ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 868 ยอมรับผิด
ตอนที่ 868 ยอมรับผิด
ลู่เจียวได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเผยเอ่ยถึงฮองเฮา รอยยิ้มก็จืดจางลงเล็กน้อย
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยเป็นพวกสายตาแหลมคม พอเห็นท่าทางลู่เจียวก็สะอึกในใจ ฮูหยินโจวกั๋วปกติไม่ชอบไปเยือนจวนใด วันนี้พลันส่งเทียบมาเยือน หรือว่าฮองเฮาในวังกระทำเรื่องไม่ดีอันใด
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยอารมณ์หนักอึ้ง เดินเข้าไปในห้องโถงกลางเรือนด้านหลังตระกูลเผยพร้อมกับลู่เจียว
“ฮูหยินโจวกั๋ววันนี้มาเยือน เป็นเพราะฮองเฮาในวังกระทำเรื่องไม่ดีอันใดหรือ”
ลู่เจียวรีบยิ้มกล่าวว่า “ก็มิได้ เพียงแต่ฮองเฮาระยะนี้ตั้งครรภ์ อารมณ์ไม่นิ่งนัก ส่วนข้า แม้ว่าเป็นแค่มารดาเลี้ยงฝ่าบาท แต่ก็หวังให้ฝ่าบาทและฮองเฮาร่วมใจเป็นหนึ่ง ดังนั้นจึงคิดมาขอเชิญฮูหยินผู้เฒ่า หากมีเวลาเข้าวังไปคุยกับฮองเฮา ผ่อนคลายอารมณ์ฮองเฮาเสียหน่อย”
สะใภ้ใหญ่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ร้อนใจเอ่ยว่า “อวี่เอ๋อร์มีเรื่องกับฝ่าบาทหรือ”
ลู่เจียวยิ้มพลางส่ายหน้ากล่าวว่า “ก็มิได้ เพียงแต่ฮองเฮาตั้งครรภ์ทำให้อารมณ์เสียอยู่บ้าง ข้าเกรงว่าฝ่าบาทจะทรงกริ้ว ดังนั้นจึงได้เดินทางมาตระกูลเผย พวกเราในฐานะมารดาของลูกๆ ย่อมต้องหวังให้พวกเขาสนิทสนมใกล้ชิดกัน”
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ไม่กล้ามองข้ามวาจาลู่เจียว นางจึงเห็นด้วย “ฮูหยินโจวกั๋วกล่าวได้ถูกต้อง พวกเราเป็นผู้อาวุโสก็หวังเพียงให้ลูกหลานอยู่ร่วมกันอย่างสนิทสนมชิดใกล้ ฮูหยินโจวกั๋ววางใจ ไว้ตระกูลเราจะเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮองเฮา”
“เช่นนั้นก็ดี ฝ่าบาทและฮองเฮาร่วมใจเป็นหนึ่ง วาสนาสุขพวกเขาก็คือวาสนาสุขแห่งแคว้นต้าโจว”
“ใช่ ใช่”
ลู่เจียวอยู่ตระกูลเผยอีกครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นจะกลับ ฮูหยินผู้เฒ่าเผยกับสะใภ้หลายคนรั้งให้นางอยู่กินข้าวเที่ยงก่อน แต่นางไม่อยู่ต่อ
“กล่าวกับพวกท่านตามตรง ระยะนี้ตระกูลเรายุ่งอยู่สักหน่อย บุตรชายสามจะแต่งงานแล้ว ที่บ้านยังต้องจัดการอีกหลายเรื่อง ข้าไม่อาจมีเวลามาอยู่ข้างนอกนานนัก”
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยรีบแสดงความยินดี แสดงท่าทีว่ารอให้บุตรชายสามตระกูลเซี่ยแต่งงาน พวกนางก็จะไปร่วมแสดงความยินดีด้วยตนเอง
สะใภ้สามข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าเผยอดเอ่ยไม่ได้ว่า “ฮูหยินโจวกั๋ว ข้าได้ยินว่าสะใภ้ท่านเป็นบุตรีเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพหรือ”
บ้านสามตระกูลเผยมีบุตรีอายุเหมาะสมจะออกเรือน เดิมมองบุตรชายสามตระกูลเซี่ยไว้ ปรากฏแอบเลียบเคียงไปแล้ว ตระกูลเซี่ยก็ไม่ได้แสดงท่าทีอันใด
ในใจสามสะใภ้ตระกูลเผยอย่างไรก็รู้สึกขุ่นเคืองอยู่บ้าง ต่อมาได้ยินว่าคุณชายเซี่ยสามถึงกับแต่งบุตรีเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพ ฮูหยินเผยสามรู้สึกว่าไม่อยากจะเชื่อ บุตรีตระกูลพวกนางไม่แต่ง แต่ไปแต่งกับบุตรีเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพ ได้ยินว่าเป็นเพียงบุตรีเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพเล็กๆ แม้นางคารวะฮูหยินหวังเป็นมารดาบุญธรรม แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานะยากจนต่ำต้อยของนางได้
ลู่เจียวได้ฟังฮูหยินเผยสามก็ยิ้มกล่าวว่า “ที่สำคัญก็คือบุตรชายชอบ ใต้เท้าเรารับหน้าที่ตรวจสอบความประพฤติสะใภ้ดีแล้ว พวกเราไม่สนใจสถานะ”
ลู่เจียวแอบคิดว่าฮองเฮาที่ตระกูลเผยทุ่มเทตั้งใจอบรมมาก็แค่นั้น ดังนั้นสถานะสูงก็ไม่ได้หมายความว่าจะอบรมคนที่เหมาะสมกับบุตรชายตระกูลนางได้
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ คิดว่าวาจาฮูหยินโจวกั๋วนี้แอบบอกว่าตระกูลเผยสอนบุตรีไม่เป็นหรือไม่
ความจริงนางคิดมากไปแล้ว ลู่เจียวแค่เอ่ยออกไปอย่างนั้น
นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ลู่เจียวไม่อยากสมาคมกับบรรดาฮูหยินมีตระกูล บางครั้งหลุดปากพูดอันใดออกไปคนเขาก็คิดไปไกลจนกลายเป็นเรื่องมากมาย
พอลู่เจียวกลับไป ตระกูลเผยก็รีบส่งเทียบขอเข้าเฝ้าในวัง
แม้ว่าเผยอวี่แต่งเข้าวัง แต่ตระกูลเผยไม่ค่อยได้เข้าวัง สาเหตุเพราะกลัวคนนินทา เกรงว่าจะทำให้ฮ่องเต้ไม่พอพระทัย
วันนี้ลู่เจียวมาเตือนที่ตระกูลเผย ฮูหยินผู้เฒ่าเผยพลันคิดถึงนางกำนัลอาวุโสที่ตนส่งเข้าวัง เรื่องนี้ฮองเฮาได้ทูลฝ่าบาทหรือไม่ หากไม่ได้ทูลอันใด ฝ่าบาทย่อมต้องทรงกริ้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองควรเข้าวังไปคุยกับฮองเฮาสักหน่อย
ฮองเฮาเดิมกำลังปวดใจ พอเห็นคนตระกูลเผยส่งเทียบเชิญจะเข้าวัง ก็รีบอนุญาตให้พวกนางเข้าวัง
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยกับฮูหยินใหญ่เผยสองคนเข้าวัง พอฮองเฮาเห็นพวกนาง ก็ปรี่เข้ามาซุกในอ้อมกอดท่านย่าตนร้องไห้ราวกับเด็กน้อยโดนรังแก
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยรีบปลอบฮองเฮา ถามถึงสาเหตุ ฮองเฮาจึงได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในระยะนี้ให้ฮูหยินผู้เฒ่าเผยฟัง
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยก็รู้ว่าหลานสาวหลงตนเองคิดว่าตั้งครรภ์สายพระโลหิตฮ่องเต้ สถานะมั่นคงแล้ว จะเป็นดังคำกล่าวว่า มารดายกสถานะสูงศักดิ์ขึ้นก็เพราะบุตร
“เจ้าช่างเลอะเลือนจริง ฝ่าบาทอาจทรงรังเกียจบุตรในครรภ์เจ้าแล้ว รักผู้ใดก็รักคนของผู้นั้น หลักการนี้เจ้าไม่เข้าใจหรือ หากฝ่าบาทชอบเจ้าก็จะชอบลูกของเจ้า หากรังเกียจเจ้า แม้แต่ลูกก็รังเกียจไปด้วย แม้เจ้าให้กำเนิดโอรสองค์โตแล้วอย่างไร นับประสาอันใดกับตอนนี้ในครรภ์เจ้าก็ยังไม่รู้ว่าหญิงหรือชาย หากให้กำเนิดองค์หญิงแล้วฝ่าบาทไม่ทรงแตะต้องเจ้าอีก เจ้าคิดจะกอดองค์หญิงดำเนินชีวิตไปเช่นนี้หรือ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยสีหน้าคับแค้นใจอย่างมาก ยามนี้เผยอวี่นึกเสียใจภายหลังแล้ว ซุกอยู่ในอ้อมกอดฮูหยินผู้เฒ่าเผยพึมพำว่า “ท่านย่า ข้ารู้ผิดแล้ว”
“วันหน้าทุกเรื่องให้เห็นแก่ฝ่าบาทเป็นสำคัญ พระประสงค์ฝ่าบาทเป็นความต้องการของเจ้า ทรงไม่ชอบผู้ใดหรือเรื่องใด ก็อย่าได้ทำ จำไว้ อย่าทำให้ฝ่าบาททรงเกิดความรังเกียจ เข้าใจหรือไม่ สตรีในวัง แม้เป็นฮองเฮาก็ล้วนต้องพึ่งพาอาศัยฝ่าบาท อย่าได้คิดว่าเจ้าเป็นฮองเฮาก็จะต่อกรกับฝ่าบาทได้”
“ตอนนี้ในตำหนักเย็นยังขังอดีตฮองเฮาไว้อยู่ ตัวอย่างตัวเป็นๆ เจ้าลืมแล้วหรือ”
สีหน้าเผยอวี่ซีดเผือดไม่อาจบรรยาย เริ่มไม่สบายใจอย่างมาก ฮูหยินใหญ่เผยเห็นบุตรีเช่นนี้ก็สงสาร กล่าวว่า “ตอนนี้ยังไม่สาย วันหน้าอยู่ร่วมกับฝ่าบาทไปให้ดีๆ อีกอย่าง วังหลังฝ่าบาทมีสตรีไม่มาก เจ้ายังตั้งครรภ์แล้ว อย่าได้ห้ามปรามฝ่าบาทโปรดปรานพระสนมซูเฟย เจ้าตั้งครรภ์ไม่อาจปรนนิบัติ ยังไม่ยอมให้ผู้อื่นปรนนิบัติฝ่าบาท เจ้าคิดได้อย่างไร เจ้าอย่าได้คิดวางอุบายพระสนมซูเฟยด้วยเรื่องนี้ นางแต่งเข้ามาก่อนเจ้า ย่อมผูกพันมากกว่าสักหน่อย”
“หากโมโหด้วยเรื่องนี้ วันหน้าสนมนางในวังหลังยังเข้าวังมาอีกมาก เจ้าวางอุบายได้ครบทุกคนหรือ ในฐานะฮองเฮาย่อมต้องใจกว้างดำรงจารีตดีงาม หญิงเหล่านั้นแม้ได้รับความโปรดปราน แต่ขอเพียงเจ้าคุมไว้ได้ พวกนางก็ไม่อาจอยู่เหนือเจ้าได้ เจ้าต้องรู้จักใจกว้าง ฝ่าบาทก็จะเคารพเจ้า รักและทะนุถนอมเจ้า กลับกัน หากเจ้าไม่เข้าใจเอาแต่ก่อเรื่อง ฝ่าบาทก็จะทรงรังเกียจ ทำให้สนมนางในพวกนั้นมองออก ก็จะกล้ารังแกเจ้า เข้าใจหรือไม่”
ฮองเฮาได้ฟังคำท่านย่ากับท่านแม่ตนแล้วก็เข้าใจได้เรื่องหนึ่ง ความจริงฮองเฮาเองทำอะไรก็ต้องมองสีพระพักตร์ฝ่าบาท อย่าได้เพราะตั้งครรภ์ก็จะคิดว่าจะอาศัยบารมีบุตรนำพาตนรุ่งเรือง
“ท่านย่า ท่านแม่ ข้าทราบแล้ว วันหน้าข้าจะไม่เอาแต่ใจอีกแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยกับฮูหยินใหญ่เผยอยู่ต่ออีกครู่หนึ่งก็ออกจากวังหลวงไป ตกค่ำ เผยอวี่รีบให้ห้องเครื่องเตรียมอาหาร สั่งคนให้ไปทูลเชิญฝ่าบาท
เซียวเหวินอวี๋รู้ว่าตอนบ่ายคนตระกูลเผยเข้าวังมา เขารู้สึกว่าตระกูลเผยอยู่ๆ เข้าวังย่อมต้องมีเรื่อง จึงให้คนไปสืบความ จึงได้รู้อย่างรวดเร็วว่า ที่คนตระกูลเผยเข้าวังมานั้นเพราะลู่เจียวไปตระกูลเผยมา
เซียวเหวินอวี๋ได้ยินรายงาน ในใจดีใจจนพูดไม่ออก ท่านแม่รู้ว่าตอนนี้เขาขัดแย้งไม่ลงรอยกับฮองเฮา
เผยโส่วฝู่อยู่ในราชสำนักมาหลายปี ใต้หล้ามีบัณฑิตไม่น้อยให้ความเชื่อถือศรัทธาเขามาก ฮองเฮาที่ได้รับการอบรมจากตระกูลเผยย่อมต้องดีเยี่ยมอันดับหนึ่ง หากเขามีเรื่องกับฮองเฮา ผู้อื่นย่อมนินทาว่าร้ายเขา
ตอนนี้เขาเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ แม้ว่าทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อราษฎรไว้หลายเรื่อง แต่อย่างไรก็ไม่นานนัก ดังนั้นตอนนี้เขาต้องการเวลา ไม่อาจมีเรื่องไม่ลงรอยกับฮองเฮาและตระกูลเผยได้
นี่ก็คือสาเหตุที่ท่านแม่ตนเดินทางไปตระกูลเผย
เซียวเหวินอวี๋เข้าใจความสำคัญของเรื่องนี้ จึงไม่ได้ดึงดันจะละเลยไม่สนใจฮองเฮาอีก
ฮองเฮาเห็นเขามาก็ยิ้มอ่อนโยน เอ่ยอย่างระแวดระวังว่า “ฝ่าบาท ระยะนี้เพราะหม่อมฉันตั้งครรภ์ ทำให้หลงลืมดำรงตนตามจารีตไปบ้าง ขอฝ่าบาทให้อภัยหม่อมฉันด้วย วันหน้าจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้วเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋นิ่งมองเผยอวี่ ไม่รู้ว่าเพราะในใจรำคาญหรือเพราะเผยอวี่ตั้งใจแสดงท่าที เชื่อฟังเพื่อเอาใจเขามากจนเกินไป เขาเห็นนางแล้วในใจก็รู้สึกรับไม่ค่อยได้ แต่พอคิดถึงตระกูลเผย สุดท้ายได้แต่อดทนเก็บอารมณ์ไว้ ยื่นมือไปประคองฮองเฮาขึ้นมา “เจ้าตั้งครรภ์แล้ว อารมณ์เสียสักหน่อยก็ไม่เป็นอันใด แต่ในฐานะฮองเฮาควรต้องรู้หนักเบา”
เผยอวี่ได้ฟังเซียวเหวินอวี๋ ก็เอ่ยรับรองแข็งขันว่า “หม่อมฉันทราบแล้ว วันหน้าทำสิ่งใดจะไม่ละเลยพระประสงค์ฝ่าบาท”
“อืม รีบลงนั่งกินข้าวกัน เจ้าตั้งครรภ์แล้วอย่าได้เอาแต่ยืน”
เผยอวี่ได้ฟังเซียวเหวินอวี๋ คิดว่าเซียวเหวินอวี๋ให้อภัยนางแล้ว ในใจก็ดีใจมาก รับคำเซียวเหวินอวี๋ลงนั่งกินข้าวด้วยกัน