันที
แต่ทั้งสองคนก็ไม่อาจแสดงออกทางสีหน้าได้ ได้แต่กัดฟันถามลู่เจียว “เช่นนั้นผู้อื่นบริจาคกันเท่าไร”
“ผู้อื่นข้าไม่รู้ แต่ข้าคิดบริจาคสองหมื่นตำลึง”
เดิมลู่เจียวก็คิดบริจาคมากหน่อยอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้คิดบริจาคห้าหมื่นตำลึง แต่ต่อมานางคิดถึงที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำชับตนเองไว้ว่า อยู่เมืองหลวงให้สงบเสงี่ยมไม่เป็นที่สังเกต นางไม่ได้กลัวเซียวอวี้หมายปองนางอันใด นางแค่กลัวเซียวอวี้กังวลว่านางจะสร้างชื่อเสียงให้ตระกูลเซี่ย ดังนั้นจึงทำตัวสงบเสงี่ยมให้ไม่เป็นที่สังเกตสักหน่อย ครั้งนี้นางตัดสินใจบริจาคสองหมื่นตำลึง
ลู่เจียวกล่าวจบ ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ก็เอ่ยขึ้นว่า “ตระกูลเราก็สองหมื่นตำลึง”
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยก็เอ่ยว่า “ตระกูลเราแม้ว่ายากจน แต่เงินแค่นี้พอออกได้ ข้าก็ขอบริจาคสองหมื่นตำลึงเช่นกัน”