ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 856 น้อยเนื้อต่ำใจ
ตอนที่ 856 น้อยเนื้อต่ำใจ
ฮองเฮาเดินเข้ามานั่งข้างลู่เจียว ลู่เจียวยื่นมือไปตรวจชีพจรให้นาง จากนั้นจึงได้แน่ใจว่าเผยอวี่มีอาการอยากนอนอยู่ตลอดเวลาเพราะตั้งครรภ์ นางพลันดีใจยิ้มกล่าวว่า “เจ้าตั้งครรภ์แล้ว แต่อายุครรภ์ยังอ่อน สำนักหมอหลวงจึงตรวจไม่พบ”
เผยอวี่อึ้งไปทันที พระสนมซูเฟยเดินเข้ามาแสดงความยินดี
“ขอแสดงความยินดีกับฮองเฮาด้วยเพคะ”
เผยอวี่ได้สติก็ดีใจจนพูดไม่ออก มือหนึ่งลูบคลำท้องตนเองด้วยสัญชาตญาณ “ข้าตั้งครรภ์แล้ว ข้าถึงกับตั้งครรภ์แล้ว”
เผยอวี่มองลู่เจียวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ตั้งครรภ์แล้วจริงหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้ายืนยัน เรื่องนี้แน่ใจได้
พระสนมซูเฟยดีใจสั่งการทันที “ไป ทูลข่าวดีนี้ต่อฝ่าบาท ฮองเฮาตั้งครรภ์แล้ว นี่เป็นเรื่องมงคลยิ่ง”
นี่คือบุตรคนแรกของฝ่าบาท ฝ่าบาทจะต้องดีพระทัยเป็นแน่
ลู่เจียวหันไปมองหวังเมิ่งเหยาด้วยสัญชาตญาณ อยากดูว่าหวังเมิ่งเหยาจะมีอาการไม่พอใจหรือไม่ แต่นางมองออกว่าหวังเมิ่งเหยาไม่ได้มีอาการอิจฉาหรือหึงหวง กลับกันนางแสดงความดีใจกับฮองเฮาด้วยใจจริง
ลู่เจียวมองสีหน้าหวังเมิ่งเหยา ในใจก็วางใจลง
เซียวเหวินอวี๋ได้รับรายงานจากขันทีก็รีบนำคนมาทันที
“ท่านแม่ ฮองเฮาตั้งครรภ์จริงหรือ”
ลู่เจียวอมยิ้มพยักหน้า “ฮองเฮานี่เก่งจริง แต่งกับเจ้าไม่นาน ก็ตั้งครรภ์แล้ว นี่เป็นเรื่องมงคล”
เซียวเหวินอวี๋พยักหน้า กล่าวอย่างดีใจว่า “เป็นเรื่องมงคล”
เขากล่าวจบเห็นฮองเฮาก็ไปยืนยื่นมือไปประคองเผยอวี่ทันที “ฮองเฮานั่งเถอะ อย่าเอาแต่ยืน”
เผยอวี่คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะดีพระทัยเพียงนี้ ในใจก็ดีใจไม่อาจกล่าว นางยกมือหนึ่งคลำท้อง แอบครุ่นคิด หากครรภ์นี้เป็นองค์ชายก็คงดี เช่นนั้นเขาก็จะเป็นโอรสองค์โต เป็นรัชทายาทอย่างแน่นอน วันหน้าตระกูลเผยก็จะไม่ตกต่ำอีก
ลู่เจียวเห็นฮ่องเต้กับฮองเฮาดีพระทัย ก็ไม่คิดรบกวนทั้งสองคน พาหวังเมิ่งเหยาค่อยๆ เดินออกจากตำหนักคุนหนิงกง
ทั้งสองคนไปยังตำหนักเฉาหยางกงของหวังเมิ่งเหยา
ลู่เจียวคิดถึงว่าหวังเมิ่งเหยาเข้าวังมาก่อนฮองเฮา แต่ครรภ์ยังไร้วี่แวว ในใจนางย่อมรู้สึกบอกไม่ถูก ลู่เจียวอดปลอบใจนางไม่ได้
“เมิ่งเหยา บุตรจะมาเมื่อใดล้วนชะตากำหนด เจ้าอย่าได้ร้อนใจไป วันหน้าต้องตั้งครรภ์ได้อย่างแน่นอน”
หวังเมิ่งเหยาพลันยิ้ม นางยื่นมือไปดึงลู่เจียว เขยิบเข้าไปใกล้กระซิบว่า “ท่านน้าลู่ ฝ่าบาทยังไม่ได้ทรงโปรดปรานข้าเลย ก่อนหน้านี้ข้าเข้าวังมา ฝ่าบาทก็บอกข้าว่า รอให้พระชายาตั้งครรภ์ ค่อยแตะต้องข้า พวกเราตกลงเรื่องนี้กันแล้ว ดังนั้นท่านน้าอย่าได้เป็นห่วงข้า ข้าไม่ร้อนใจ”
ลู่เจียวคิดไม่ถึงว่าถึงกับมีเรื่องเช่นนี้ นางหันไปมองหวังเมิ่งเหยา พบว่าสีหน้านางไม่ได้มีความคับแค้นใจหรือไม่พอใจแม้แต่น้อย
ลู่เจียวอดชื่นชมนิสัยนางไม่ได้ “เจ้าเป็นเด็กดีจริง ฝ่าบาทย่อมทรงรู้ในพระทัย”
“แน่นอน”
หวังเมิ่งเหยายิ้มคล้องแขนลู่เจียว ทั้งสองคนเดินเข้าตำหนักเฉาหยางกง
ครึ่งวันเช้า ทางกองพระราชสำนักคัดเลือกเสร็จ ได้สาวงามทั้งหมดยี่สิบสามคน ส่วนใหญ่เป็นบุตรีขุนนางในราชสำนัก ไม่เพียงแต่ความประพฤติดี แต่กิริยามารยาทก็ยังยอดเยี่ยม สาวงามเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อ พิณ หมาก อักษรและภาพทุกอย่างล้วนชำนาญ จรรยามารยาทก็ได้รับการอบรมมาอย่างตั้งใจ ทุกกิริยาท่วงท่าล้วนงามคล้ายดังภาพวาด
ลู่เจียวเห็นแล้วก็อดถอนใจไม่ได้ นางทำตัวสง่างามแบบหญิงเหล่านี้ไม่ได้ แต่มีหญิงผู้หนึ่งท่ามกลางหญิงเหล่านี้ ลู่เจียวถึงกับมองแล้วก็รู้สึกแปลกใจ นางคือบุตรีตระกูลเฉิน เฉินหยวน
ลู่เจียวตกใจมองอีกหลายครั้ง คิดว่าตนเองมองผิด
แม้เฉินหยวนเป็นบุตรีเฉิงเอินโหว แต่ท่านปู่นางเป็นตำแหน่งว่างเปล่า ไม่มีอำนาจแท้จริง บิดานางเป็นเพียงขุนนางระดับสี่ ตามหลักนางไม่ควรปรากฏตัวในวังตอนนี้
ลู่เจียวมองไปยังฮองเฮาเผยอวี่อย่างไม่เข้าใจ “เฉินหยวนตระกูลเฉินเข้าวังมาร่วมคัดเลือกด้วยหรือ”
ลู่เจียวกล่าวจบก็มองเฉินหยวนด้วยสัญชาตญาณทีหนึ่ง นางถึงกับเห็นเฉินหยวนมองมายังนางด้วยสีหน้าได้ใจ คล้ายกำลังกล่าวว่า เจ้าไม่ยอมเห็นด้วยให้ข้าเข้าวังมาคัดเลือก ข้าก็เข้าวังมาได้แล้วไม่ใช่หรือ
ลู่เจียวไร้วาจาจะกล่าว หันไปมองฮองเฮา ฮองเฮาขยับตัวอึดอัด กล่าวอย่างจนใจว่า “ก่อนหน้านี้ตระกูลเฉินเข้าวังมาถวายพระพรข้า บอกว่าอยากให้บุตรีพวกเขาเข้าวังมาร่วมคัดเลือก ข้าครุ่นคิดแล้วเห็นว่าตระกูลพวกเขาก็เป็นตระกูลมารดาฝ่าบาท ไม่ให้พวกเขาเข้าวังมาร่วมคัดเลือก คล้ายว่าไม่ให้เกียรติฝ่าบาท ดังนั้นจึงเห็นด้วยที่จะให้ตระกูลเฉินบุตรีเข้าวังมาร่วมการคัดเลือกครั้งนี้”
ลู่เจียวจ้องมองเผยอวี่ทีหนึ่ง แต่ไม่ได้กล่าวอันใด
เผยอวี่เห็นสายตาลู่เจียว ในใจก็สะอึกกึก เขยิบเข้าไปใกล้ลู่เจียวท่าทางระแวดระวัง ถามว่า “ฮูหยิน ข้าทำผิดหรือ”
ลู่เจียวยิ้ม นางเข้าวังมาแล้ว ยังกล่าวมากมายเช่นนั้นไปเพื่ออันใด
นางส่ายหน้า “ไม่เป็นอันใด ข้าเห็นว่าตระกูลพวกนางมีคุณสมบัติไม่พอจะเข้าร่วมการคัดเลือกครั้งนี้ ฝ่าบาทมีรับสั่งว่าเป็นบุตรีขุนนางระดับสามขึ้นไปเข้าวังมาร่วมการคัดเลือก ตระกูลเฉินแม้ว่ามีบรรดาศักดิ์ แต่ไม่มีอำนาจแท้จริง ตามหลักตระกูลพวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอจะเข้าวังมาร่วมการคัดเลือก”
ฮองเฮายิ้มเล็กน้อยเอ่ยว่า “แม้ว่ากล่าวเช่นนี้ แต่ตระกูลเฉินเป็นตระกูลมารดาฝ่าบาท หากปฏิเสธไปก็เท่ากับไม่ให้เกียรติฝ่าบาท ดังนั้นข้าจึงให้บุตรีตระกูลพวกเขาเข้าวังมาร่วมการคัดเลือก ผู้อื่นเห็นก็คงไม่วิพากษ์วิจารณ์อันใด”
ลู่เจียวแววตาหม่นลง ผู้อื่นย่อมไม่วิจารณ์เปิดเผยอันใด แต่ส่วนตัวไม่แน่ว่าจะเอ่ยอันใด ในฐานะฮองเฮาควรช่วยกันปกป้องฝ่าบาท ไม่ควรสร้างความรำคาญพระทัย นางกลับปล่อยเฉินหยวนเข้ามาสร้างความยุ่งยากให้ฝ่าบาท
หากฝ่าบาทไม่เลือกเฉินหยวน ตระกูลเฉินเกรงว่าจะไม่พอใจฝ่าบาท แต่หากให้เฉินหยวนได้รับการคัดเลือก ฝ่าบาทคงต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นแน่
ลู่เจียวอดคิดไตร่ตรองไม่ได้ ฮองเฮาได้รับการอบรมจากตระกูลเผยมาไม่เลว แต่คล้ายว่านางให้ความสนใจกับคุณธรรมจารีตสตรีของตนเองมากเกินไป จนลืมแบ่งเบาภาระฝ่าบาท
ลู่เจียวไม่เอ่ยอันใด หันไปดูสตรีที่ร่วมการคัดเลือกต่อ
สตรีที่ร่วมการคัดเลือกรอบละห้าคน เข้ามาแนะนำตนเองและความชอบของตนเอง จากนั้นก็แสดงความสามารถทางศิลปะ
กล่าวตามตรง ล้วนได้รับการบรรจงอบรมจากตระกูลเก่าแก่มา ย่อมไม่มีผู้ใดด้อย
แต่พอถึงเฉินหยวนก็เกิดความแตกต่าง ฝีมือนางด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด เฉินหยวนยังมีเรื่องที่ชอบน้อยนิด ที่สำคัญที่สุดก็คือความสามารถทางศิลปะก็ไม่เพียงพอ
ลู่เจียวมองนาง พบว่าพิณที่นางดีดไม่อาจเทียบกับสตรีตระกูลสูงศักดิ์ได้ นางมองเฉินหยวนแล้วก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “เฉินหยวนไม่ผ่าน”
ลู่เจียวรู้ว่าตนเองเอ่ยออกไปเช่นนี้ นับว่าเป็นการล่วงเกินตระกูลเฉิน แต่นางไม่อาจปล่อยให้เรื่องนี้ไปตกที่ฝ่าบาท ปล่อยให้ฝ่าบาทต้องตัดสินเรื่องนี้ ดังนั้นสถานะคนเลวนี้นางยอมเป็นเสียเอง
เดิมเรื่องนี้ขอเพียงฮองเฮาไม่ให้ตระกูลเฉินเข้าวังมาก็จะไม่เกิดขึ้น ปรากฏฮองเฮาถึงกับให้หญิงตระกูลเฉินเข้าวังมา ลู่เจียวได้แต่ต้องทำตัวเป็นคนเลวแทน
อย่างไรก็คงไม่อาจให้ฝ่าบาทมาเล่นบทคนเลวนี้กระมัง หากไม่ใช่ว่าฝ่าบาทต้องการดำรงราชสำนักให้มั่นคง ย่อมไม่มีทางคัดเลือกพระสนมในระยะเวลาไม่นานหลังขึ้นครองราชย์นี้ ตระกูลเฉินคิดสำแดงอำนาจบารมี ความจริงไม่ควรต้องใช้วิธีการส่งบุตรีตระกูลพวกเขาเข้าวัง
เฉินหยวนได้ฟังคำพูดลู่เจียว สีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ ถลึงตาใส่ทีหนึ่ง จากนั้นขอบตาก็แดง ท่าทางอัดอั้นเหมือนโดนรังแก มองลู่เจียวกล่าวว่า “ข้าขอถามฮูหยินโจวกั๋ว เหตุใดข้าไม่ผ่าน”