ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 824 แอบวางอุบาย
งานเลี้ยงในวังเริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว ฮ่องเต้เซียวอวี้เพิ่งขึ้นครองราชย์ ทรงตรัสยกย่องขุนนางสักสองสามคำ จากนั้นก็ตรัสเรื่องใหญ่ปีนี้สองสามเรื่อง และอวยพรแคว้นต้าโจวให้ปีหน้าอุดมสมบูรณ์ สุดท้ายงานเลี้ยงจึงได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
ไทเฮากับฮองเฮาทั้งสองคนต่างอารมณ์ไม่ดีนัก ไทเฮาคิดถึงว่าสีพระพักตร์ฮ่องเต้ก่อนหน้านี้ เห็นชัดว่าไม่ทรงต้องการให้หญิงตระกูลจ้าวตั้งครรภ์ ไทเฮาคิดถึงเรื่องนี้ ก็เสวยอันใดไม่ลง
ฮองเฮาไม่พอพระทัยเพราะนางมองออกว่าขุนนางแอบแบ่งออกเป็นสองฝ่ายแล้ว เมื่อก่อนขุนนางในราชสำนักส่วนใหญ่สนับสนุนบุตรชายของนาง ตอนนี้คนไม่น้อยแอบหันไปหาองค์ชายรองอ๋องหมิง
ฮองเฮาคิดถึงเรื่องนี้ ในพระทัยก็ยิ่งเกิดความเคียดแค้นชิงชังต่อเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสองสามีภรรยา
นังชั้นต่ำ หากไม่ใช่พวกเจ้า บุตรชายของนางจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เกรงว่าคงได้เป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจวไปนานแล้ว ไยต้องมาถูกแต่งตั้งเป็นอ๋องจิ่นอันใดพวกนี้ด้วย
ฮองเฮายิ่งคิดก็ยิ่งรุ่มร้อนใจ แต่พอคิดถึงว่าตนเองเพิ่งจะได้ยกเลิกคำสั่งกักบริเวณ ก็ได้แต่อดทนไว้
ขุนนางในพระที่นั่ง ไม่ได้สนใจไทเฮาจ้าวกับฮองเฮามากนัก พวกเขาพากันลุกขึ้นไปถวายคำนับสุราต่อฮ่องเต้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็เช่นกัน ยกจอกสุราไปถวายคำนับฮ่องเต้
เซียวอวี้เห็นเขา ก็ถามอย่างห่วงใยว่า “ขุนนางเซี่ยใบหน้ายังมีบาดผล อย่าดื่มสุรา ดื่มน้ำชาแทนดีกว่า”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
บรรดาขุนนางเห็นเซียวอวี้อ่อนโยนต่อเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็คิดถึงเรื่องที่ฮ่องเต้มอบองค์ชายรองให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น เลี้ยงดู นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นขุนนางที่ฮ่องเต้ไว้วางพระทัย
สายตาขุนนางทุกคนมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นล้วนเปล่งประกายวาว
งานเลี้ยงในวังดำเนินมาได้ครึ่งทาง ไทเฮาจ้าวก็เอ่ยว่าสุขภาพไม่ดีขอกลับก่อน ฮ่องเต้นั่งต่ออีกครู่หนี่งก็ลุกขึ้นกลับ แต่ก่อนกลับก็กำชับให้ทุกคนกินดื่มกันให้เต็มที่ก่อนออกจากวัง
บุคคลระดับสูงทั้งสองกลับแล้ว บรรดาขุนนางก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย ต่างคารวะสุรากันและกัน บรรยากาศผ่อนคลายลงกว่าช่วงก่อนหน้านี้มาก
อ๋องจิ่นเซียวเจินกับอ๋องหมิงเซียวเหวินอวี๋พากันลุกขึ้น แต่อ๋องจิ่นไปทักทายขุนนาง อ๋องหมิงกลับไปคำนับเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว
ลู่เจียวมองเขา ถามอย่างห่วงใยกล่าวว่า “ท่านอ๋อง สุขภาพไม่เป็นอันใดแล้วกระมังเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋ยิ้มมองลู่เจียวกล่าวว่า “ไม่เป็นอันใดแล้ว ฮูหยินเซี่ยวางใจ วันหน้าข้าจะใส่ใจรักษาสุขภาพให้ดี”
ลู่เจียวพยักหน้าไม่กล่าวอันใดอีก
เซียวเหวินอวี๋หันไปกล่าววาจาแสดงความห่วงใยต่อเซี่ยอวิ๋นจิ่นอีกสองสามคำ ก่อนจะหันหลังเดินไปนั่ง
คนในราชสำนักไม่น้อยเดินมาคารวะสุรากับเขา เพราเซียวเหวินอวี๋ได้รับบาดเจ็บ ไม่อาจดื่มสุรามาก ดังนั้นจึงใช้น้ำชาดื่มแทนสุรารับการคารวะสุราจากบรรดาขุนนาง เขาไม่เพียงหน้าตาหล่อเหลา แต่สีหน้ายังอ่อนโยนอย่างมาก รอยยิ้มยังราวกับลมวสันต์ บรรดาขุนนางต่างยินดีที่จะเข้าใกล้อ๋องหมิง
เทียบกับอ๋องจิ่นที่ทำท่าทำทางดังปราชญ์บัณฑิต บรรดาขุนนางอยากใกล้ชิดเซียวเหวินอวี๋มากกว่า เพราะเห็นชัดว่าอ๋องหมิงไม่เหมือนอ๋องจิ่นที่เอาแต่วางตัวเหนือพวกเขา ทักทายพวกเขาราวกับเป็นเทพเซียนลงมาจากเบื้องบน เนื้อในตนของเขาคล้ายหยิ่งยโสอยู่บ้าง คล้ายว่าตนเองทักทายพวกเขาเป็นเรื่องยิ่งใหญ่อย่างมาก
ฮองเฮากับเซียวเจินเห็นท่าทีบรรดาขุนนาง สองแม่ลูกล้วนมีสีหน้าอย่าได้เอ่ยว่าย่ำแย่เพียงใด
ทั้งสองคนลอบมองเซียวเหวินอวี๋อย่างอาฆาตตลอดเวลา เซียวเหวินอวี๋ขี้เกียจจะสนใจพวกนาง เขาทักทายกับบรรดาขุนนางได้ครู่หนึ่งก็เอ่ยว่าสุขภาพไม่ดี ขอตัวกลับก่อน
ฮองเฮาเห็นเขาไปแล้ว แววตาก็นิ่งลึก ส่งสายตาให้นางสนมน้อยข้างกาย นางสนมน้อยข้างกายพยักหน้าเล็กน้อยก่อนออกไป
ลู่เจียวสังเกตความเคลื่อนไหวของฮองเฮาสองแม่ลูกตลอด เห็นท่าทางฮองเฮาก็นึกเป็นห่วงว่านางจะลงมือวางอุบายซื่อเป่า รีบหันหน้าไปสั่งการหร่วนจู๋ตามออกไป หากอ๋องหมิงมีอันตรายก็ให้ออกมาปกป้องเขาให้ดี
หร่วนจู๋รับคำไปยืนหลังลู่เจียวเงียบๆ รอจนไม่มีคนสังเกตนาง นางก็แอบหลบออกไป
เพราะเซียวเหวินอวี๋ได้รับบาดเจ็บ ฝ่าบาทจึงอนุญาตให้คืนนี้เขานั่งเกี้ยวไปมาในวังได้เป็นกรณีพิเศษ ดังนั้นยามนี้เขานั่งอยู่บนเกี้ยวกำลังเดินทางกลับตำหนักตนเอง แต่ระหว่างทางก็มีคนมาขวางเอาไว้
“โอ๊ยเจ็บ”
มีคนล้มลงบนทางเดินในวังเพราะเกี้ยวของเซียวเหวินอวี๋ คนผู้นั้นพยายามดิ้นรนลุกขึ้นอย่างลนลานร้อนใจ ยิ่งคิดจะลุกก็ยิ่งลนลาน ยิ่งลนลานก็ยิ่งลุกไม่ขึ้น เป็นนานกว่าจะลุกขึ้นมาได้
เซียวเหวินอวี๋ในเกี้ยวเลิกม่านมองออกมา เห็นหญิงแต่งกระโปรงปักไหมจิ่นซิ่วอยู่กลางแสงโคมไฟในวัง ใต้เสื้อคลุมสีแดงขลิบขนปุยกระต่ายขาว ขนกระต่ายขาวบริสุทธิ์ขับใบหน้านางให้งามเด่นดังบุปผาแรกแย้ม งดงามน่าทะนุถนอมอย่างไม่อาจบรรยาย เรียวตาเมล็ดซิ่งคลอไปด้วยน้ำตาราวกับสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง มองแล้วทำให้คนรู้สึกนึกสงสารอยากทะนุถนอมหยกงาม
เพียงแต่เซียวเหวินอวี๋มองไปยังหญิงผู้นี้ แวบแรกก็รู้สึกได้ว่า ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะปรากฏตัวบนเส้นทางในวังยามนี้ ยังล้มลงพอดีตรงหน้าเขา เรื่องราวผิดปกติ ต้องมีกับดัก หญิงผู้นี้น่าจะมีกลอุบาย
เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้รู้สึกอยากทะนุถนอมหยกงาม เขาเหลือบมองหญิงตรงหน้าด้วยสายตาเยียบเย็น พลันตวาดขึ้นว่า “นี่คือผู้ใด กล้าเดินในวังไปทั่ว พวกเจ้า ลากตัวออกไป”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบ ขันทีด้านหลังสองนายก็ออกมาด้วยท่าทางดุดันเข้าไปลากตัวหญิงสาวออกไปข้างทาง
หญิงสาวเดิมกำลังส่งสายตาน่าสงสารมองเซียวเหวินอวี๋ เห็นใบหน้างดงามราวหยกสลักของหนุ่มน้อยแล้ว หัวใจก็กำลังเต้นแรง คิดไม่ถึงว่าพริบตาเดียว ท่านอ๋องหนุ่มถึงกับสั่งให้คนลากนางออกไป
นางไม่งามหรือ ไม่เพียงพอจะให้คนรู้สึกอยากทะนุถนอมหรือ เหตุใดองค์ชายรองถึงไม่เกิดความคิดเช่นนี้กัน
หญิงสาวพลันส่งเสียงร้องไห้ออกมา ร้องไปก็ดิ้นรนกล่าวไปว่า “อ๋องหมิง ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้ ทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้ ข้าได้รับคัดเลือกเข้าวังมาเป็นพระสนม เป็นพระสนมฝ่าบาท”
เกี้ยวเซียวเหวินอวี๋ถูกแบกผ่านไปแล้ว พอได้ยินเสียงตะโกนร้องไห้ของหญิงสาว เขาก็สั่งการออกไปนอกเกี้ยวทันที “พานางไปส่งที่ตำหนักเสด็จพ่อ บอกว่าหญิงผู้นี้มาขวางทางเกี้ยวของข้า”
หญิงสาวได้ฟังเซียวเหวินอวี๋ก็พลันเบื้อใบ้พูดไม่ออก บังเกิดความกลัวอย่างที่สุด ตัวสั่นไม่งันงกพลางเอ่ยขอร้องว่า “อ๋องหมิงไว้ชีวิตด้วย อ๋องหมิงไว้ชีวิตด้วย”
ไหนว่าองค์ชายรองมีเมตตาไม่ใช่หรือ เหตุใดพอเป็นนาง ถึงกับต้องการชีวิตนางเช่นนี้
หากนางรู้เช่นนี้ก็จะไม่มีทางยอมให้ฮองเฮาบงการนางมา ฮือๆ
น่าเสียดายไม่มีผู้ใดคิดทะนุถนอมหญิงผู้นี้ นางถูกสองขันทีลากตัวไปตำหนักฮ่องเต้
ในตำหนักเซียวอวี้ บรรยากาศกำลังเคร่งเครียดอย่างมาก ไทเฮาจ้าวกำลังระเบิดโทสะต่อหน้าฮ่องเต้
“ทรงไม่อยากให้หญิงตระกูลจ้าวกำเนิดองค์ชาย ทรงทำอันใดต่อพระสนมจ้าวใช่หรือไม่”
เซียวอวี้มองท่าทางโมโหไม่อาจระงับของไทเฮาจ้าว แม้ว่าเซียวอวี้รู้ว่า ในใจไทเฮาจ้าว ตระกูลจ้าวสำคัญยิ่งกว่าบุตรชายเช่นตน เขาเป็นแค่เครื่องมือขึ้นสู่ตำแหน่งของนาง แต่เห็นไทเฮาจ้าวเช่นนี้ เขาก็ยังรู้สึกปวดใจอย่างมาก
เป็นนานก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เสด็จแม่ นี่คือแผ่นดินตระกูลเซียว มิใช่ตระกูลจ้าว”
ไทเฮาจ้าวได้ฟังเซียวอวี้ก็โมโหเสียงดังขึ้นว่า “ตระกูลจ้าวข้าก็ไม่ได้คิดแย่งแผ่นดินตระกูลเซียว หรือว่าหญิงตระกูลจ้าวให้กำเนิดโอรสไม่ใช่แซ่เซียว เขาก็เป็นบุตรชายเจ้าเช่นกัน”
“แต่เขายังเป็นเครื่องมือตระกูลจ้าวอีกด้วย เหมือนเช่นเรา”