ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 843 ราชโองการ
ตอนที่ 843 ราชโองการ
ซานเป่าได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ผ่อนคลายลงทันที พร้อมกับกล่าวทันทีว่า “ท่านแม่ นางไม่ใช่คนเช่นนั้น นางมีจิตใจเมตตาอารีมาก ใจกว้างมาก ไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อย”
ลู่เจียวพยักหน้ากล่าวว่า “หากนางดีอย่างที่เจ้าว่าจริง แม่ก็เห็นด้วย แต่หากแม่ยังไม่เห็นด้วย เจ้าต้องรักษาระยะห่างจากนาง ห้ามทำอันใดที่ไม่ควรทำกับนาง รอให้ท่านพ่อกับท่านแม่ได้เห็นก่อน แน่ใจว่านางเป็นสะใภ้ตระกูลเซี่ยเรา พวกเราก็จะให้คนไปหมั้นหมาย”
ซานเป่ารีบรับปากลู่เจียวทันที “ท่านแม่ ข้ารับปากท่านแม่”
ลู่เจียวให้ยาแรงกับเขาไว้ก่อนว่า “หากนางไม่ดีเหมือนที่เจ้าว่า หรือนางเสแสร้ง ท่านพ่อกับท่านแม่ก็จะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานนี้ เจ้าก็ต้องเตรียมใจไว้ให้พร้อม”
ความหมายในวาจาลู่เจียว ซานเป่าฟังเข้าใจดี
ความหมายของท่านแม่ก็มีคนรู้สถานะเขา จงใจเสแสร้งมาหลอกเขา แต่ซานเป่ารู้สึกว่าท่านพ่อกับท่านแม่สอนเขาในตลอดหลายปีมานี้ หากความสามารถแค่นี้เขาก็ไม่มี เช่นนั้นก็เสียแรงที่ท่านพ่อท่านแม่สอนเขามาหลายปีแล้ว
“ท่านแม่ ท่านวางใจได้ นางเป็นหญิงสาวที่ดีมาก”
“อย่างนั้นก็ดี เจ้าเก็บของกลับไปเมืองหนิงโจวพานางมาเมืองหลวง เดือนหกนี้ น้องสี่เจ้ากำลังจะแต่งงาน พานางเข้าเมืองหลวงมาให้ท่านพ่อกับท่านแม่ดูก่อน”
“ขอรับ ท่านแม่”
ซานเป่ายิ้มอย่างเบิกบานใจ ลู่เจียวมองออกว่าเขาชอบหญิงสาวผู้นั้นมาก
ลู่เจียวอดบ่นในใจไม่ได้ ก็ขอให้หญิงสาวผู้นั้นไม่ผิดต่อความชื่นชอบของซานเป่า
“เอาละ ไปเก็บของได้แล้ว”
“ขอรับ ท่านแม่”
ซานเป่ากล่าวจบก็เดินออกไป นอกประตูติงเซียงรีบเดินเข้ามารายงานว่า“ฮูหยิน ใต้เท้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
ลู่เจียวขมวดคิ้วแปลกใจ วันนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเริ่มกลับไปทำงานที่สำนักมนตรี ตามหลักตอนนี้เขาควรอยู่ที่ทำงานที่นั่น ไม่น่ากลับมาเร็วเช่นนี้ ไม่วางใจนางหรือ
ติงเซียงรีบกล่าวทันทีว่า “ฝ่าบาทเสด็จมาพร้อมกับใต้เท้า”
ลู่เจียวตกใจ เซียวอวี้อยู่ดีๆ มากับเซี่ยอวิ๋นจิ่นทำไมกัน
หรือว่ามาเยี่ยมนาง
ลู่เจียวลุกขึ้นยืนนำติงเซียงเดินออกไปหน้าประตู
ทั้งสองคนเพิ่งจะเดินถึงประตู นอกประตู เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเซียวอวี้ก็เดินตามกันเข้ามา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นลู่เจียวลงจากเตียงก็รีบก้าวเข้ามาข้างกายนาง ประคองนางไว้เอ่ยว่า “เจ้าลงจากเตียงมาทำไมกัน”
“ไม่เป็นอันใดแล้ว ลงจากเตียงมาเดินสักหน่อยส่งผลดีต่อสุขภาพ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำชับอย่างไม่วางใจ “เดินๆ พอแล้วก็กลับไปนอนบนเตียงต่อ ข้าประคองเจ้ากลับไปนอนนะ”
ลู่เจียวส่ายหน้า จับมือเซี่ยอวิ๋นจิ่นบุ้ยใบ้ไปทางเซียวอวี้ด้านหลัง ถวายคำนับ “ถวายบังคมฝ่าบาท”
เซียวอวี้โบกมือว่าไม่ต้องมากพิธี เขาเดินเข้ามาในห้องมองประเมินลู่เจียวแล้วก็กล่าวว่า “สุขภาพฟื้นฟูได้ไม่เลว”
ลู่เจียวเอ่ยขอบคุณ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เสด็จมาเยี่ยมหม่อมฉัน”
สองสามีภรรยาทูลเชิญเซียวอวี้เข้าไปนั่งในห้อง
ลู่เจียวถือโอกาสมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ฝ่าบาทอยู่ดีๆ มาตระกูลเซี่ยทำไมกัน นางไม่เชื่อว่าเซียวอวี้จะใจดีมาตระกูลเซี่ยเพื่อเยี่ยมนาง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้า แสดงท่าทีว่าไม่รู้ เซียวอวี้มาตระกูลเซี่ยทำไมกัน เดิมเขากำลังทำงานอยู่ในสำนักมนตรี ฮ่องเต้แอบให้คนมาตามเขาไป จากนั้นก็บอกว่าจะเสด็จมาตระกูลเซี่ย
แต่ต้นจนจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่รู้ว่าฝ่าบาทคิดอันใด
เซียวอวี้คล้ายไม่เห็นท่าทางสบตากันของเซี่ยอวิ๋นจิ่นสองสามีภรรยา เขาโบกมือบอกให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวนั่งลง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ที่เรามาครั้งนี้ ก็คิดจะฝากรัชทายาทไว้กับท่านทั้งสอง วันหน้าขอให้ท่านทั้งสองจะปกป้องรัชทายาทให้ดี”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวตกใจ ฮ่องเต้เล่นละครฉากใดกัน ทั้งสองคนรีบยืนขึ้นเอ่ยขึ้นว่า “รัชทายาทมีฝ่าบาทปกป้อง ไหนเลยต้องการให้พวกกระหม่อมปกป้องด้วย”
เซียวอวี้เลิกคิ้วกล่าวว่า “เราก็คิดปกป้องเขา แต่ก็อาจไม่อาจทำได้ดังใจ”
พอเอ่ยวาจานี้ออกไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวต่างสีหน้าแปรเปลี่ยน สองคนหันขวับมองไปยังเซียวอวี้ “ฝ่าบาททรงพบเจอเรื่องอันใดมาหรือ ตรัสออกมา กระหม่อมยินดีช่วยฝ่าบาทแบ่งเบา”
เซียวอวี้กล่าวขึ้นเบาๆ ว่า “สุขภาพเราอาจเกิดเหตุขึ้นวันใดก็เป็นได้ เราก็ไม่อาจรู้ได้ ดังนั้นจึงได้แต่ขอฝากฝังรัชทายาทไว้กับท่านทั้งสองแล้ว”
ลู่เจียวรีบทูลทันทีว่า “ฝ่าบาทแต่งตั้งรัชทายาทแล้ว วันหน้าราชกิจก็ให้รัชทายาทจัดการ พระองค์ก็ทรงพักผ่อนให้มาก เช่นนี้พระพลานามัยฝ่าบาทก็จะไม่เกิดปัญหาหนักหนาอันใดเพคะ”
ไม่ทรงงานหนักมาก มีชีวิตอีกแปดปีสิบปีไม่ใช่ปัญหา และหากกินยาบำรุงที่นางปรุงให้เป็นประจำ ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยยืดอายุออกไปได้สิบกว่าปี
แต่เงื่อนไขก็คือไม่ทรงงานหนัก
แต่ในฐานะฮ่องเต้แคว้นต้าโจว เขาไหนเลยจะไม่ทำงานหนัก โชคดีที่ตอนนี้แต่งตั้งรัชทายาทแล้ว รัชทายาทเข้าประชุมราชสำนักช่วยจัดการราชกิจแทนฝ่าบาท ฝ่าบาททรงมีเวลาพักมากๆ ได้แล้ว
เซียวอวี้ยิ้มมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว กล่าวว่า “เรามาครั้งนี้เพราะมีของสิ่งหนึ่งจะมอบให้พวกเจ้าเก็บรักษาไว้”
เซียวอวี้กล่าวจบก็ดึงกล่องแพรไหมผนึกด้วยเทียนขี้ผึ้งงานฝีมือช่างในวังออกมาจากแขนเสื้อ
“สิ่งนี้ท่านทั้งสองเก็บให้ดี หากวันหน้าเราเกิดเหตุอันใดไม่คาดคิด ท่านทั้งสองก็นำของสิ่งนี้ออกมาส่งเสริมรัชทายาทขึ้นครองราชย์”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับสีหน้าลู่เจียวแปรเปลี่ยน ทั้งสองคนลงคุกเข่าพร้อมกัน เสียงสั่นทูลว่า “ฝ่าบาท แท้จริงทรงพบเรื่องอันใดมา ตรัสออกมา กระหม่อมจะช่วยฝ่าบาทแบ่งเบาภาระนี้”
เซียวอวี้กลับยิ้ม “ตอนนี้ยังไม่เป็นอันใด แต่เราเป็นห่วงเท่านั้น ของสิ่งนี้พวกเจ้าเก็บไว้เถิด เรากลับละ”
เขาออกจากวังมาเงียบๆ ต้องรีบกลับไป อย่าให้ผู้อื่นรู้เข้าจะดีกว่า
เซียวอวี้ลุกขึ้นเดินออกไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับลุกออกไปส่งเขา ลู่เจียวประคองกล่องแพรไหมสีเหลืองทองเอาไว้เป็นนานก็ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา
นางรู้ว่าในกล่องแพรไหมนี้ย่อมต้องเป็นราชโองการ แต่งตั้งรัชทายาทขึ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจว เพียงแต่เหตุใดอยู่ดีๆ เซียวอวี้จึงนำราชโองการมาไว้ที่พวกนางในตอนนี้
เขาเผชิญกับอันตรายใดกัน
ลู่เจียวคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ได้แต่รอเซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมา
สองสามีภรรยามองกล่องแพรในมือ “เจ้าว่าฝ่าบาทอยู่ดีๆ เหตุใดมอบราชโองการนี้ให้พวกเรา แท้จริงทรงเกิดเรื่องอันใด หรือทรงเป็นห่วงว่าจะประสบเหตุไม่คาดคิด”
“ทรงเป็นห่วงว่าจะมีคนทำร้ายพระองค์หรือ ฝ่าบาทมีคนข้างกายไม่น้อย ผู้ใดกล้าทำร้ายฮ่องเต้”
ลู่เจียวพึมพำ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้ว ค่อยๆ กล่าวว่า “น่าจะเป็นไทเฮา ฝ่าบาททรงเป็นห่วงว่าไทเฮาลงมือกับฝ่าบาท ดังนั้นจึงได้นำราชโองการที่จะรับรองว่ารัชทายาทจะขึ้นครองราชย์ราบรื่นมาไว้ที่พวกเรา ฝ่าบาททรงรู้ว่าพวกเราหวังดีต่อรัชทายาทอย่างแท้จริง ต้องการมอบราชโองการไว้ที่พวกเรา จึงจะทรงวางพระทัยได้”
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปไม่ได้กระมัง ไทเฮาเป็นเสด็จแม่แท้ๆ ของฝ่าบาท เป็นไปได้อย่างไรที่จะลงมือกับฝ่าบาท”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้าถอนหายใจ “ผู้ใดจะรู้เล่า ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ก็ย่อมมีเหตุผล อย่างไรเขากับไทเฮาจ้าวเป็นแม่ลูกกันมาหลายปี เขาย่อมรับรู้อันใดได้”
“โชคดีที่เขาเตรียมการไว้ก่อน แม้ไทเฮาจ้าวลงมือทำอันใด กระดานลูกคิดนางก็ย่อมต้องสูญเปล่า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแสดงท่าทางบอกให้ลู่เจียวเก็บราชโองการไว้ในห้วงอากาศ เช่นนี้ผู้อื่นแม้รู้อันใดก็หาราชโองการนี้ไม่พบ
ลู่เจียวพยักหน้า ในใจรู้สึกเป็นห่วงเซียวอวี้ เซียวอวี้เป็นฮ่องเต้ที่ไม่เลว แม้ว่าก่อนหน้านี้เอาแต่คอยระแวงพวกนาง แต่เขาก็ไม่ใช่ฮ่องเต้ที่สังหารคนบริสุทธิ์ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าครอบครัวพวกนางก็คงโชคร้ายกันไปนานแล้ว
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น กำชับว่า “ตอนเจ้าไปประชุมราชสำนักก็สังเกตสภาพของฝ่าบาทด้วย หากมีอันใดไม่ดีก็รีบกลับมาบอกข้า ข้าจะเข้าวังไปตรวจอาการให้ฝ่าบาท”
“ได้”