ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 870 โปรดปราน
ตอนที่ 870 โปรดปราน
เซี่ยเหวินเซ่าแต่งงานได้สามวันก็กลับมาเยี่ยมบ้าน ลู่เจียวไม่เพียงแต่มอบของให้ซานเป่าเหมือนกับต้าเป่าและเอ้อร์เป่า ยังเตรียมของไว้เต็มเรือให้ซือหว่านอิ๋งนำกลับไป
“ข้ากับท่านพ่อเจ้าไม่อาจไปเมืองหนิงโจวร่วมงานเลี้ยงพวกเจ้าได้ พวกเราฝากคารวะท่านพ่อเจ้าด้วย วันหน้าพวกเจ้าใช้ชีวิตในเมืองหนิงโจว ทั้งสองคนอย่าได้มีปากเสียงกันด้วยเรื่องเล็กน้อยไม่เป็นเรื่อง พวกเราไม่อยู่ข้างกายพวกเจ้า พวกเจ้าสองคนมีเรื่องใดก็หารือกันให้มาก”
ซือหว่านอิ๋งฟังคำลู่เจียวแล้วก็ซาบซึ้งใจจนไม่อาจเอ่ยอันใดออกมา ได้แต่พยักหน้าไม่หยุด แม่สามีช่างดีจริงๆ แม้แต่มารดาแท้ๆ ก็คงไม่ดีเช่นนี้
“ท่านแม่วางใจได้ ข้าจะใช้ชีวิตกับเหวินเซ่าไปให้ดีๆ พวกเรามีเวลาก็จะกลับมาเมืองหลวงเยี่ยมพวกท่าน”
“ได้ ไปเถอะ”
เซี่ยเหวินเซ่าพาซือหว่านอิ๋งกลับเมืองหนิงโจว
ต้าเป่าเองก็พาหูหลิงเสวี่ยกลับอำเภอชิว อำเภอชิวห่างจากเมืองหลวงไม่ไกล ลู่เจียวไม่ได้เอ่ยคัดค้านหูหลิงเสวี่ยตามกลับไป
แต่พอเป็นจ้าวอวี้หลัว ลู่เจียวกลับห้ามนางเดินทางกลับชายแดน
เอ้อร์เป่ากับจ้าวอวี้หลัวทั้งสองคนนิสัยไม่ค่อยเรียบร้อย ตอนนี้จ้าวอวี้หลัวตั้งครรภ์ไม่ถึงสามเดือน ลู่เจียวกลัวนางประสบเหตุระหว่างทาง ดังนั้นให้นางอยู่ต่อ ครบสามเดือนแล้วค่อยเดินทางไปชายแดน
เอ้อร์เป่ากับจ้าวอวี้หลัวต่างเห็นด้วย แต่ก่อนเอ้อร์เป่าจะกลับ จ้าวอวี้หลัวก็กำชับเอ้อร์เป่า อย่างไม่ค่อยวางใจ “เจ้าอยู่ด่านชายแดนก็สงบเสงี่ยมหน่อย อย่าได้ไปยุ่งเกี่ยวสตรีอื่นที่ไม่ควรข้องเกี่ยว หากให้ข้ารู้ว่าเจ้าไปยุ่งเกี่ยวสตรีอื่นที่ไม่ควรข้องเกี่ยว คอยดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”
ลู่เจียวยิ้มรับคำเพื่อให้นางสบายใจว่า “อวี้หลัวกล่าวได้ถูกต้อง หากเจ้าผิดต่อนาง ดูว่าแม่จะหักขาเจ้าทิ้งอย่างไร”
เอ้อร์เป่าหนาวสันหลังยะเยือก รีบลุกขึ้นยืนตัวตรงให้คำรับรองว่า “ท่านแม่วางใจ ข้าไม่ทำแน่”
จ้าวอวี้หลัวได้ฟังเขารับรอง ก็วางใจ มองตามเอ้อร์เป่าออกจากเมืองหลวงไป
ลู่เจียวยื่นมือไปประคองนาง “เอาละ ตอนนี้เจ้าใกล้สองเดือนแล้ว อยู่บ้านรออีกสองเดือน แม่จะให้คนไปส่งเจ้าเอง”
จ้าวอวี้หลัวได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ยิ้มเขินอายเอ่ยว่า “ท่านแม่ พวกเรากลับกันเถอะ”
“ได้” แม่สามีและลูกสะใภ้แม่สามีและลูกสะใภ้สองคนขึ้นรถม้ากลับ เมืองหลวงครึกครื้นอย่างมาก บัณฑิตจากแต่ละพื้นที่เดินทางเข้าเมืองหลวงมาร่วมสอบ เห็นได้ชัดว่าผู้คนมากกว่าปกติ ตามถนนใหญ่ตรอกซอกซอยล้วนเห็นแต่บัณฑิตหนุ่มมากความสามารถ
ลู่เจียวเห็นแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้ “เห็นพวกเขา ข้าก็นึกถึงตอนนั้นที่ข้ากับท่านพ่อเจ้าเข้าเมืองหลวงมาสอบ คิดไม่ถึงว่าพริบตาเดียวพวกเจ้าแต่งงานมีลูกกันแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ”
จ้าวอวี้หลัวยิ้มมองลู่เจียวกล่าวว่า “แม้ว่าพวกเราแต่งงานมีลูกแล้ว แต่ท่านแม่ยังงามเหมือนก่อน ไม่แก่ลงเลยสักนิด”
จ้าวอวี้หลัวยื่นมือออกไป กุมมือลู่เจียว “ท่านแม่ แม้ว่าข้าเป็นเพียงสะใภ้ท่าน แต่ข้ารู้สึกเสมอว่าตนเองคือบุตรีท่านแม่ ข้าจดจำได้ตลอดเวลาว่าท่านแม่อบรมข้ามา หากไม่ใช่ท่านแม่ เกรงว่าข้าก็คงไม่ได้เป็นเช่นตอนนี้”
ตอนหลับฝันไป บางครั้งนางมักคิดถึงว่าตอนเด็กนางเอาแต่ใจมาก หากไม่ใช่ว่าได้เข้าไปเรียนในตระกูลเซี่ย ได้รับการอบรมสั่งสอนจากลู่เจียว ตอนนี้เกรงว่านิสัยนางคงเลวร้ายยิ่งกว่าตอนเด็ก ดังนั้นในใจนางจึงเห็นลู่เจียวเป็นดังมารดาแท้ๆ ของนางเอง
“ท่านแม่ ข้าคิดเสมอ อยากบอกกับท่านแม่ว่าขอบคุณมาก ขอบคุณท่านแม่ที่ยอมรับนิสัยที่ไม่ดีของข้า”
ลู่เจียวยิ้มยกมือลูบศีรษะจ้าวอวี้หลัว “ขอบคุณอันใด ข้าไม่ใช่กำลังเลี้ยงดูสะใภ้ตนเองหรือ”
กล่าวจบทั้งสองคนยิ้ม ไม่ใช่แม่ลูก แต่เป็นยิ่งกว่าแม่ลูก
ต้าเป่า เอ้อร์เป่า ซานเป่าออกจากเมืองหลวงไปแล้ว ตระกูลเซี่ยก็กลับคืนสู่ความสงบ ลู่เจียวก็ว่าง แต่ระยะนี้เหนื่อยมากเกินไป ตอนนี้นางคิดแต่จะนอนแผ่ ไม่คิดสนใจงานใดอีก
ในวังยามนี้มีพระสนมมากขึ้นมาอีกสามคน เป็นบุตรีจากจวนจ้าวกั๋วกง จวนอู่กั๋วกงและจวนหนาน หยางโหวที่เพิ่งเข้าวังมา
บุตรีสามตระกูลต่างได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสนมระดับผิน พระสนมจ้าวผิน พระสนมเนี่ยผินและพระสนมหวาผิน
เข้าวังมาวันแรก เซียวเหวินอวี๋ไปตำหนักซีเฟิ่งกงของพระสนมจ้าว
แม้ว่าฮองเฮาตำหนักคุนหนิงกงในใจไม่พอใจ แต่พอคิดถึงว่าจากนี้ไปมีคนมาแย่งความรักจากพระสนมซูเฟย นางก็อารมณ์ดีขึ้นมา และก็คิดถึงเรื่องหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
ตระกูลจ้าวกุมอำนาจการทหาร หากพระสนมจ้าวตั้งครรภ์องค์ชาย ใช่ว่าจะเป็นภัยคุกคามบุตรชายนางหรือ
ฮองเฮาพลันนอนไม่หลับทันที นางข้าหลวงหยวนเห็นสีหน้านางก็คิดว่านางหึงหวง อดเอ่ยเตือนสติไม่ได้
“ฮองเฮา ฝ่าบาทในฐานะฮ่องเต้แคว้นต้าโจวย่อมต้องมีสนมนางในมาก ท่านต้องยอมรับความจริงเรื่องนี้ให้ได้”
ฮองเฮาหันไปมองนางข้าหลวงหยวน กล่าวจริงจังว่า “ที่ข้าเป็นห่วงก็คือพระสนมจ้าวตั้งครรภ์ ตระกูลพวกเขากุมอำนาจการทหาร หากตั้งครรภ์พระโอรส ก็ย่อมเป็นภัยคุกคามต่อโอรสข้า”
ใบหน้านางข้าหลวงหยวนราวกับมีแสงสีดำพาดผ่าน อยากเอ่ยเตือนฮองเฮาอย่างมากว่า ตอนนี้ในครรภ์ท่านเป็นชายหรือหญิงก็ยังไม่รู้ว่า เหตุใดจึงบอกว่าเป็นภัยคุกคามต่อโอรสท่านกัน
แต่นางไม่กล้าเอ่ย ฮองเฮากำลังมั่นอกมั่นใจว่าในครรภ์นางเป็นองค์ชาย
นางข้าหลวงหยวนได้แต่ทำใจยอมรับ กล่าวว่า “ฮองเฮาอย่าได้ทรงคิดไปไกลเช่นนั้นเพคะ ฝ่าบาทตอนนี้โปรดปรานพระสนมจ้าว บางทีก็เพราะให้เกียรติตระกูลจ้าว วันหน้าฮองเฮาพยายามรั้งพระทัยฝ่าบาทไว้ก็พอเพคะ ในวังแห่งนี้ฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสินพระทัยทุกอย่างเพคะ”
ฮองเฮาคิดแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย
ในตำหนักเฉาหยางกง พระสนมซูเฟยรู้ว่าเซียวเหวินอวี๋โปรดปรานพระสนมจ้าว ในใจก็เสียใจไม่อาจเอ่ย แต่หลังจากเสียใจแล้วก็มีความรู้สึกเข้าใจขึ้นมาทันที ระยะนี้ที่ฝ่าบาทโปรดปรานนาง ทำให้ในใจนางเกิดความรู้สึกที่ไม่ควรเกิด ตอนนี้นางเข้าใจแล้ว วันหน้านางจะทำหน้าที่พระสนมฝ่าบาทไปให้ดีที่สุดก็พอ สิ่งที่ไม่ควรคิดก็อย่าได้คิด
ในตำหนักชีเฟิ่งกง ยามนี้กลับเป็นอีกสภาพหนึ่ง พระสนมจ้าวบนเตียงหน้าแดงหอบหายใจหนัก บิดกายไปมาไม่หยุด สองมือยกขึ้นปัดป่ายคล้ายเฟ้นหาสิ่งใดบนเตียง
แต่บนเตียงกลับว่างเปล่า มีนางเพียงแค่คนเดียวที่บิดกายไปมาคล้ายกำลังแสดงละคร
ข้างเตียง เซียวเหวินอวี๋ก้มลงมองนางด้วยแววตาเยียบเย็น พระสนมจ้าวบิดกายไปมาคล้ายกับตัวตลกที่น่ารักเกียจอย่างมาก
ตระกูลจ้าวเป็นตระกูลที่เขารังเกียจอย่างที่สุด ไทเฮาจ้าวไม่สนใจบุตรชายแท้ๆ ตนเองเช่นนั้น นางเป็นหญิงโหดเหี้ยม ตระกูลจ้าวจะเป็นตระกูลดีอันใดได้
เซียวเหวินอวี๋จดจำเรื่องที่เซียวอวี้สุขภาพไม่ดีได้มาตลอด หากไม่ใช่ไทเฮาจ้าวปล่อยให้หลานสาวลงมือ สุขภาพเสด็จพ่อเขาย่อมไม่ย่ำแย่ลงเช่นนั้น
ตั้งแต่เซียวเหวินอวี๋เข้าวังมาก็ได้รับพระเมตตาจากเซียวอวี้มาก แม้ว่าเมื่อก่อนพวกเขาไม่เคยอยู่ด้วยกันมา แต่ช่วงระยะเวลานั้น เขารับรู้ได้ถึงความรักของเซียวอวี้ที่มีต่อเขา และเขาเองก็คล้ายว่ามีความผูกพันทางสายเลือด สนิทสนมใกล้ชิดกับบิดาอย่างมาก
คิดถึงว่าตอนนี้พระวรกายเสด็จพ่ออ่อนแอ เขาก็โมโหในความโหดเหี้ยมของตระกูลจ้าว ดังนั้นเขาจะโปรดปรานหญิงตระกูลจ้าวได้อย่างไร
แต่เพราะตอนนี้ตระกูลจ้าวกุมอำนาจการทหาร เซียวเหวินอวี๋ได้แต่ทำทีเสแสร้งเท่านั้น ในตำหนักซีเฟิ่งกง เขาวางยานาง ให้นางแสดงอยู่บนเตียงคนเดียว
เพราะเขาวางยากล่อมประสาทนาง พรุ่งนี้เช้า หญิงตระกูลจ้าวก็จะคิดว่าเขาโปรดปรานนางมา