ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 857 ไร้ยางอาย
ตอนที่ 857 ไร้ยางอาย
ในพระที่นั่ง ฮองเฮากับสาวงามที่เข้าร่วมการคัดเลือกต่างพากันมองไปที่ลู่เจียว
ลู่เจียวขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปยังเฉินหยวนกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทรับสั่งว่าให้บุตรีขุนนางระดับสามขึ้นไปเข้าวังร่วมการคัดเลือก แม้เจ้าเป็นหลานสาวเฉิงเอินโหว แต่บิดาเจ้าตอนนี้เป็นเพียงแต่ขุนนางระดับสี่ เจ้ามีคุณสมบัติไม่พอจะเข้าวังมาร่วมการคัดเลือก อีกอย่าง แม้เจ้ามีคุณสมบัติร่วมการคัดเลือก ความประพฤติและความสามารถเจ้าก็ไม่ผ่าน ดังนั้นข้าจึงไม่ให้ผ่าน”
ลู่เจียวกล่าวจบ เฉินหยวนก็ส่งเสียงร่ำไห้ท่าทางเหมือนโดนรังแก
ลู่เจียวเห็นนางเช่นนี้ ก็รู้สึกรังเกียจอย่างที่สุด วันนี้ที่นางไม่เห็นด้วยที่จะให้เฉินหยวนเข้าวัง ประการแรก ฝ่าบาทรับสั่งเพียงบุตรีขุนนางระดับสามขึ้นไปจึงจะเข้าวังร่วมการคัดเลือก ตระกูลเฉินกลับสานสัมพันธ์ผ่านทางฮองเฮามาร่วมการคัดเลือก หากเฉินหยวนเข้าวัง ฝ่าบาทย่อมต้องถูกคนนินทา
ประการที่สอง ลู่เจียวมองออกว่าสตรีตระกูลเฉินไม่ใช่คนดี แค่มองก็รู่ว่าเป็นพวกชอบก่อเรื่อง เอะอะก็เอาแต่แสดงท่าทางอ่อนแอ หากนางเข้าวังมา เกรงว่าในวังย่อมไม่มีทางสงบสุข
ประการที่สาม ลู่เจียวเดาออกว่าตระกูลเฉินส่งสตรีตระกูลเฉินเข้าวังก็เพื่อสานสัมพันธ์กับฝ่าบาท ทำให้ฝ่าบาทเหินห่างจากตระกูลเซี่ย
ลู่เจียวไม่พอใจพฤติกรรมนี้ของตระกูลเฉินอย่างมาก ลู่เจียวปลูกต้นไม้ พวกเขามาเก็บผล ตามหลักการแล้วตระกูลพวกเขาอบรมเลี้ยงดูฝ่าบาทมาจนโต ตระกูลเฉินในฐานะตระกูลมารดาควรขอบคุณตระกูลพวกเขาจึงจะถูกต้อง แต่ปรากฏว่า กลับคิดวางแผนคิดทำให้ฝ่าบาทเหินห่างกับตระกูลเซี่ย แม้ว่าลู่เจียวรู้ดีว่า อาศัยตระกูลเฉินพวกเขาไม่มีทางสร้างความเหินห่างระหว่างฝ่าบาทกับตระกูลเซี่ยได้อย่างแน่นอน
แต่นางก็รู้สึกสะอิดสะเอียนกับพฤติกรรมนี้ของตระกูลเฉินอย่างมาก
เดิมนางไม่อยากแตกหักกับตระกูลเฉิน เพราะพวกเขาสองตระกูล หนึ่งเป็นบิดามารดาเลี้ยง เลี้ยงดูฝ่าบาทมาจนเติบใหญ่ อีกหนึ่งเป็นตระกูลพระอัยกาของฝ่าบาท สองตระกูลอยู่ร่วมกันได้ดี จะทำให้ฝ่าบาทมีพระเกียรติ แต่ตระกูลเฉินกลับทำเช่นนี้ ช่างน่ารังเกียจจริง
ลู่เจียวเองก็ไม่อยากยอมทนเพื่อให้รักษาภาพแห่งความสมบูรณ์แบบ
เฉินหยวนได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็แผดเสียงร้องไห้ยิ่งดังขึ้นทันที
ครั้งนี้นางร้องไปตะโกนไปว่า “ฮูหยินโจวกั๋ว ความจริงท่านทำเช่นนี้เพราะไม่อยากให้ฝ่าบาทใกล้ชิดตระกูลเฉินเรากระมัง”
วาจาเฉินหยวนทำให้ฮองเฮากับบรรดาสตรีอีกสี่คนที่ร่วมการคัดเลือกพากันมองไปยังลู่เจียว
หลายคนคาดเดาความหมายของวาจาเฉินหยวนทันที หรือว่าฮูหยินโจวกั๋วไม่ให้เฉินหยวนเข้าวัง เพราะไม่คิดให้ฝ่าบาทสนิทกับตระกูลเฉินจริงหรือ
ลู่เจียวยิ้มละไม กล่าวว่า “นี่คือความคิดของเจ้าหรือ เฉินหยวน หรือว่าเป็นความคิดตระกูลเฉิน ข้าสั่งให้คนไปเชิญฮูหยินเฉิงเอินโหวเข้าวังมาถามดีหรือไม่”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ไม่สนใจเฉินหยวนอีก สั่งการขันทีผู้หนึ่ง “รีบให้คนไปตระกูลเฉินเชิญฮูหยินเฉิงเอินโหวเข้าวัง”
“พ่ะย่ะค่ะ ฮูหยินโจวกั๋ว”
ในพระที่นั่ง การคัดเลือกสาวงามหยุดลง เฉินหยวนสะอึกสะอื้นมองลู่เจียว กล่าวอย่างปวดใจว่า “ฮูหยินโจวกั๋ว ตระกูลเฉินเราจดจำได้ว่าท่านมีพระคุณต่อฝ่าบาท พวกเราไม่ได้คิดแย่งความดีความชอบนี้กับท่าน แต่วันนี้ข้ามาเข้าวังร่วมการคัดเลือก เพียงแค่เพราะข้าชื่นชมพระบารมีฝ่าบาท ขอฮูหยินโจวกั๋วให้ข้าได้สมหวังดังปรารถนานี้ด้วย”
เฉินหยวนกล่าวจบก็ลงคุกเข่าทันที
ลู่เจียวแค่นยิ้มเอ่ยว่า “เจ้าชื่นชมพระบารมีฝ่าบาท ฝ่าบาทก็ต้องรับไว้หรือ หากมีใครสักคนมาบอกว่าชื่นชมพระบารมีฝ่าบาท ฝ่าบาทก็ต้องรับเข้าวังหมดหรือ เช่นนั้นในวังต้องมีนางในสักเท่าไร อีกอย่างหากฝ่าบาททรงคิดให้หญิงตระกูลเฉินเข้าวัง เหตุใดต้องระบุในราชโองการคัดเลือกพระสนมจากบุตรีขุนนางระดับสามขึ้นไป”
ลู่เจียวกล่าวถึงตรงนี้ ก็หันไปมองฮองเฮาทีหนึ่ง
ฮองเฮาสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที รู้ได้ว่าเรื่องครั้งนี้ คล้ายว่านางทำผิดพลาดแล้ว
สีพระพักตร์ฮองเฮาไม่ดีนัก นางมองไปยังลู่เจียวท่าทางร้อนใจ “ฮูหยิน ความผิดข้าเอง”
ลู่เจียวเห็นว่านางตั้งครรภ์จึงไม่ได้ตำหนินาง กล่าวเพียงว่า “วันหน้าฝ่าบาทมีราชโองการเช่นไร ฮองเฮาก็ปฏิบัติตาม ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจว ตรัสแล้วย่อมไม่คืนคำ พระดำรัสที่ตรัสออกมาแล้ว ย่อมต้องปฏิบัติตาม”
ฮองเฮาไม่กล้าเอ่ยอันใดอีก ยามนี้นางรู้ว่าตนเองทำผิด ก่อนหน้านี้คิดผิดไปแล้ว
เฉินหยวนได้ฟังคำพูดลู่เจียว คิดถึงว่าฮองเฮาถูกลู่เจียวตำหนิเพราะช่วยนาง เฉินหยวนรีบเอ่ยปากช่วยฮองเฮา
“ฮูหยินโจวกั๋ว หากท่านต้องการตำหนิก็ตำหนิข้า อย่าได้ตำหนิฮองเฮา ฮองเฮาเป็นพระมารดาแห่งแคว้นต้าโจว แบบอย่างแห่งสตรีใต้หล้า การคัดเลือกพระสนมเดิมก็เป็นภารกิจของฮองเฮา”
วาจานี้แทบจะกล่าวกระจ่างว่าลู่เจียวยุ่งเรื่องผู้อื่นมากเกินไป การคัดเลือกพระสนมเป็นภารกิจของฮองเฮา ลู่เจียวนับว่าทำเกินหน้าที่แล้ว
ลู่เจียวโมโห ยิ้มหันไปมองเฉินหยวน ค่อยๆ เอ่ยว่า “ความหมายของเจ้าก็คือข้าร่วมคัดเลือกพระสนมให้ฝ่าบาทเป็นการทำเกินภาระหน้าที่หรือ เช่นนั้นข้าขอถามเจ้า บุตรีขุนนางระดับสี่เล็กๆ เหนือกว่าฮูหยินเหนืออันดับหนึ่งหรือ ไร้มารยาทเช่นนี้ ผู้ใดเป็นที่พึ่งของเจ้ากัน”
ลู่เจียวกล่าวจบ เฉินหยวนก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็โต้กลับทันที “ฮูหยินกล่าวผิดแล้ว ข้าไม่เพียงแต่เป็นบุตรีขุนนางระดับสี่ แต่ข้ายังเป็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้องกับฝ่าบาท”
เฉินหยวนกล่าวจบ นอกพระที่นั่งก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา พร้อมกับเสียงโจวโย่วจิ่น “ฝ่าบาทเสด็จ”
ก่อนหน้านี้ เซียวเหวินอวี๋ให้คนคอยสังเกตการณ์การคัดเลือกพระสนมทางนี้อยู่ ดังนั้นพอเกิดเรื่องเขาก็ได้รับรายงานทันที จึงได้รีบมา
พอมาถึงก็พอดีได้ยินวาจาเฉินหยวน เซียวเหวินอวี๋โมโหจนหัวเราะออกมา เขานำขันทีหลายคนก้าวเข้ามา
สตรีที่มาร่วมการคัดเลือกอยู่ในพระที่นั่งและนอกพระที่นั่ง พอเห็นเขาก็พากันเขินอาย แต่ละคนคุกเข่าลงส่งเสียงเรียกขึ้น “ฝ่าบาท”
เฉินหยวนหันหน้าไปเห็นเซียวเหวินอวี๋เดินเข้ามา ในใจพลันรู้สึกตื่นตระหนก จากนั้นก็เอียงอายมองเซียวเหวินอวี๋ เอ่ยเรียกว่า “พี่ชาย”
เซียวเหวินอวี๋ก้าวเท้าเข้ามาก็มองลงไปยังเฉินหยวน เฉินหยวนมองฮ่องเต้หนุ่มงามสง่าสูงศักดิ์ดุจดั่งเทพสวรรค์ ก็อดหน้าแดงไม่ได้ ในใจเต้นโครมครามไม่หยุด แต่เซียวเหวินอวี๋กลับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง
“น้องสาวลูกพี่ลูกน้องเราหรือ ผู้ใดให้เกียรตินี้กับเจ้ากัน”
เฉินหยวนได้ฟังวาจาเซียวเหวินอวี๋ก็นิ่งอึ้งเงยหน้าขึ้น พบว่าเซียวเหวินอวี๋มองนางด้วยแววตาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง แววตาเย็นเยียบเช่นนั้นคล้ายดังลูกศรคมกริบ แทบจะสังหารนางทิ้ง
เฉินหยวนตกใจเป็นนานก็ไม่ได้สติคืนมา
เซียวเหวินอวี๋ไม่สนใจนางอีก รับสั่งทันที “ทหาร ลากตัวนางออกไปตบปาก ในฐานะบุตรีขุนนางระดับสี่ถึงกับกล้าล่วงเกินฮูหยินโจวกั๋ว บังอาจเหิมเกริมจริงๆ”
เฉินหยวนคิดไม่ถึงว่าเซียวเหวินอวี๋ถึงกับสั่งให้คนตบปากนาง อดตกใจร้องไห้ไม่ได้ ปรี่เข้าไปคุกเข่าขอร้อง “ฝ่าบาท อย่าให้คนตบปากหม่อมฉัน หม่อมฉันเป็นน้องสาวพระองค์ ท่านพ่อข้าเป็นพระปิตุลาของพระองค์”
“เขาไม่เคยเลี้ยงดูเรามา เราปฏิบัติต่อเขาดีมากพอแล้ว ยังถึงกับไม่รู้จักพอเช่นนี้ ช่างไร้ยางอายจริง”
เซียวเหวินอวี๋มองเฉินหยวนก็รู้ว่าเป็นแผนตระกูลเฉินที่คิดอยากได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ช่างน่ารังเกียจจริง
ตระกูลเฉินเดิมเป็นอาจารย์เล็กๆ ในตำบลชีหลี่ แต่เพราะอานิสงส์จากมารดาเขา จึงได้เดินทางจากตำบลชีหลี่มาเมืองหลวง ได้เป็นเฉิงเอินโหวแห่งแคว้นต้าโจว ท่านลุงใหญ่เขายังได้เป็นขุนนางระดับสี่ ดังนั้นจึงได้คิดเพ้อฝันไปไกล ที่สำคัญที่สุดยังคิดแยกเขาให้เหินห่างจากตระกูลเซี่ย
ตระกูลเซี่ยเลี้ยงดูเขามาจนเติบใหญ่ พวกเขามาเก็บผล และยังคิดถีบหัวส่ง โลกนี้คนไร้ยางมากที่สุดน่าจะเป็นคนตระกูลเฉินแล้ว