ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 866 ค่ำคืนวสันต์
ห้องโถงกลางตระกูลเซี่ย สุดท้ายเหลือเพียงเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสองสามีภรรยากับแฝดชายหญิง เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองบรรดาบุตรชายถูกสะใภ้ประคองออกไปแล้ว เขาก็หรี่ตามองไปยังลู่เจียว จะยกมือให้มาประคองเขาบ้าง แต่ใต้เท้าเซี่ยไม่ทันได้เอ่ยปาก อู่เป่าน้อยไม่ไกลนักก็เอ่ยขึ้นก่อน
“ท่านแม่ ประคองข้าหน่อย”
อู่เป่าน้อยแสร้งทำทีเช่นนี้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นพอได้ฟังว่าบุตรชายคนเล็กแย่งเอ่ยปากก่อนก็หันไปมองบุตรชายห้าอย่างไม่พอใจทันที “เจ้าไม่มีมือหรือ หรือว่าไม่มีเท้า รีบไปนอนไป”
เซี่ยหลิงหลงเห็นพี่ชายสะอึกกึกก็อดขำไม่ได้ รีบกล่าวว่า “พี่ห้า ไป ข้าประคองพี่เอง”
แม้ว่าพวกเขาพี่น้องอายุมากแล้ว แต่ตระกูลเซี่ยไม่ได้มีเรื่องข้อห้ามชายหญิงชิดใกล้เข้มงวด ดังนั้นเซี่ยหลิงหลงเอ่ยปาก เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็ไม่ได้เอ่ยอันใด
อู่เป่าน้อยกลับแค่นเสียงฮึไม่พอใจ ลุกขึ้นยืนเอง แค่นเสียงฮึเยียบเย็นเปิดโปงท่านพ่อตน “กลัวข้าแย่งท่านแม่ ผู้ใดไม่รู้กัน”
กล่าวจบก็เชิดหน้าก้าวเท้าออกไปทันที เซี่ยหลิงหลงมองบิดามารดาอย่างนึกขำทีหนึ่ง หันหลังออกไปหาพี่ลู่โหรว วันนี้ลู่โหรวไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงตระกูลเซี่ย แม้ลู่โหรวอายุเพียงสิบสองแต่ก็รู้ว่าควรหลบคำครหา หญิงชายไม่ควรชิดใกล้
นางรู้เรื่องที่ก่อนหน้านี้พี่สาวลูกพี่ลูกน้องคิดล่อลวงพี่ชายสามลูกพี่ลูกน้องนาง ทำให้ท่านอาไม่พอใจ ดังนั้นนางต้องระวังตัว อย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ท่านอาโมโห ท่านอาให้นางอยู่ต่อเพราะปรารถนาดี นางไม่อาจทำให้ท่านอาเสียหน้าได้
เดิมลู่เจียวไม่ได้คิดมากเช่นนั้น ขอเพียงไม่มีใจคิดล่อลวง อยู่ร่วมกันปกติก็ไม่ได้มีอันใด แต่ลู่โหรวยืนยัน ในใจนางก็ชื่นชมที่นางรู้ความ จึงตัดสินใจจะมองหาคู่ครองให้หญิงสาว ลู่เจียวควรช่วยนางมองหาสักหน่อย
ในห้องโถง เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นแฝดชายหญิงไปแล้วก็ รีบหันหน้าไปดึงมือลู่เจียว “เจียวเจียว ประคองข้า”
แววตาเขายามนี้ร้อนแรงไม่อาจบรรยาย ลู่เจียวถูกเขามองจนรู้สึกขัดเขิน คิดถึงก่อนหน้านี้ที่อู่เป่าน้อยเอ่ยก็อดยิ้มไม่ได้ กล่าวว่า “เจ้านี่นะ”
แต่ยังคงเดินเข้าไปประคองเซี่ยอวิ๋นจิ่น คืนนี้เขาดื่มเป็นเพื่อนบุตรชายไปหลายจอก
ใต้เท้าเซี่ยกลับไม่ได้เมาจริง
ลู่เจียวประคองเซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินออกไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นเงยหน้ามองท้องฟ้าค่ำคืนด้านนอกทีหนึ่ง เอ่ยอย่างน่าเสียดายว่า “คืนนี้ถึงกับไม่มีดวงจันทร์ ไม่เช่นนั้นข้าก็จะได้สนทนากับเจียวเจียวใต้แสงจันทร์เสียหน่อย”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “พวกเราอยู่ในห้องก็สนทนากันได้”
“จะเหมือนกันได้อย่างไร เอาละ ครั้งหน้าค่อยหาเวลากัน พวกเรากลับไปคุยที่ห้องกันเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็โอบไหล่ลู่เจียว สองสามีภรรยาเดินเข้าห้อง ค่ำคืนนี้สนทนากันอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้แล้ว
ในวัง เซียวเหวินอวี๋ตรงไปตำหนักเฉาหยางกงของพระสนมซูเฟย
ก่อนหน้านี้พระสนมซูเฟยหวังเมิ่งเหยาได้ยินวาจาเซียวเหวินอวี๋ ก็รู้ว่าเรื่องลำดับถัดไปที่เซียวเหวินอวี๋จะทำ กล่าวตามตรงนางทั้งดีใจทั้งเฝื่อนขมอย่างไม่อาจบรรยาย วันหน้านางก็จะมีสามีร่วมกับสตรีอื่นแล้ว
วันหน้าในวังจะมีสตรีมากยิ่งขึ้น เอาละ ในเมื่อเข้าวังมาแล้ว คิดมากเช่นนั้นไปทำไมกัน
หวังเมิ่งเหยาเตรียมตัวพร้อมแล้ว ยอมรับเรื่องนี้แล้ว เพียงแต่นางคิดไม่ถึงว่า เซียวเหวินอวี๋มาถึงตำหนักเฉาหยางกงไม่นาน โจวโย่วจิ่นก็เข้ามารายงาน
“ฝ่าบาท ตำหนักคุนหนิงกงส่งคนมาทูลว่า ครรภ์ฮองเฮาไม่ค่อยดีนัก ทูลเชิญฝ่าบาทเสด็จไปสักครั้ง”
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังโจวโย่วจิ่น สีหน้าอ่อนโยนเดิมก็พลันเย็นเยียบลงไม่น้อย น้ำเสียงเขาเคร่งขรึมเย็นชากล่าวว่า “ให้ฮองเฮาไปตามหมอหลวง เราไม่ใช่หมอหลวงที่จะตรวจครรภ์นางได้”
วันทั้งวันเอาแต่อ้างเรื่องตั้งครรภ์ คิดว่าตนเองจะเป็นมารดายกสถานะสูงศักดิ์ขึ้นเพราะบุตรหรือ ยังไม่แน่ว่าในครรภ์นางเป็นองค์ชายหรือไม่ หากองค์ชายมีมารดาเช่นนี้ จะอบรมสั่งสอนได้ดีหรือ
เซียวเหวินอวี๋ได้รู้ความจริงหนึ่งจากความฝันก่อนหน้านี้ว่า การมีมารดาที่ดีสำคัญเพียงใด
เหมือนเขาในฝัน หากไม่มีมารดา พวกเขาพี่น้องคงไม่ได้ความ กลายเป็นตัวร้ายอย่างแน่นอน ปรากฏภพนี้มีมารดาตั้งใจอบรมสั่งสอน พวกเขาสี่คนเดินออกไปที่ใด ผู้ใดไม่ใช่มังกรในหมู่คน
ตอนนี้เซียวเหวินอวี๋สงสัยในความประพฤติฮองเฮาขึ้นมา พลอยสงสัยไปถึงบุตรที่นางจะอบรมมา
โจวโย่วจิ่นได้ฟังเซียวเหวินอวี๋ก็รีบออกไปจัดการ
หวังเมิ่งเหยาได้ฟังรายงานโจวโย่วจิ่นก็อดเอ่ยเบาๆ ไม่ได้ “ฝ่าบาท ไม่ทรงเสด็จไปดูสักหน่อยหรือเพคะ หากครรภ์ฮองเฮาเป็นอันใดขึ้นมาจริงๆ”
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังหวังเมิ่งเหยาก็จ้องมองนางเขม็ง ค่อยๆ เอ่ยว่า “เจ้าอยากให้เราไปหรือ”
หวังเมิ่งเหยาสบตาเขาแล้วก็สะอึกในใจ ก่อนจะก้มหน้าลง กล่าวว่า “หากถามใจหม่อมฉัน ย่อมไม่อยากให้ฝ่าบาทไป เพียงแต่ฮองเฮาตั้งครรภ์ทายาทฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นห่วงครรภ์จะมีปัญหา”
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังหวังเมิ่งเหยา ก็ไม่มองหน้านางอีก กวักมือเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเกียจคร้านว่า “มานี่”
หวังเมิ่งเหยามองท่าทางเกียจคร้านและใบหน้าทรงเสน่ห์ของเขาแล้ว ในใจก็เต้นระรัวอย่างไม่อาจระงับ นางอดแก้มแดงไม่ได้ เดินเข้าไปหาด้วยท่าทางเขินอาย เซียวเหวินอวี๋ยื่นมือไปกระตุกนางเข้ามากดลงบนเตียง เขาก้มลงมองก่อนจะแนบตัวลงมาใกล้นาง “เราบอกแล้วว่าคืนนี้จะมอบค่ำคืนวสันต์ให้เจ้า เราติดค้างเจ้า ไม่มีผู้ใดขวางได้”
ตามหลัก หวังเมิ่งเหยาแต่งมาก่อนฮองเฮา พวกเขาควรอยู่ร่วมกันก่อนแล้ว ปรากฏเขาเสนอว่าให้ภรรยาเอกมีบุตรก่อน สองคนค่อยร่วมหอกัน หวังเมิ่งเหยาเห็นด้วย การที่นางเห็นด้วยนั้นเป็นเรื่องรอง แต่นางมีสาเหตุอื่นด้วย เซียวเหวินอวี๋มองออกว่าในใจหวังเมิ่งเหยาไม่ได้คับแค้นใจสักนิด นี่เป็นเรื่องดีที่หาได้ยากยิ่ง
เซียวเหวินอวี๋ยอมรับนางอย่างรวดเร็ว เพราะนางเข้าใจผู้อื่นและรู้ความ
ห้องบรรทมในตำหนักเฉาหยางกงเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งวสันตฤดูไร้ขอบเขต
ในตำหนักคุนหนิงกง ฮองเฮาได้ยินขันทีรายงานก็ควบคุมความโมโหไม่อยู่ สุดท้ายโมโหคว้าข้าวของขว้างปา นางข้าหลวงหยวนเห็นนางโมโหเช่นนี้ก็เตือนอย่างเป็นห่วงว่า “ฮองเฮา ท่านอย่าได้โมโหเช่นนี้ๆ ท่านกำลังตั้งครรภ์อยู่ ฝ่าบาทคงไม่อาจไม่แตะต้องสตรีอื่นนะเพคะ”
ฮองเฮาได้ฟังก็ยิ่งโมโห “ข้าตั้งครรภ์ เขาไม่มาเยี่ยมข้า คืนนี้ยังพานังชั้นต่ำนั่นออกไปอีก”
ฮองเฮาโมโหเพราะเซียวเหวินอวี๋พาหวังเมิ่งเหยาไปตระกูลเซี่ย
มองจากบางมุม ตระกูลเซี่ยก็คือบ้านของเซียวเหวินอวี๋ เขายินดีพาหวังเมิ่งเหยาไปตระกูลเซี่ยก็แสดงว่าในใจเขามีหวังเมิ่งเหยา
นางเป็นถึงฮองเฮา ตามหลักเซียวเหวินอวี๋จะพาก็ควรพานางไป แม้ว่านางตั้งครรภ์ ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะออกจากวังหลวงไม่ได้
ปรากฏว่า ฮ่องเต้ไม่เพียงแต่พาพระสนมซูเฟยไปตระกูลเซี่ย กลับมายังตรงไปตำหนักเฉาหยางกง เขาไม่เห็นแก่นางแม้สักนิด
ฮองเฮายิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจ ร้องไห้ออกมาอย่างปวดร้าวใจ สุดท้ายก็สะเทือนถึงครรภ์ขึ้นมาจริงๆ
ฮองเฮาตกใจสีหน้าซีดเผือด กล่าวอย่างตกใจว่า “นางกำนัลหยวน ข้าเจ็บครรภ์”
นางข้าหลวงหยวนถอนหายใจรีบเข้าไปตรวจให้ฮองเฮา สุดท้ายพบว่าครรภ์ฮองเฮาไม่ค่อยดีนักจริงๆ นางข้าหลวงหยวนรีบให้คนไปตามหมอหลวง ฮองเฮาตกใจมองนางข้าหลวงหยวน กล่าวว่า “ไปตามฝ่าบาท ตามฝ่าบาทมา”
นางกลัวว่าเด็กในครรภ์จะมีปัญหา คิดให้ฝ่าบาทมาอยู่เป็นเพื่อนนาง