ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 867 นางอุ่นเตียง
ตอนที่ 867 นางอุ่นเตียง
นางข้าหลวงหยวนมองนางถอนหายใจกล่าวว่า “ฮองเฮาเพคะ ก่อนหน้านี้ท่านให้คนไปทูลเชิญฝ่าบาท ฝ่าบาทไม่ได้เสด็จ ท่านให้คนไปทูลอีก ฝ่าบาทก็คงไม่เสด็จ”
ฮองเฮาอดกัดฟันไม่ได้ “ล้วนเพราะนังชั้นต่ำผู้นั้น นางล่อลวงฮ่องเต้”
นางข้าหลวงหยวนรีบเอ่ยห้าม “ฮองเฮา วาจานี้อย่าได้กล่าวออกไป พระสนมซูเฟยเป็นพระสนมที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้ง วาจานี้แพร่ออกไปจะทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัยได้”
ฮองเฮาคล้ายตกใจกับเรื่องในคืนนี้ ทำให้นางเริ่มระมัดระวัง ในเวลานี้ในใจนางกระจ่างชัดขึ้นมาเรื่องหนึ่ง เรื่องในวังล้วนฝ่าบาทตัดสินพระทัย แม้นางเป็นฮองเฮา ขอเพียงฝ่าบาทไม่พอพระทัย นางเองก็ไม่อาจทำอันใดได้ อีกอย่าง แม้นางให้กำเนิดโอรสองค์โตก็ไม่แน่ว่าจะได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาท
เผยอวี่คิดถึงอ๋องจิ้นที่ถูกลงโทษไปเฝ้าสุสานราชวงศ์ ผู้นั้นก็เป็นโอรสองค์โตของฮองเฮา ปรากฏไท่ซั่งหวงข้ามอ๋องจิ้นไปแต่งตั้งฝ่าบาทเป็นรัชทายาท จนกระทั่งขึ้นเป็นฮ่องเต้
ในที่สุดเผยอวี่ก็เริ่มหวาดกลัวแล้ว หันไปมองนางข้าหลวงหยวน “ข้าหลวงหยวน ข้ารู้ผิดแล้ว”
ในที่สุดนางข้าหลวงหยวนก็พยักหน้า “รู้แล้วก็ดี วันหน้าค่อยๆ เอาพระทัยฝ่าบาทคืนมานะเพคะ”
เผยอวี่รับคำเสียงหนึ่ง
หมอหลวงมาถึงอย่างรวดเร็ว หลังจากตรวจแล้วก็พบว่าเพราะฮองเฮาทรงอารมณ์รุนแรงเกินไป ทำให้สะเทือนครรภ์ นางข้าหลวงหยวนให้หมอหลวงสั่งจ่ายยา ก่อนไปส่งหมอหลวงพร้อมเงินก้อนหนึ่ง ฝากฝังหมอหลวงว่าอย่าได้บอกว่าเพราะฮองเฮาทรงอารมณ์รุนแรงเกินไปทำให้สะเทือนครรภ์ บอกเพียงว่าฮองเฮาเสวยมากไป ดังนั้นกระเพาะจึงไม่ค่อยสบาย คิดว่าสะเทือนครรภ์
หมอหลวงรับคำเสียงหนึ่ง รับเงินแล้วก็ไปเขียนเทียบยา
ฮองเฮากับนางข้าหลวงหยวนคิดว่าเรื่องนี้ปิดบังได้แล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าวันรุ่งขึ้นเซียวเหวินอวี๋ก็ได้รับรายงานจากหมอหลวง หมอหลวงมอบเงินที่นางข้าหลวงหยวนมอบให้ต่อฝ่าบาท
อย่าเห็นว่าฮ่องเต้ยังหนุ่ม แต่ทรงร้ายกาจมาก ทุกเรื่องทุกแห่งในวังถูกเขาสั่งคนเฝ้าจับตาไว้หมด หมอหลวงไม่กล้าปิดบังฝ่าบาท
เซียวเหวินอวี๋เห็นเงินตรงหน้าก็ครุ่นคิดรายงานของหมอหลวง ก่อนจะแค่นหัวเราะ โมโหขึ้นมาแล้วจริงๆ
“เอาละ เจ้าออกไปได้”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
หมอหลวงเองก็โล่งอก ค่อยๆ ถอยออกไป
เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก เริ่มอ่านฎีกาในห้องหนังสือต่อ
ตระกูลเซี่ย ลู่เจียวคิดถึงแววตาฮ่องเต้มองหวังเมิ่งเหยาเมื่อคืนวานนี้ ก็รู้ว่าเซียวเหวินอวี๋น่าจะอยู่ร่วมหอกับหวังเมิ่งเหยาไปแล้ว
ฮองเฮาคงไม่ได้โวยวายด้วยเรื่องนี้กระมัง
ลู่เจียวไม่อยากให้เซียวเหวินอวี๋มีเรื่องกับฮองเฮาในตอนนี้ เบื้องหลังฮองเฮามีตระกูลเผย เผยโส่วฝู่อยู่ในราชสำนักมาหลายปี เมื่อก่อนรองโส่วฝู่ได้ใจบัณฑิตไม่น้อย กล่าวได้ว่าเขาเป็นแบบอย่างของบัณฑิตใต้หล้า
หากตระกูลเผยยังไม่ได้กระทำผิดอันใด เซียวเหวินอวี๋มีเรื่องกับฮองเฮาหรือปลดฮองเฮาอันใด ย่อมทำให้บัณฑิตใต้หล้าโจษจันนินทา ลู่เจียวไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ ดังนั้นตัดสินใจไปตระกูลเผยสักครั้ง
นางบอกกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดแล้วก็กล่าวว่า “หรือให้ข้ากับพูดกับเผยโส่วฝู่สักคำ”
ลู่เจียวคิดแล้วก็ปฏิเสธ “อย่าดีกว่า ให้ข้าพูดกับฮูหยินผู้เฒ่าเผยเอง เผยโส่วฝู่เป็นผู้ชาย อาจไม่เข้าใจ ความหมายเจ้า แล้วจะคิดมากไปอีก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงเห็นด้วยให้ลู่เจียวไปตระกูลเผย
ลู่เจียวรีบเขียนเทียบขอไปเยี่ยมเยือนตระกูลเผย
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยได้รับเทียบก็รีบตอบรับการมาเยี่ยมเยือนของลู่เจียว
ลู่เจียวรีบนำคนตรงไปตระกูลเผย
ลูกสะใภ้สองคนพากันขอจะไปเป็นเพื่อนนางที่ตระกูลเผย แต่ถูกลู่เจียวปฏิเสธ
นางกำชับลูกสะใภ้ทั้งสอง “พวกเจ้าสองคนพักผ่อนให้มาก สามเดือนแรกสำคัญมาก”
ลู่เจียวไว้วางใจสะใภ้ใหญ่ แต่ไรมาหลิงเสวี่ยเป็นคนสงบเสงี่ยมเรียบร้อย แต่กับสะใภ้รองนั้น นางกระโดกกระเดกอยู่สักหน่อย
ลู่เจียวมองไปยังจ้าวอวี้หลัวกำชับว่า “เจ้าเดินเหินทำอะไรเบาๆ หน่อย อย่าแต่เอาแต่กระโดดไปมา วันหน้าเป็นมารดาคนแล้ว ต้องมีท่าทางเช่นมารดา”
จ้าวอวี้หลัวหัวเราะคิก กล่าวรับรองว่า “ท่านแม่วางใจ ข้ารับรองว่าจะทำอะไรเบาๆ แต่มีเรื่องหนึ่งอยากขอคำแนะนำจากท่านแม่”
ลู่เจียวมองนาง “เรื่องอันใด”
จ้าวอวี้หลัวหันไปมองลู่เจียวทีหนึ่งทันที กล่าวว่า “พวกเราตั้งครรภ์แล้ว ท่านแม่ต้องการจัดหานางอุ่นเตียงอันใดให้ท่านพี่พวกเราหรือไม่เจ้าคะ”
ในเมื่อตนเองไม่อาจปรนนิบัติ ต้องจัดหานางอุ่นเตียงให้สามีตนสักคนหรือไม่
ความจริงจ้าวอวี้หลัวกับหูหลิงเสวี่ยสองคนต่างรู้กฎว่าชายตระกูลเซี่ยอายุสี่สิบไม่มีบุตรชายจึงจะรับอนุได้
แต่ในฐานะสะใภ้ ไม่อาจปรนนิบัติผู้ชาย อย่างไรก็ต้องบอกกล่าวแม่สามีสักคำ ว่าต้องการจัดการหานางอุ่นเตียงให้หรือไม่
นางอุ่นเตียงเป็นของเล่น แม้ว่าพวกนางทั้งสองคนไม่ยินดี แต่ก็ไม่อาจเอ่ยอันใด หากแพร่ออกไปย่อมต้องมีคนกล่าวหาว่าพวกนางขี้อิจฉา ผู้ชายไม่รับอนุก็ไม่ง่ายแล้ว ยังไม่ยอมให้มีแม้แต่นางอุ่นเตียงหรือ เช่นนั้นพวกนางตั้งครรภ์ให้กำเนิดบุตร ผู้ชายจะทำเช่นไร
พวกนางตั้งครรภ์ตั้งครรภ์เกือบสิบเดือน
หูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัวทั้งสองคนหารือกันแล้วก็มาบอกแม่สามีตนเอง
ลู่เจียวมองจ้าวอวี้หลัวกับหูหลิงเสวี่ยทีหนึ่ง มองออกว่าพวกนางเองไม่อยากให้สามีของพวกนางมีนางอุ่นเตียง แต่ไม่กล้าแสดงออก จึงได้เอ่ยขึ้นอย่างนึกขำว่า “เอาละ สามีพวกเจ้าทนอดกลั้นไปไม่ตายหรอก ตระกูลเซี่ยเราไม่มีตัวอย่างที่สะใภ้ตั้งครรภ์ ผู้ชายไปนอนกับนางอุ่นเตียง หากพวกเขาทนไม่ไหวจริง พวกเจ้าก็ใช้วิธีการอื่นช่วยพวกเขาได้ จะทำให้พวกเขาเก็บกดตายหรือ”
วาจาลู่เจียวทำเอาจ้าวอวี้หลัวกับหูหลิงเสวี่ยต่างหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ลู่เจียวพาคนเดินไปแล้ว สองสะใภ้นิ่งเงียบไปเป็นนาน แต่ทั้งสองคนดีใจอย่างไม่อาจกล่าว ยื่นมือออกไปกุมมืออีกฝ่าย “ท่านแม่ดีมากจริงๆ”
จ้าวอวี้หลัวยิ้มกล่าวว่า “ตอนนั้นข้ายืนยันจะแต่งเข้าตระกูลเซี่ยให้ได้ ถือว่าถูกต้องแล้ว”
หากเป็นตระกูลอื่น ไม่แน่ว่ายามนี้ก็ต้องหาอนุให้บุตรชายแล้ว แต่แม้แต่นางอุ่นเตียง ท่านแม่ก็ไม่เห็นด้วย ดีมากจริงๆ
แต่…
จ้าวอวี้หลัวมองหูหลิงเสวี่ยอย่างอยากรู้ กระซิบเบาๆ ว่า “ท่านแม่บอกว่าวิธีอื่นช่วยพวกเขา ช่วยอย่างไร”
หูหลิงเสวี่ยถูกนางทำเอาหน้าแดงก่ำอย่างไม่พอใจ ถลึงตาใส่นางทีหนึ่ง ก่อนจะหันหลังจากไป ทิ้งจ้าว อวี้หลัวที่ยังไม่ยอมเลิกรา ไล่ตามไปถามนางต่อ “พี่สะใภ้ใหญ่ แท้จริงคือวิธีการอันใดหรือ”
หูหลิงเสวี่ยถลึงตาใส่นางอย่างรู้สึกอาย “เจ้ารู้จักละอายหรือไม่”
นางกล่าวจบเขยิบเข้าไปกระซิบข้างหูจ้าวอวี้หลัว จ้าวอวี้หลัวพลันเบิกตากว้าง “ที่แท้ยังทำเช่นนี้ได้ด้วย”
หูหลิงเสวี่ยแต่งงาน ท่านแม่นางเตรียมสมุดภาพให้นางได้อ่าน จึงพอรู้มาบ้าง แม้จ้าวอวี้หลัวมีมารดาเลี้ยง แต่เถียนฮวนกับนางก็กระโดกกระเดกพอกัน ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ไม่ได้เตรียมสมุดภาพให้นางได้อ่าน ดังนั้นจ้าวอวี้หลัวจึงไม่รู้ พอได้ฟังหูหลิงเสวี่ยก็เบิกตากว้าง ตัดสินใจไปซื้อสมุดภาพมาอ่านบ้าง ไว้กลับมาศึกษากับเอ้อร์เป่า
ลู่เจียวไม่ได้ใส่ใจเรื่องในห้องส่วนตัวของลูกสะใภ้ นางพาติงเซียงกับหร่วนจู๋เดินทางไปตระกูลเผย
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยพาสามสะใภ้มารอรับที่หน้าประตู ลู่เจียวลงจากรถม้า ทุกคนก็เข้ามาต้อนรับ
ท่านนี้แม้ไม่ใช่แม่สามีของฮองเฮา แต่ก็ไม่ได้แตกต่างนัก ดังนั้นตระกูลเผยต้องปฏิบัติต่อนางอย่างสุภาพเกรงใจ
ลู่เจียวเห็นตระกูลเผยก็ยิ้มกล่าวว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าเกรงใจไปแล้ว พวกท่านทำเช่นนี้ วันหน้าข้าไม่กล้ามาเยี่ยมเยือนแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยยิ้มกล่าวว่า “สมควรแล้ว อย่าว่าแต่พวกเรา แม้แต่ฮองเฮาก็ควรให้ความเคารพต่อท่าน”