ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 877 สงสัย
ตอนที่ 877 สงสัย
ลู่เจียวยิ้มเอ่ยเตือน “เจ้ารู้ไหมตอนเด็กเจ้ามาตระกูลเรา โตแล้วยังเอาเรื่องเช่นนั้น ก็พอเดาได้ว่าตอนเพิ่งจะคลอดจะเอาเรื่องเพียงใด วันหน้าอย่าได้รังเกียจบุตรชายเจ้า ล้วนเพราะถ่ายทอดมาจากเจ้า”
จ้าวอวี้หลัวเบื้อใบ้ไปทันที พูดไปพูดมาก็เพราะนางไม่ดีหรือ
จ้าวอวี้หลัวคิดไปก็รีบเปลี่ยนเรื่องสนทนา “ท่านแม่ ท่านวันนี้เข้าวังเป็นอย่างไรบ้าง ฮองเฮาให้กำเนิดราบรื่นไหม”
ลู่เจียวเล่าเรื่องฮองเฮาให้นางฟังรอบหนึ่ง จ้าวอวี้หลัวได้ยินว่าเพราะฮองเฮาให้กำเนิดองค์หญิงใหญ่จึงตกพระโลหิต ก็แค่นเสียงในลำคอกล่าวว่า “ให้กำเนิดบุตรีดีจะตาย ข้ายังอยากให้กำเนิดบุตรีเลย แต่กลับได้เจ้านี่มาทวงหนี้ได้”
ลู่เจียวยิ้มยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้ารู้จักพอเถอะ ครรภ์แรกได้บุตรชาย วันหน้าคลอดบุตรีก็ไม่มีผู้ใดนินทาเจ้าแล้ว บุตรชายคนนี้กู้หน้าให้เจ้าแล้ว วันหน้าห้ามแสดงอาการรังเกียจยามเขาเอาเรื่องอีกนะ”
จ้าวอวี้หลัวได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็คิดเหตุผลตามนี้จริง หากนางไม่มีบุตรชายให้ เอ้อร์เป่าก็ไม่มีทายาท จากนั้นก็จะรับอนุให้นางมีบุตรชายให้เขา ถึงตอนนั้นนางก็คงร้องไห้ ดังนั้นบุตรชายคนนี้ช่วยนางไว้จริงๆ
จ้าวอวี้หลัวครุ่นคิดมองไปยังหนูน้อยปู้ติงกล่าวว่า “ปู้ติง วันหน้าแม่จะไม่รังเกียจที่เจ้าเอาเรื่องอีกแล้ว แต่เรามาหารือกันก่อนดีหรือไม่ เจ้าแผดเสียงน้อยหน่อยได้หรือไม่ แม่เหนื่อย”
หนูน้อยปู้ติงหลับตาตั้งใจดูดนม ไม่สนใจมารดาตนเองแม้แต่น้อย
ลู่เจียวมองเขาแล้วก็นึกขำ หนูน้อยปู้ติงหน้าตาไม่เหมือนเอ้อร์เป่าเสียทีเดียว แต่เหมือนจ้าวอวี้หลัวมากกว่าหน่อย จ้าวอวี้หลัวให้กำเนิดหนูน้อยปู้ติงรูปงาม วันหน้าต้องเป็นชายหนุ่มรูปงามอย่างแน่นอน
แต่ชายหนุ่มรูปงามตอนนี้กำลังกินนมอยู่
ลู่เจียวคิดแล้วก็รู้สึกขำ ยื่นมือไปหยอกเขา แต่กลับถูกเขาคว้าไว้ได้
ลู่เจียวใจอ่อนยวบลงทันที แม่สามีและลูกสะใภ้สองคนกำลังมองดูหนูน้อยปู้ติง
นอกประตู ติงเซียงเดินเข้ามา “ฮูหยินเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ที่ท่านให้ไปหาแม่นม มากันแล้วเจ้าค่ะ”
ลู่เจียวได้ฟังรีบปล่อยมือหนูน้อยปู้ติง ยิ้มกล่าวว่า “ปู้ติง ท่านย่าไปหาแม่นมมาให้เจ้า จะได้ไม่เอาแต่เอาเรื่องท่านแม่เจ้า”
เพราะหนูน้อยปู้ติงกินเก่ง คืนหนึ่งกินสามรอบ ทำเอาจ้าวอวี้หลัวนอนหลับไม่สนิท
ลู่เจียวตัดสินใจว่าตอนกลางคืนจะให้แม่นมป้อนนมหนูน้อยปู้ติง กลางวันค่อยให้จ้าวอวี้หลัวป้อน
ลู่เจียวกล่าวกับปู้ติงจบ เงยหน้ามองไปยังจ้าวอวี้หลัว กล่าวน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ปู้ติงนอนแล้ว เจ้าเองก็นอนสักครู่ วันนี้แม่หาแม่นมมาให้ปู้ติงน้อยสองคน คืนนี้ให้แม่นมป้อนเขา วันหน้าเจ้าก็นอนให้สบาย กำลังอยู่เดือนอย่าได้เหน็ดเหนื่อยเกินไป”
“เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านแม่”
ต่อหน้าลู่เจียว จ้าวอวี้หลัวทำตัวสบายๆ อย่างมาก
ลู่เจียวลุกขึ้นนำติงเซียงออกไป เดินไปที่โถงหน้า ก็พอดีได้พบกับใต้เท้าเซี่ย
ปีนี้ใต้เท้าเซี่ยอายุสามสิบหก สวมชุดขุนนางสีดำคาดเข็มขัดหยกที่เอว งามสง่าจนไม่อาจบรรยาย เห็นอยู่ว่าอายุสามสิบหกแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีไขมันตามร่างกาย รูปร่างไม่แปรเปลี่ยน ใบหน้าก็ไม่แปรเปลี่ยน กิริยาท่าทางก็ทรงสง่าราศี นิ่งสุขุมแลดูสูงศักดิ์ ผู้ชายเช่นนี้ไม่ได้ล่อลวงสายตาสตรีน้อยกว่าหนุ่มน้อยสำอางสักเท่าไร
แต่หลายปีมานี้ใต้เท้าเซี่ยยังคงรักษาเนื้อรักษาตัวดี ไม่เคยมีสัมพันธ์กับหญิงอื่น ทำให้ลู่เจียวพึงพอใจอย่างมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินมาเห็นลู่เจียวก็ยิ้มตาหยี สายตาเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม
ใต้เท้าเซี่ยอดยืดอกไม่ได้ รอบกายเปล่งรัศมีเสน่ห์แห่งชายชาตรี
เขาอมยิ้ม แววตาดำขลับจ้องมองลึกซึ้ง หลายปีมานี้ความผูกพันของเขากับลู่เจียวนับวันจะยิ่งมากขึ้น บางครั้งเขารู้สึกว่านางเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา หากขาดนางไป เขาก็ไม่สมบูรณ์ ชีวิตที่เหลือคงน่าเศร้าอย่างมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดไปก็เดินถึงหน้าลู่เจียว ยื่นมือไปดึงนางเข้ามาใกล้ กระซิบข้างใบหูนางเบาๆ ว่า “สามีทำเจ้าหลงใหลใช่หรือไม่”
ลู่เจียวแสร้งทำเอนล้มในอ้อมแขนใต้เท้าเซี่ย “ใช่ ความงามใต้เท้าเซี่ยทำเอาข้าหลงใหลจนหลงลืมทิศทางไปหมดแล้ว ใต้เท้าเซี่ยรีบประคองข้าไว้เร็ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นถูกนางหยอกจนขำ ยื่นมือไปประคองนาง ทั้งสองคนเดินเคียงกันมาที่เรือนด้านหน้า คุยไปหัวเราะไปก่อนจะกลับมาที่เรื่องสำคัญ
ลู่เจียวถามเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างห่วงใย “วันนี้เหตุใดจึงได้กลับมาเร็ว”
“ระยะนี้ยุ่งอยู่สักหน่อย วันนี้ได้กลับมาพักผ่อนเร็วหน่อย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ คิดถึงว่าตอนเช้าลู่เจียวเข้าวังเฝ้าฮองเฮาคลอด ตอนนี้ลู่เจียวกลับมา ฮองเฮาน่าจะคลอดแล้ว
“ฮองเฮาให้กำเนิดราบรื่นดีไม่มีอันใดกระมัง”
ลู่เจียวเล่าเรื่องของฮองเฮาให้เขาฟังรอบหนึ่ง เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังก็ขมวดคิ้วทันที “ก็ขอให้ฮองเฮาอย่าได้ทำเรื่องโง่เขลา”
ลู่เจียวถอนหายใจกล่าวว่า “ข้าละกลัวนางทำเรื่องโง่เขลาจริงๆ เลย ก็เลยตัดสินใจว่าจะเข้าวังไปตรวจให้พระสนมซูเฟยทุกสามวัน อีกเดือนกว่าพระสนมซูเฟยก็จะคลอดแล้ว หากฮองเฮาทำร้ายนางก็อาจเกิดเหตุทีเดียวสองศพได้ง่าย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว กำชับกล่าวว่า “เจ้าระวังหน่อย ความปลอดภัยเจ้าเองสำคัญที่สุด”
“ข้าทราบแล้ว”
ลู่เจียวยื่นมือไปคล้องแขนเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวว่า “ข้าตัดสินใจหาแม่นมให้หนูน้อยปู้ติงสองคน ท่านพี่ไปเลือกกับข้าหน่อย”
“ตกลง”
ปรากฏแม่นมที่หามา พอเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็เอาแต่ส่งสายตาล่อลวงไม่หยุด
แม่นมเหล่านี้ส่วนใหญ่อายุสิบเจ็ดสิบแปด คิดว่าตนเองสาวกว่าลู่เจียว ไม่แน่ว่าอาจล่อลวงใต้เท้าเซี่ยได้เข้ามาอยู่ตระกูลเซี่ยได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นสีหน้าบรรดาแม่นมก็อดมีสีหน้าดำทะมึนไม่ได้ ลู่เจียวมองเขาพลางบ่นพึมพำว่า “โฉมงามหายนะโดยแท้ โฉมงามหายนะโดยแท้”
แม่นมที่คิดหมายปองใต้เท้าเซี่ย อยากเข้ามาเป็นคนตระกูลเซี่ย ลู่เจียวไม่สนใจสักคน ขับไล่ไปหมด สุดท้ายเหลือไว้เพียงแม่นมที่ท่าทางซื่อสัตย์
“เอาละ เหลือไว้คนหนึ่งก่อน ไว้วันหน้าหากนมไม่พอก็ค่อยหาใหม่”
ลู่เจียวให้แม่นมอื่นไปกันให้หมด เหลือไว้เพียงแม่นมที่สงบเสงี่ยม ถามนางแล้ว หากนางไม่มีปัญหาอันใด ก็ให้นางอยู่ต่อ รับหน้าที่ป้อนนมหนูน้อยปู้ติงยามค่ำคืน
สามวันต่อมา ลู่เจียวเข้าวังมาตรวจอาการให้พระสนมซูเฟยหวังเมิ่งเหยา
หลังตรวจก็ไม่พบเหตุผิดปกติอันใด
ลู่เจียวก็โล่งอก นางกลัวว่าฮองเฮาจะทำอันใดพระสนมซูเฟย ตอนนี้ดูท่าตนเองคิดมากไปแล้ว ตอนนี้ฮองเฮาเพิ่งจะตกพระโลหิตหนักมา น่าจะไม่มีแรงทำอันใด
“พระสนมระยะนี้มีตรงไหนไม่สบายหรือไม่”
แม้ว่าลู่เจียวตรวจไม่พบอันใด แต่ก็ยังตั้งใจสอบถามพระสนมซูเฟยอย่างละเอียด
พระสนมซูเฟยได้ฟังก็ลังเลครู่หนึ่ง ลู่เจียวเห็นก็รีบถามอย่างห่วงใยว่า “มีตรงไหนผิดปกติใช่หรือไม่”
พระสนมซูเฟยคิดถึงบุตรของนาง นางไม่กลัวตนเองเกิดเรื่อง แต่นางไม่อยากให้บุตรตนเองเกิดเรื่อง
“วันนี้นอนถึงเที่ยงคืนก็พลันมีอาการใจสั่น ถึงกับรู้สึกหายใจไม่ทัน เมื่อก่อนไม่เคยเป็น ท่านน้าลู่ว่านี่เป็นอาการปกติของหญิงตั้งครรภ์หรือไม่ แต่ข้ามักรู้สึกว่าใจสั่นครั้งนี้นานไปสักหน่อย เมื่อก่อนเพียงแต่ไม่นานก็ผ่านไป แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกว่าใจสั่นไม่หยุด และยังหายใจไม่ทัน ข้ามักรู้สึกว่ามีอันใดผิดปกติ แน่นอนว่าอาจเป็นข้าระแวงไปเองก็เป็นได้ น้าลู่ตรวจให้ข้าอย่างละเอียดได้หรือไม่”