ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 859 พูดกระจ่าง
ตอนที่ 859 พูดกระจ่าง
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินได้ฟังเซียวเหวินอวี๋ ก็เงยหน้ามองเขาทีหนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า เซียวเหวินอวี๋คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มกล่าวว่า “สิ่งที่เรารังเกียจที่สุดก็คือคนละโมบโลภมากไม่รู้จักพอ เราอยากให้ก็จะให้ แต่หากไม่อยากให้ หากมีคนคิดเพ้อฝันมากเกินไป เราไม่สนใจที่จะต้องยึดทุกสิ่งคืนกลับมา”
พอเอ่ยวาจานี้ออกมา ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินก็ร้อนใจราวกับไฟแผดเผา ฝ่าบาทกำลังเตือนนาง หากตระกูลเฉินยังคิดหวังในเรื่องที่ไม่ควรหวัง เขาก็ไม่ถือสาหากจะยึดสิ่งที่พระราชทานแก่ตระกูลเฉินไปกลับคืนมา
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินรีบคุกเข่าลงทันที “หม่อมฉันรู้สำนึกผิดแล้วเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวว่า “เราไม่อยากเห็นหญิงตระกูลเฉินผู้นี้ในเมืองหลวงอีก ฮูหยินผู้เฒ่าเข้าใจกระมัง”
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินไหนเลยจะไม่เข้าใจ ก็คือให้พวกเขารีบให้เฉินหยวนแต่งออกไป และยังต้องแต่งออกนอกเมืองหลวงไปอีกด้วย
“หม่อมฉันน้อมรับพระบัญชาเพคะ”
“อีกสักครู่ ให้ดีฮูหยินผู้เฒ่าก็พาหญิงตระกูลเฉินผู้นั้นมาขอขมาต่อท่านแม่ข้าด้วย”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบ ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินก็นิ่งอึ้งเงยหน้าขึ้น เดิมนางคิดว่าตนเองฟังผิด แต่เห็นสีพระพักตร์ฝ่าบาท นางก็รู้ว่าไม่ได้ฟังผิด
มิผิด ฝ่าบาทเรียกฮูหยินโจวกั๋วว่าท่านแม่ต่อหน้านาง
แสดงให้เห็นว่า ในใจเขา ฮูหยินโจวกั๋วก็คือท่านแม่เขา
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินรู้แล้วว่า ตระกูลเฉินไม่มีทางแทนที่ตระกูลเซี่ยได้ และไม่อาจแทนที่สถานะลู่เจียวได้ แม้แต่บุตรีนางเองก็ไม่ได้
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินไม่กล่าวปฏิเสธอันใดอีก “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋เห็นฮูหยินผู้เฒ่าเฉินนับว่าพอรู้เหตุรู้ผล ก็พยักหน้ากล่าวว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าออกจากวังหลวงได้แล้ว”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
ในใจฮูหยินผู้เฒ่าเฉินปวดปลาบอย่างมาก แต่ไรมาฝ่าบาทไม่เคยเรียกนางว่าท่านยายสักคำ แต่เรียกลู่เจียวว่าท่านแม่ทุกคำ ตระกูลเฉินยังคิดหวังเข้าแทนที่ตระกูลเซี่ย แทนที่ลู่เจียว จะเป็นไปได้อย่างไร เอาละ ทุกอย่างล้วนชะตากำหนดไว้แล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินพาเฉินหยวนออกจากวังหลวงกลับตระกูลเฉิน
ในวัง เซียวเหวินอวี๋ให้ลู่เจียวอยู่รับประทานอาหารค่ำในวัง แต่ลู่เจียวปฏิเสธ ก่อนกลับยังไม่ลืมกำชับเซียวเหวินอวี๋
“อย่าเอาเรื่องฮองเฮา นางอายุยังน้อย พวกเจ้าค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากัน ไม่มีสามีภรรยาคู่ใดเริ่มต้นก็อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข แม่กับท่านพ่อเจ้าเริ่มแรกก็ไม่ใช่เอาแต่ทะเลาะกันหรอกหรือ”
ลู่เจียวรู้ความคิดในใจเซียวเหวินอวี๋ ยามชอบก็จะมุ่งมั่นมอบของที่ดีที่สุดให้เจ้า แต่หากเจ้าทำให้เขารังเกียจ เขาก็จะรังเกียจแท้จริงจนไม่อยากมองหน้า
ลู่เจียวแอบครุ่นคิดในใจ ไว้พบฮองเฮาอีกครั้ง ต้องเตือนฮองเฮาสักคำ ทุกเรื่องให้เห็นแก่ฝ่าบาทเป็นหลัก อย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ฝ่าบาทไม่พอใจ หากนางทำเช่นนี้ต่อไป ย่อมต้องเหินห่างจากฝ่าบาท วันหน้านึกเสียใจภายหลังก็สายไปเสียแล้ว
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังคำพูดลู่เจียว รู้ว่าลู่เจียวหวังดีกับเขา เขารีบรับปากทันที
“ท่านแม่ ข้าทราบแล้ว ท่านแม่วางใจได้”
ไม่ว่ายามใด ท่านแม่เขาล้วนทำไปด้วยความหวังดีต่อเขาแท้จริง
ลู่เจียวพยักหน้า นั่งเกี้ยวออกจากวังหลวงไป
แต่พอตกค่ำได้พบกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น นางก็อดถอนหายใจไม่ได้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นถามอย่างห่วงใยว่า “เป็นอันใดหรือ วันนี้เข้าวังคัดเลือกพระสนมไม่ราบรื่นหรือ”
ลู่เจียวส่ายหน้า มองเขากล่าวว่า “ข้าแค่เศร้าใจแทนซื่อเป่า แม้ว่าเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจว แต่ไม่ได้แต่งกับสตรีที่ตนชอบ ต้าเป่า เอ้อร์เป่า ซานเป่า แม้ว่าไม่ได้เป็นฮ่องเต้ แต่พวกเขาทุกคนล้วนได้แต่งกับสตรีที่ตนชอบ มาเคียงข้าง กลับกัน แม้ซื่อเป่าเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจว แต่กลับต้องโดดเดี่ยวตัวคนเดียว ข้าเศร้าใจมาก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพอได้ฟังก็รู้ว่าฮองเฮาสร้างปัญหาอันใด
“ฮองเฮาเป็นอันใดหรือ”
ลู่เจียวกล่าวอย่างจนใจว่า “ฮองเฮาเป็นบุตรีที่ตระกูลเผยบรรจงอบรมมาได้ไม่เลว แต่นางไม่เห็นแก่ฝ่าบาทเป็นสำคัญ แต่กลับชอบดำรงตนเป็นสตรีดำรงจารีตดีงาม และเกรงว่านางน่าจะเห็นแก่ตระกูลเผยเป็นสำคัญมากกว่า สตรีจากตระกูลเช่นนี้ความคิดแยบยลลึกซึ้ง เป็นเรื่องดีต่อวงศ์ตระกูล แต่กลับไม่ใช่เรื่องดีสำหรับซื่อเป่า”
“ในฐานะฮ่องเต้แคว้นต้าโจว เดิมก็ลำบากมากพอแล้ว ปรากฏว่ายังต้องมาพบเจอสตรีที่ไม่ได้ทุ่มเทจิตใจเพื่อเขาอีก”
ลู่เจียวเล่าเรื่องการคัดเลือกพระสนมในวันนี้ให้เขาฟังรอบหนึ่ง
การที่ฮองเฮาให้บุตรีตระกูลเฉินเข้าวังมาร่วมการคัดเลือก ไม่ใช่เพื่อดำรงชื่อเสียงแห่งสตรีผู้เคร่งจารีตหรือ แต่คิดจะดึงตระกูลเฉินมาเป็นพวก นางคิดว่าตระกูลเฉินเป็นตระกูลมารดาฝ่าบาท วันหน้าย่อมต้องมีประโยชน์ คิดดึงตระกูลเฉินมาเพื่อเป็นประโยชน์แก่ตระกูลเผย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็พลันเงียบงัน
ลู่เจียวตำหนิตนเองว่า “ตอนนั้นข้าดูเผยอวี่ก็เป็นหญิงสาวที่ดี คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายถึงกับเป็นเช่นนี้ไปได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเงียบไปครู่หนึ่ง ก็เอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ความจริงเรื่องนี้ก็ไม่อาจโทษเจ้า นี่เป็นเส้นทางที่ฝ่าบาทต้องเดินไป ฮองเฮาได้แต่มาจากตระกูลสูงศักดิ์ สตรีตระกูลสูงศักดิ์ แต่เล็กก็ถูกตระกูลตั้งใจอบรมมา ทุกคนล้วนเห็นแก่วงศ์ตระกูลและผลประโยชน์ตนเองเป็นสำคัญ”
ลู่เจียวพยักหน้า ครู่หนึ่งก็คิดถึงหวังเมิ่งเหยา มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ความจริงเหมิ่งเหยาก็ไม่เลว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ทันได้พูดอะไร นอกประตู ติงเซียงก็เข้ามารายงานว่า “ใต้เท้า ฮูหยิน พ่อบ้านเซียวให้คนมารายงานว่าเฉิงเอินโหวมาขอพบ”
ลู่เจียวพลันคิดถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทให้ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินพาเฉินหยวนมาขอโทษ
“เชิญพวกนางไปที่ห้องโถงหน้า”
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”
ติงเซียงออกไปแล้ว ลู่เจียวก็ลุกขึ้นคิดจะไปต้อนรับแขกที่ห้องโถงกลางเรือนด้านหน้า เซี่ยอวิ๋นจิ่นลุกขึ้นเดินไปกับนาง
ตระกูลเฉิน นอกจากฮูหยินผู้เฒ่าเฉิน นายผู้เฒ่าเฉิน เฉินมู่เหวินบุตรชายคนโตตระกูลเฉินกับฮูหยินและเฉินหยวนต่างมากันครบ
คนตระกูลเฉินเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็มีท่าทางอึดอัดอย่างมาก
ก่อนหน้านี้พวกเขาตระกูลเฉินคิดส่งบุตรีเข้าวังเพื่อแยกตระกูลเซี่ยให้เหินห่างกับฝ่าบาท คนตระกูลเซี่ยย่อมต้องรู้
ดังนั้นยามนี้คนตระกูลเฉินจึงอึดอัดอย่างมาก
แต่ลู่เจียวมีท่าทีเกรงใจอย่างมาก นางเอ่ยทักทายนายผู้เฒ่าเฉิน ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินและนายท่านใหญ่กับฮูหยินใหญ่ตระกูลเฉิน
“อาจารย์เฉิน อาจารย์แม่เชิญนั่ง”
นายผู้เฒ่าเฉินเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเก้กังว่า “ตระกูลเฉินข้ามาวันนี้เพื่อขอขมาต่อฮูหยินโจวกั๋ว รู้สึกขออภัยจริงๆ”
ลู่เจียวยิ้มเอ่ยว่า “อาจารย์มิได้ต้องละอายใจไป ความจริงข้าเองก็พอเข้าใจจะความคิดของตระกูลพวกท่านได้”
ที่ลู่เจียวกล่าวเช่นนี้เพราะไม่คิดมีเรื่องกับตระกูลเฉินมากเกินไป พวกเขาสองตระกูลมีเรื่องกันเกินไป จะเป็นการไม่ให้เกียรติฝ่าบาท ทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะเอาได้ ดังนั้นแม้เฉินหยวนกล่าวสิ่งที่ไม่ควรกล่าวกับลู่เจียว ลู่เจียวก็ไม่คิดถือสา
เช่นนี้ก็ยิ่งทำให้คนตระกูลเฉินละอายใจ นายผู้เฒ่าเฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าเฉินรีบกล่าวว่า “ล้วนเพราะพวกเราคิดผิดไป”
ลู่เจียวตัดสินใจว่าครั้งนี้จะบอกเล่าเรื่องราวที่เลี้ยงดูซื่อเป่ามาให้คนตระกูลเฉินฟังอย่างละเอียด สองตระกูลคุยกันกระจ่าง จะได้ไม่เอาแต่คิดนอกลู่นอกทาง
“ข้ารู้ว่าตระกูลเฉินพวกท่านรู้สึกอัดอั้นตันใจ รู้อยู่ว่าซื่อเป่าเป็นหลานชายตระกูลพวกท่าน แต่กลับไม่บอกพวกท่าน ไม่ให้พวกท่านใกล้ชิดกับซื่อเป่า”
ลู่เจียวกล่าวจบก็มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นทีหนึ่ง กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยรู้ว่าซื่อเป่าไม่ใช่บุตรชายข้าและไม่รู้ว่าบิดาซื่อเป่าก็คืออ๋องเยียนในตอนนั้น และไม่เคยรู้จักแม้แต่เฉินอิง”
“เฉินอิงเกรงว่าพวกท่านจะเสียเกียรติ จึงได้ฝากฝังเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ให้บอกพวกท่านเรื่องนี้ ข้าอยากขอถามพวกท่าน หากตอนนั้นบอกชาติกำเนิดซื่อเป่ากับพวกท่าน พวกท่านจะทำอันใดได้ นำเขากลับไปเลี้ยงดูหรือ คนเขาจะนินทาว่าร้ายซื่อเป่า นินทาตระกูลเฉิน หากแพร่ออกไปว่าเขาเป็นบุตรชายเฉินอิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน ตระกูลเฉินไม่เสียหน้าหรือ”