ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 862 กำเริบ
ตอนที่ 862 กำเริบ
เทียบกับตระกูลอื่นที่กำลังดีใจ ตระกูลหวังกลับไม่ค่อยดีใจ เพราะฮูหยินขุนพลหวังเป็นห่วงบุตรี
แม้ว่าบุตรีทำการค้าเป็น แต่ไม่ค่อยเก่งเรื่องคิดวางอุบายสักเท่าไร คนตระกูลพวกนางค่อนข้างไม่ซับซ้อน ชีวิตขุนพลหวังก็มีนางเป็นภรรยาคนเดียว เพราะเขาออกรบอยู่ตลอด ข้างกายไม่มีคนดูแลไม่ได้ ดังนั้นนางจึงได้รับอนุให้เขาคนหนึ่งเพื่อปรนนิบัติเขา นางเฟ้นบรรจงหาอนุผู้นี้มา เป็นหญิงที่รู้จักสงบเสงี่ยมและไม่เรื่องมาก
อนุให้กำเนิดบุตรชายเพียงคนเดียว ยังถูกขุนพลหวังส่งมาให้นางเลี้ยงดู ตระกูลพวกเขามีลูกไม่มาก นางมีบุตรชายหนึ่งบุตรีหนึ่ง อนุก็มีบุตรชายหนึ่ง ทั้งตระกูลมีเพียงบุตรชายสองบุตรีหนึ่ง
ครอบครัวที่ไร้อุบายซับซ้อนเช่นนี้ ดังนั้นบุตรีจึงมีนิสัยไม่ซับซ้อน ตอนนี้ฝ่าบาทพลันรับสนมมากมายเข้าวัง หญิงเหล่านั้นล้วนมาจากตระกูลเก่าแก่ที่อบรมมาอย่างดี แต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยอุบายในใจ เกรงว่าบุตรีนางคงต้องเสียเปรียบแล้ว
ฮูหยินหวังคิดไปคิดมาก็นอนไม่หลับจริงๆ สุดท้ายก็ไปหาลู่เจียว ฝากฝังลู่เจียว
“เจียวเจียว วันหน้าเจ้าช่วยดูแลเมิ่งเหยาในวังให้มากหน่อย ข้ากลัวนางเสียเปรียบ”
ลู่เจียวยิ้มรับปาก “ได้ ท่านวางใจ ข้าจะดูแลเมิ่งเหยาเอง เมิ่งเหยานางเป็นเด็กดี”
“ตอนนี้ข้าไม่ขออันใด ขอเพียงนางมีชีวิตที่ราบรื่นก็พอ”
ลู่เจียวเข้าใจจิตใจดังมารดาของฮูหยินหวัง “ท่านวางใจได้ ไว้ข้าจะทูลฝ่าบาท ให้ทรงดูแลเมิ่งเหยาให้ดี”
“ขอบคุณ ขอบคุณมาก”
ในใจฮูหยินหวังสงบลงเล็กน้อย พอคิดถึงว่าบุตรชายสามตระกูลเซี่ยจะแต่งงานก็เอ่ยอย่างกระตือรือร้นว่า “ได้ยินว่าสะใภ้สามพวกเจ้าเป็นบุตรีเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพเมืองหนิงโจว เช่นนั้นงานรับเจ้าสาวจะทำอย่างไร คงไม่ใช่ไปรับมาจากที่ไกลเพียงนั้นกระมัง”
“ข้าบอกกับบุตรชายแล้ว ให้รับหว่านอิ๋งมาอยู่เมืองหลวงก่อน ทำพิธีแต่งงานในเมืองหลวงให้เสร็จ จากนั้นก็พวกเขาสองสามีภรรยาก็กลับเมืองหนิงโจว ไปจัดงานเลี้ยง ที่ตระกูลฝ่ายหญิงอีกครั้ง เช่นนี้ก็จะครบสมบูรณ์”
ฮูหยินหวังพอได้ฟังก็เอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้นทันที “เช่นนั้นแม่นางหว่านอิ๋งอยู่เมืองหลวงมีที่พักแล้วหรือยัง”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ไปพักที่พักอีกแห่งของตระกูลเรา วันแต่งงานวันนั้นให้บุตรชายไปรับนางมา”
ฮูหยินหวังได้ฟังก็กล่าวว่า “ข้ามีความคิดหนึ่ง ไม่สู้ให้ข้ารับแม่นางหว่านอิ๋งเป็นบุตรีบุญธรรม จากนั้นก็ให้นางแต่งจากตระกูลเรา เช่นนี้ก็จะครึกครื้นหน่อย วันหน้าแม่นางหว่านอิ๋งอยู่เมืองหลวงก็จะได้ชื่อว่ามีญาติไปมาหาสู่ เจ้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
ตอนนี้ฮูหยินหวังคิดจะสานไมตรีกับลู่เจียวให้มากอีกสักหน่อย เช่นนี้บุตรีนางอยู่ในวังก็จะดีหน่อย แต่อีกทางหนึ่ง ลู่เจียวก็เป็นแม่สามีบุตรีนาง นางสนิทกับแม่สามีบุตรี วันหน้าบุตรีอยู่ในวัง ลู่เจียวย่อมดูแลนางมากหน่อย
ลู่เจียวย่อมเข้าใจความคิดฮูหยินขุนพลหวัง นางไม่ได้รู้สึกต่อต้าน คนเขาคิดด้วยความรักบุตรีตน ไม่ได้มีอุบายใด เพียงแค่เพื่อให้สองฝ่ายสนิทสนมกันมากขึ้นอีกหน่อยเท่านั้น
“ดีเลย”
ลู่เจียวคิดแล้วก็รู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลว
ฮูหยินหวังเองก็ดีใจมาก กล่าวอย่างดีใจว่า “ชีวิตข้ามีบุตรชายหนึ่งบุตรีหนึ่ง ตอนนี้รับบุตรีบุญธรรม อีกหนึ่ง ไม่เลวอย่างมาก เช่นนั้นนางจะเข้ามาเมืองหลวงเมื่อใด”
“ตอนนี้น่าจะมาแล้ว งานแต่งเดือนหน้า พวกเขาต้องมาเตรียมงานแต่งก่อน”
“เช่นนั้นพอนางมาถึง พวกเราสองตระกูลก็จัดพิธีรับบุตรีบุญธรรม จากนั้นก็หว่านอิ๋งก็แต่งจากตระกูลเรา เจ้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ได้ เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณฮูหยินหวังแทนหว่านอิ๋งแล้ว”
หว่านอิ๋งอยู่ในเมืองหลวงไม่มีญาติที่ใด มีตระกูลหวังเป็นญาตินับว่าไม่เลว
ฮูหยินหวังเองก็ดีใจมาก คุยกับลู่เจียวเรื่องนี้อีกพักหนึ่งจึงได้กลับไป
ตกค่ำเซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมา ลู่เจียวบอกเรื่องนี้กับเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้คัดค้าน สองสามวันนี้งานเขามาก ดังนั้นเรื่องบุตรชายแต่งงานจึงมอบให้ลู่เจียวจัดการทั้งหมด
ฝ่าบาทมีราชโองการให้เพิ่มรอบการสอบรับขุนนางครั้งนี้ มอบเรื่องการสอบให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นดำเนินการ เซี่ยอวิ๋นจิ่นยุ่งกับเรื่องนี้จนไม่มีเวลายุ่งกับเรื่องแต่งงานของบุตรชาย
งานแต่งงานของซานเป่าล้วนมอบให้ลู่เจียวจัดการ ตั้งแต่ห้องหอไปจนเครื่องเรือน และชุดแต่งงานเจ้าบ่าวเจ้าสาว เครื่องประดับ ยังมีงานเลี้ยงอีก ก่อนหน้านี้มีตัวอย่างจากงานของต้าเป่ากับเอ้อร์เป่า แม้บุตรชายแต่งงานแล้วจะไม่อยู่ที่บ้าน แต่สิ่งที่ควรเตรียมก็ต้องเตรียมให้ดี วันหน้าพวกเขากลับมาอยู่ก็จะได้อยู่สบายสักหน่อย
ในวัง เซียวเหวินอวี๋มีราชโองการพระราชทานของให้กองโต ครั้งนี้ลู่เจียวไม่ได้ห้าม นี่เป็นความสัมพันธ์พี่น้อง ลู่เจียวนำของที่เซียวเหวินอวี๋พระราชทานไปไว้ในห้องหอของซานเป่า
ในวัง ตั้งแต่ฮองเฮาเผยอวี่ตั้งครรภ์ก็ระมัดระวังอย่างมาก เรื่องอาหารการกินหรือความเป็นอยู่ก็ล้วนใส่ใจอย่างละเอียดทุกเรื่อง เกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอันใด ตระกูลเผยยังเลือกหญิงที่เชี่ยวชาญวิชาการแพทย์ส่งเข้ามาเป็นนางกำนัลอาวุโสในวัง
เซียวเหวินอวี๋รู้เรื่องนี้ก็ไม่พอใจอย่างมาก ตระกูลเผยช่างยื่นมือยืดยาวมาถึงเรื่องในวัง ในวังมีหมอหลวงตรวจชีพจรให้ฮองเฮาทุกวัน หรือว่าไม่อาจรับรองความปลอดภัยได้อีกหรือ แม้คิดส่งคนเข้าวังก็ควรบอกเขาสักคำหรือไม่
แต่เพราะฮองเฮาตั้งครรภ์ เซียวเหวินอวี๋จึงไม่ได้เอ่ยอันใดมาก แต่ในใจก็ไม่พอใจอย่างยิ่ง ดังนั้นยามอยู่ในวังไม่ได้มีอันใดทำก็มักไปนั่งที่ตำหนักเฉาหยางกงของพระสนมซูเฟย
เขาทำเช่นนี้ทำให้ฮองเฮาไม่พอใจขึ้นมา เดิมฮองเฮาคิดว่านางตั้งครรภ์ มารดายกสถานะสูงศักดิ์ขึ้นก็เพราะบุตร ฝ่าบาทจะต้องมาตำหนักนางบ่อยขึ้น ปรากฏฮ่องเต้ไม่มีอันใดก็ถึงกับเอาแต่ไปตำหนักพระสนมซูเฟย ไม่มาอยู่เป็นเพื่อนนาง
เผยอวี่อารมณ์ไม่ดีอย่างมาก พลอยทำให้รู้สึกครรภ์ไม่สบายไปด้วย ยามนี้จึงทำให้นางตกใจมาก
นางรีบให้นางกำนัลอาวุโสตรวจให้นาง นางกำนัลอาวุโสตรวจแล้วก็ไม่พบว่าความผิดปกติ แต่ฮองเฮาก็ยังไม่วางใจ รับสั่งตามหมอหลวงมา หมอหลวงตรวจแล้วก็บอกว่าครรภ์นางปกติดี ไม่มีอันใด
เผยอวี่กลับยังคงเป็นห่วง สุดท้ายก็มีราชโองการให้ลู่เจียวเข้าวังมาตรวจให้นาง
ลู่เจียวได้รับราชโองการก็ไม่ได้คิดมาก นั่งรถม้าตรงเข้าวังมาตรวจให้ฮองเฮา แต่หลังจากตรวจแล้วก็ได้ผลเหมือนหมอหลวง ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อันใด
“ฮองเฮา ครรภ์ไม่ได้มีปัญหาอันใด ฮองเฮาวางพระทัยได้”
ลู่เจียวยิ้มปลอบใจ เผยอวี่มองลู่เจียวเป็นห่วงกล่าวว่า “ไม่เป็นอันใดจริงหรือ เช่นนั้นเหตุใดข้ามักรู้สึกว่าไม่สบายครรภ์”
ลู่เจียวมองไปยังเผยอวี่ พบว่าเผยอวี่คล้ายเคร่งเครียดเกินไป นางค่อยๆ นิ่งลง รู้สึกได้ว่าท่าทางฮองเฮาไม่ค่อยดีนัก
“ฮองเฮาใส่ใจครรภ์ตนเองมากเกินไป ทำให้อารมณ์เคร่งเครียด ดังนั้นจึงได้รู้สึกไม่สบายครรภ์ ความจริงไม่ได้มีเรื่องอันใด”
นางกล่าวจบก็มองฮองเฮา กล่าวน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ฮองเฮามีนางกำนัลอาวุโสดูแลข้างกายโดยเฉพาะ และยังมีหมอหลวงมาตรวจชีพจรทุกวัน ไม่เกิดเรื่องอันใดหรอกเพคะ”
ลู่เจียวเห็นเผยอวี่มีนางกำนัลอาวุโสหน้าตาคุ้นเคย คล้ายรู้วิชาแพทย์ นางผู้นี้น่าจะเป็นตระกูลเผยส่งเข้าวังมา
ลู่เจียวเลิกคิ้วไม่ได้เอ่ยอันใดอันใด ได้แต่เอ่ยเตือนฮองเฮาอย่างเป็นห่วง “หากตั้งครรภ์แล้ว หญิงตั้งครรภ์ต้องอารมณ์ปลอดโปรงก่อนอันดับแรก ไม่อาจเก็บกดอารมณ์มากเกินไป และไม่อาจเครียดมากเกินไป วันหน้าฮองเฮาอย่าได้เอาแต่สนใจครรภ์จนเคร่งเครียด หากมีเวลาก็ทรงออกไปเดินเล่นบ้าง เดินเล่นในอุทยานทำให้ตนเองเบิกบานใจสักหน่อย เช่นนี้ก็จะลดความคิดที่เอาแต่สนใจเรื่องการตั้งครรภ์นี้ลงไปได้บ้าง”
เผยอวี่ได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็อารมณ์ดีขึ้น จากนั้นก็นางเอ่ยด้วยท่าทางอัดอั้นตันใจ “ความจริงข้าเป็นเช่นนี้ก็เพราะฝ่าบาททำให้ข้าโมโห”
ลู่เจียวตกใจ ฮ่องเต้ทำอันใดฮองเฮาหรือ ทำให้นางโมโหเช่นนี้ได้
“ฝ่าบาททรงทำอันใดหรือ”
เผยอวี่คล้ายคนกำลังชิงฟ้องก่อน กล่าวว่า “หม่อมฉันตั้งครรภ์ แต่ฝ่าบาทไม่ทรงยอมมาอยู่เป็นเพื่อนหม่อมฉัน เอาแต่ไปอยู่กับพระสนมซูเฟย หม่อมฉันเห็นแล้วก็อารมณ์ไม่ดี จึงได้รู้สึกว่าครรภ์ไม่ค่อยดี”
ลู่เจียวได้ฟังก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย คงไม่ใช่เพราะฮองเฮาทำอันใดให้ซื่อเป่าไม่พอใจกระมัง
หากนางเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่แน่อาจทำให้ซื่อเป่าเกิดความรังเกียจ และหากทำให้ซื่อเป่ารังเกียจ เกรงว่าวันหน้าเขาจะไม่สนใจนางแล้ว
ลู่เจียวไม่อยากให้ฮองเฮามีเรื่องกับซื่อเป่าเช่นนี้ ดังนั้นจึงมองฮองเฮาพลางกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“ฮองเฮา หม่อมฉันมีคำพูดหนึ่งอยากบอกฮองเฮา นิสัยฝ่าบาทเปิดเผยตรงไปตรงมา ยามดีใจก็แทบจะมอบใจให้เจ้าทุกสิ่ง แต่หากไม่พอใจ แม้แต่เหลือบมองสักทีหนึ่งก็ไม่ยินยอม ดังนั้นฮองเฮาต้องอยู่ร่วมกับฝ่าบาทให้ดี แม้ฝ่าบาทสถานะสูงส่งเป็นโอรสสวรรค์แห่งแคว้นต้าโจว แต่ก็เป็นคนพูดง่าย ขอเพียงฮองเฮาให้ความสำคัญกับฝ่าบาทเป็นอันดับแรกเสมอ ฝ่าบาทต้องรับรู้น้ำใจฮองเฮาได้ จะยิ่งให้ความรักและทะนุถนอมฮองเฮา”