ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 855 ตั้งครรภ์
ตอนที่ 855 ตั้งครรภ์
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงว่าความเป็นไปได้นี้ก็แค่นหัวเราะอย่างไม่เกรงใจขึ้นมาทันที
เพราะฝ่าบาทยอมรับ อดีตฮ่องเต้จึงได้รับสั่งให้เข้าเมืองหลวง ตระกูลพวกเขาเข้าเมืองหลวงมาได้สองปี บุตรีตระกูลพวกเขาอบรมเลี้ยงดูมาเหมาะกับเข้าวังหรือ ช่างเพ้อฝันเสียจริง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินกลับไปเรือนด้านหลัง เห็นลู่เจียวก็ถามว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นรถม้าตระกูลเฉินเพิ่งจากไป พวกนางมาทำอันใด”
ลู่เจียวยิ้มมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “พวกเขาอยากส่งบุตรีเข้าวัง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นขมวดคิ้ว “พวกเขานับวันยิ่งไม่พอใจสิ่งที่มีขึ้นทุกวัน คิดจะส่งคนเข้าวังหลังฝ่าบาท คิดเพ้อฝันมากมายจริง”
ฝ่าบาทเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ หากไม่ใช่เพื่อทำให้ราชสำนักมั่นคง ก็คงไม่รับพระสนมในเวลาอันสั้นนี้
นี่เกี่ยวอันใดกับตระกูลเฉิน
ช่างกล้าวางแผนแยบยลเสียจริง
“เอาละ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา ฝ่าบาทไม่มีทางให้หญิงตระกูลเฉินเข้าวัง บุตรีตระกูลพวกเขาเพิ่งเข้าเมืองหลวงมาสองปี ไม่เหมาะจะเข้าวัง”
ลู่เจียวยิ้มมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เรื่องนี้ให้ฝ่าบาทตัดสินพระทัยเองก็แล้วกัน”
“ได้ ตอนเจ้าเข้าวัง ก็บอกเขาเรื่องนี้หน่อย”
ลู่เจียวลุกขึ้นไปถอดชุดขุนนางให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น จากนั้นก็ถามเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ไม่เพียงแต่ตระกูลเฉิน ก่อนหน้านี้จวนจ้าวกั๋วกงเองก็ส่งเทียบเชิญมาว่าจะมาเยี่ยมเยือนที่ตระกูลพวกเขา คล้ายอยากส่งบุตรีเข้าวังเช่นกัน”
แววตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้มขึ้นเล็กน้อย กล่าวว่า “หากไม่เหนือความคาดหมาย ฝ่าบาทจะรับหญิงตระกูลจ้าวเข้าวัง นอกจากตระกูลจ้าว ยังมีบุตรีจวนอู่กั๋วกงและบุตรีชนชั้นสูงศักดิ์อีกสองสามคน ล้วนเป็นผู้ที่ฝ่าบาทจะรับเข้าวังหลัง”
ลู่เจียวพยักหน้าแสดงท่าทีเข้าใจ การรับบุตรีชนชั้นสูงศักดิ์เหล่านี้ไว้ ทำให้ราชสำนักมั่นคงได้ชั่วคราว จากนั้นฝ่าบาทย่อมต้องลงมือสยบชนชั้นสูงศักดิ์เอาไว้ ให้พวกเขาไม่กล้าเหิมเกริมกระทำตามใจตนเอง
“ข้ารู้”
เพราะเรื่องฝ่าบาทรับพระสนม เมืองหลวงพลันครึกครื้นขึ้นมา ตามถนนตรอกซอกซอยล้วนครึกครื้นกันอย่างมากด้วยเรื่องนี้
การค้าของร้านเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับและเครื่องประทินผิวก็ยิ่งรุ่งเรืองเพราะเรื่องรับพระสนมนี้
ตระกูลเซี่ยเองก็ครึกครื้นอย่างยิ่ง มักมีคนมาเยี่ยมเยือน เริ่มแรกลู่เจียวยังต้อนรับอยู่บ้าง แต่ต่อมาเริ่มรำคาญ จึงหนีไปหลบพวกเขาที่โรงบ้านนอกเมือง
เนี่ยอวี้เหยาเถียนฮวนกับจู้เป่าจูเองก็ถือโอกาสพาบ่าวรับใช้ตนไปเดินเล่นที่โรงบ้านเพื่อหลบความวุ่นวายด้วยเช่นกัน
เพราะพวกนางสนิทกับลู่เจียว ระยะนี้ก็มีแต่แขกมาเยี่ยมเยือนที่บ้านทุกวัน ขอให้พวกนางช่วยพูดกับลู่เจียว
อย่าว่าแต่พวกเนี่ยอวี้เหยากับเถียนฮวน แม้แต่เซี่ยหลิงหลงก็หลบไม่พ้น รุ่นพี่ในสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อหลายคนต่างมาขอให้นางช่วย
เซี่ยหลิงหลงปวดหัว แม้แต่สำนักศึกษาก็ไม่กล้าไป อยากให้เรื่องพี่สี่รับพระสนมรีบผ่านไปโดยเร็ว
โรงบ้านลวี้อวิ๋น สตรีสองสามคนหลบใต้ร่มไม้ดื่มน้ำชาสนทนากัน สบายใจอย่างยิ่ง
“อย่างไรที่นี่ก็ดีกว่า”
ลู่เจียวถอนหายใจ
เนี่ยอวี้เหยาพยักหน้ารับคำ กล่าวว่า “เมื่อก่อนสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงไม่ค่อยอยากเข้าวัง แต่ยามนี้แต่ละตระกูลแย่งกันจะส่งบุตรีเข้าวังราวกับเสียสติ เพราะซื่อเป่าเราทรงเสน่ห์จริงๆ”
“ยังหนุ่มและรูปงาม ทั้งยังเป็นฮ่องเต้ ประเด็นสำคัญก็คือสตรีในวังหลังยังน้อยอีก มีเพียงฮองเฮากับพระสนมซูเฟย มิน่าหญิงเหล่านั้นพากันแย่งกันจะเข้าวังราวกับเสียสติ”
เถียนฮวนพยักหน้า “เพราะเสน่ห์ของซื่อเป่า แต่สตรีพวกนี้พอมีมากก็เรื่องมาก วันหน้าเกรงว่าในวังคงไม่สงบสุข ซื่อเป่ารับมือไหวหรือ”
ลู่เจียวถอนหายใจกล่าวว่า “เขาเองก็ทำอันใดไม่ได้”
พอซื่อเป่าแผ่บารมีปกครองใต้หล้า กระทำเรื่องเป็นประโยชน์แก่ราษฎรแคว้นต้าโจวให้มากขึ้น ในใจราษฎรย่อมยอมรับเขาเป็นผู้ปกครองปรีชาแห่งแคว้นต้าโจว ถึงตอนนั้นแม้อิทธิพลชนชั้นสูงศักดิ์มากเพียงใดก็สั่นคลอนเขาไม่ได้ ตอนนั้นเขาก็จะลงมือเก็บกวาดพวกเขาเหล่านั้น
ลู่เจียวคิดไปก็กล่าวไปว่า “เอาละ พวกเราไม่คุยเรื่องน่ากังวลพวกนี้แล้ว”
“ใช่ ใช่ มาดื่มน้ำชาๆ”
สตรีเหล่านี้อยู่โรงบ้านสามวันจึงได้กลับ เป็นเพราะถึงวันฝ่าบาทคัดเลือกพระสนมแล้ว ลู่เจียวจึงต้องกลับเมืองหลวง
วันรุ่งขึ้นก็เป็นวันที่ฝ่าบาทจะคัดเลือกพระสนม ลู่เจียวนำคนเข้าวังแต่เช้า
ตำหนักคุนหนิงกง นอกจากฮองเฮา พระสนมซูเฟยก็อยู่
พระสนมซูเฟยหวังเมิ่งเหยาเห็นลู่เจียวก็ดีใจมาก “ท่านน้าลู่มาแล้ว”
ลู่เจียวพยักหน้ามองประเมินหวังเมิ่งเหยา อยากดูว่าหวังเมิ่งเหยาไม่พอใจที่ฝ่าบาทคัดเลือกพระสนมหรือไม่ แต่ดูท่าแล้วไม่เห็นหญิงสาวไม่พอใจ ลู่เจียวก็วางใจ กล่าวตามตรง การได้อภิเษกกับฮ่องเต้ย่อมไม่อาจคิดว่าฮ่องเต้จะทรงมีนางเพียงผู้เดียว
ฮองเฮากับหวังเมิ่งเหยาดำรงท่าทีเช่นนี้ดีมาก
“เจ้าอยู่ในวังชินหรือยัง”
ลู่เจียวถามหวังเมิ่งเหยาอย่างห่วงใย
หวังเมิ่งเหยายิ้มกล่าวว่า “ดีมากเพคะ นอกจากไม่ได้อิสระเหมือนเมื่อก่อน แต่อย่างอื่นล้วนพอได้”
พอเข้าวังมาก็เข้าออกไม่สะดวก แต่ฝ่าบาทส่งคนผู้หนึ่งมาให้นางใช้งาน หลายเรื่องก็ให้คนผู้นั้นไปจัดการ เพียงแต่นางไม่อาจออกนอกวังได้อิสระเหมือนเมื่อก่อนก็เท่านั้น
แต่ท่าทีนางนั้นดีมาก ตอนนี้นางเป็นพระสนมซูเฟยแล้ว นางได้แต่ยอมรับความจริงนี้
ฝ่าบาทเองก็ใจกว้างกับนางมาก หากนางยังไม่รู้จักพอก็คงเกินไปแล้ว
คนเราดำรงอยู่บนโลกนี้ ประการแรกต้องรู้จักพอ หากไม่รู้จักพอ โลภมากไม่มีที่สิ้นสุดก็จะทำให้คนรู้สึกรังเกียจ
ลู่เจียวได้ฟังหวังเมิ่งเหยาก็ยิ้มกล่าวว่า “เจ้าเป็นพระสนมวังหลัง จะอิสระเหมือนเมื่อก่อนได้อย่างไร แต่ข้าว่าสีหน้าเจ้าไม่เลว แสดงว่าอยู่ในวังใช้ได้อยู่”
หวังเมิ่งเหยายิ้มได้ใจกล่าวว่า “นั่นเพราะข้าเหมือนหญ้าริมทาง อยู่ที่ไหนก็เติบโตได้ดีมาก”
ฮองเฮาเห็นลู่เจียวกับพระสนมซูเฟยคุยกันเบิกบานใจ ในใจพลันรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ แต่ไม่ได้แสดงออก
ลู่เจียวสนทนากับหวังเมิ่งเหยาสองสามคำแล้วก็หันไปกับคุยกับฮองเฮาต่อ
“การคัดเลือกพระสนมเริ่มต้นแล้วหรือ”
กระบวนการแรกสุดของการคัดเลือกพระสนมก็คือให้ซั่งกง[1] ไปคัดเลือกหญิงจากรูปโฉมและกิริยาท่าทาง รวมทั้งมีโรคหรือไม่อะไรพวกนี้ กระบวนการแรกเสร็จ ก็จะให้ฮองเฮากับลู่เจียวเลือก จากนั้นก็คนที่พวกนางคัดเลือกมา ก็จะมอบให้ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตร ฮ่องเต้ก็จะเลือกคนจากในจำนวนนี้
ความจริงกระบวนการคัดเลือกพระสนมเช่นนี้ง่ายมาก และการคัดเลือกครั้งนี้ล้วนเป็นบุตรีขุนนางระดับสามขึ้นไป คนไม่มาก ไม่ต้องใช้เวลามาก
ลู่เจียวอยู่ตำหนักคุนหนิงกงได้ครู่หนึ่งก็พบว่าฮองเฮาเผยอวี่เอาแต่หาวติดๆ กัน คล้ายง่วงนอน ลู่เจียวถามอย่างห่วงใยเผยอวี่ “ฮองเฮาเมื่อคืนนอนหลับไม่สนิทหรือ หากนอนหลับไม่พอ ก็รีบไปนอนเถอะ”
เผยอวี่กล่าวอย่างจนใจว่า “สองสามวันนี้ไม่รู้ว่าเป็นอันใด มักจะเอาแต่อยากนอน ความจริงเมื่อวานตกค่ำก็นอนได้ดีมาก”
แม้ว่าวันนี้ต้องเลือกพระสนมให้ฝ่าบาท ในฐานะฮองเฮา เผยอวี่เข้าใจดีแล้วว่าวังหลังฝ่าบาทไม่อาจมีแค่นางกับพระสนมซูเฟย ดังนั้นเมื่อคืนวานนี้นางนอนหลับสนิทมาก แต่วันนี้ก็ยังคงง่วงนอนอยู่บ้าง
ลู่เจียวได้ฟังเผยอวี่ก็คิดถึงอันใดขึ้นมาได้ทันที ยิ้มมองนางกล่าวว่า “มา ข้าตรวจชีพจรให้เจ้า”
เผยอวี่สีหน้าไม่เข้าใจ “ข้าไม่ได้ป่วย ทุกวันหมอหลวงจะตรวจชีพจรให้ข้า”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ไม่มีอันใด อย่างไรข้าก็ว่างอยู่ ตรวจชีพจรให้เจ้าสักหน่อยดีกว่า”
“เพคะ”
[1] กองงานในวังแบ่งออกเป็นหกกองงานหลัก ได้แก่ กองพระราชสำนักดูแลงานทั่วไป หัวหน้างานเรียกว่า ซั่งกง กองราชพิธีดูแลการประกอบพิธีต่างๆ หัวหน้างานเรียกนว่าซั่งอี๋ กองพระภูษาดูแลเครื่องแต่งกาย งานปักผ้า หัวหน้างานเรียกว่า ซั่งฝู กองห้องเครื่อง หัวหน้ากองเรียกว่า ซั่งสือ กองพระตำหนัก ดูแลความเรียบร้อยแต่ละตำหนัก หัวหน้างานเรียกว่า ซั่งฉิ่น เป็นต้น