ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 878 จับกุม
ตอนที่ 878 จับกุม
ลู่เจียวได้ฟังคำพระสนมซูเฟยก็มิได้ตำหนินางที่คิดระแวงมากไป แต่เริ่มรอบคอบขึ้นมา ความจริงเทียบกับหมอแล้ว ตนเองย่อมรู้จักตนเองดีที่สุด
ลู่เจียวยื่นมือไปตรวจให้พระสนมซูเฟยอย่างละเอียด หลังตรวจเสร็จ ก็ยังคงไม่พบความผิดปกติใด
ลู่เจียวตัดสินใจตรวจเลือดให้พระสนมซูเฟย แม้ว่านางใช้ยาปฏิชีวนะและยาอื่นหมดแล้ว แต่ในห้วงอากาศยังมีเครื่องมือใช้งานได้
“ข้าตรวจเลือดให้เจ้าหน่อย ดูว่ามีพิษแอบซ่อนอันใดหรือไม่ บนโลกเรานี้มีพิษบางอย่างตรวจสอบไม่ออก”
พระสนมซูเฟยได้ยินลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ กลับรู้สึกเก้กังที่ตนเองอาจคิดมากเกินไป
นางรู้ความสามารถน้าลู่ นางตรวจสองรอบก็ไม่พบอันใด หากตรวจเลือดยังไม่พบอีก นางก็คงเกรงใจอยู่บ้างเช่นกัน
“ท่านน้าลู่ แล้วไปดีกว่า ท่านตรวจไม่พบก็คงไม่มีอันใดเป็นแน่”
ลู่เจียวไม่อยากให้เกิดเหตุผิดพลาดอันใด ยืนยันจะตรวจให้พระสนมซูเฟย “ช่วยเจ้าตรวจเลือดก่อนจึงจะวางใจได้หน่อย”
พระสนมซูเฟยเห็นลู่เจียวยืนยัน และไม่ได้มีท่าทีตำหนินาง นางเองก็คิดอยากให้บุตรชายปลอดภัย
ใช่แล้ว พระสนมซูเฟยได้ยินลู่เจียวบอกแล้วว่าครรภ์นางเป็นชาย เพราะรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์องค์ชายและเห็นฮองเฮาให้กำเนิดองค์หญิงใหญ่ นางก็เป็นห่วงว่าฮองเฮาจะลงมือกับพวกนางสองแม่ลูก ดังนั้นจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ เกรงว่าจะตกหลุมอุบายฮองเฮา
ลู่เจียวดูดตัวอย่างเลือดจากหวังเมิ่งเหยาทันที จากนั้นก็อ้างว่ากลัวหวังเมิ่งเหยาเห็นเลือดแล้วจะรับไม่ได้ จึงนำเลือดไปตำหนักข้างก่อนจะเข้าไปทดสอบในห้วงอากาศ
เดิมลู่เจียวเพียงแค่ต้องการความสบายใจ คิดไม่ถึงว่าพอทดสอบก็ถึงกับพบว่าเหตุจริงๆ
เลือดหวังเมิ่งเหยามีสารพิษชนิดหนึ่ง พิษชนิดนี้เบาบางมาก ตรวจพบได้ยาก เป็นน้ำมันจากปลาทะเลน้ำลึกที่มีพิษ จะทำให้ชีพจรสับสน ขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจ ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน
เช่นนี้ก็จะทำให้คนเข้าใจไปว่าผู้ป่วยตายด้วยอุบัติเหตุ หากนางไม่มีเครื่องมือก็ตรวจไม่ออกว่าหวังเมิ่งเหยาโดนวางยาพิษ
ลู่เจียวตรวจพบพิษชนิดนี้แล้วก็มีสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง โชคดีที่พบได้ทันกาล ตอนนี้ยังไม่ถึงชีวิต แต่นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าคนบงการมีใจคิดสังหารพระสนมซูเฟย เรื่องนี้ทำให้ลู่เจียวโมโหเดือดดาลอย่างมาก
นางออกมาจากตำหนักข้างก็สั่งการให้ขันทีที่เฝ้าอยู่ด้านนอก “รีบไปทูลเชิญฝ่าบาทมาที่นี่”
ขันทีรับคำไปทูลเชิญเซียวเหวินอวี๋
ลู่เจียวเดินเข้าไปในตำหนักหวังเมิ่งเหยา หวังเมิ่งเหยาเห็นท่าทางนางก็นึกกังวลทันที “ท่านน้าลู่ ลูกข้าไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”
ลู่เจียวเดินเข้าไปมองนาง กล่าวว่า “มีปัญหาจริง แต่เพราะพบได้เร็ว จึงไม่ส่งผลกระทบต่อเจ้ากับลูกในท้อง เจ้าอย่าได้เป็นห่วง ข้าให้คนไปทูลเชิญฝ่าบาทาแล้ว รอฝ่าบาทเสด็จมา ข้าก็จะบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับพวกเจ้าทีเดียว”
หวังเมิ่งเหยาได้ฟังวาจานี้ก็ผ่อนคลายลง ยื่นมือออกไปกุมมือลู่เจียวไว้แน่น “น้าลู่ ขอบคุณน้าลู่มาก ขอบคุณจริงๆ”
ลู่เจียวส่ายหน้า “ไม่เป็นอันใด ยังดีที่เจ้ารู้สึกได้เอง หากไม่ใช่เจ้าพบความผิดปกติ ข้าก็ตรวจไม่ออก วันหน้าเจ้าต้องระวังหน่อย ไม่สบายที่ใดก็ให้บอกข้า”
“เจ้าค่ะ”
เซียวเหวินอวี๋มาถึงอย่างรวดเร็ว พอมาถึงก็ถามลู่เจียวทันที “ท่านแม่ เป็นอันใดหรือ เมิ่งเหยามีปัญหาอันใดหรือ”
ลู่เจียวกวักมือเรียกให้เขามานั่ง พอเขานั่งลงเรียบร้อย ก็กล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “มีคนวางยาเมิ่งเหยา เป็นน้ำมันจากปลาทะเลน้ำลึกที่มีพิษ อาจทำให้คนกล้ามเนื้อหัวใจวาย เมิ่งเหยาพบได้เร็ว ตอนนี้ไม่เป็นอันใดแล้ว อีกสักครู่แม่จะให้นางกินยาถอนพิษ ตอนนี้นางกับลูกก็จะปลอดภัย แต่ฝ่าบาทต้องทรงตรวจสอบให้ดีว่าผู้ใดบงการเรื่องนี้ หาไม่เช่นนั้นเมิ่งเหยากับลูกก็จะอันตรายมาก”
เซียวเหวินอวี๋รู้ว่าในครรภ์พระสนมซูเฟยเป็นองค์ชาย ก็คือองค์ชายใหญ่ของเขา เทียบกับองค์หญิงใหญ่แล้ว เขาให้ความสำคัญกับองค์ชายใหญ่มากกว่า อีกอย่าง ลูกคนนี้ถือกำเนิดจากพระสนมซูเฟย ทำให้ เซียวเหวินอวี๋เฝ้ารอคอยเขาอย่างมาก
ตั้งแต่หวังเมิ่งเหยาตั้งครรภ์ก็ทุ่มเทความพยายามปกป้องเขาอย่างดีที่สุด อาหารการกินก็จะให้เป็นประโยชน์ต่อบุตรเป็นสำคัญ เพราะลู่เจียวแนะนำว่าหญิงตั้งครรภ์ให้กินเกลือแต่น้อยและรสชาติอาหารต้องจืด นางก็กินแต่อาหารรสจืดมาตลอด แม้ไร้รสชาติแต่ก็พยายามทำมาได้ เสื้อผ้าที่สวมก็เป็นเสื้อผ้าเรียบง่ายอย่างที่สุด ปกติยังทำตามคำขอท่านแม่ตน ร้องเพลงอ่านหนังสือให้บุตรในท้องฟัง
เซียวเหวินอวี๋มองออกว่าหวังเมิ่งเหยาพยายามเพื่อบุตรคนนี้อย่างที่สุด
เซียวเหวินอวี๋เห็นแล้วก็ซาบซึ้งใจ นี่คือมารดาที่ดี มีมารดาเช่นนี้สอนบุตร ย่อมต้องยอดเยี่ยม
ดังนั้นเขาจึงเฝ้ารอคอยบุตรชายคนนี้อย่างมาก ยามปกติก็มักมาคุยกับหวังเมิ่งเหยาเรื่องบุตรชายคนนี้ ทั้งสองคนต่างมีความสุขมาก บางครั้งเขาก็อ่านหนังสือให้บุตรชายฟัง ยังลูบคลำครรภ์หวังเมิ่งเหยา สนทนากับบุตรชายในครรภ์นาง
ตอนนี้พอมาได้ยินว่าหวังเมิ่งเหยาถูกพิษ เซียวเหวินอวี๋ก็โมโหเดือดดาลอย่างที่สุด รีบสั่งให้โจวโย่วจิ่นไปสืบว่าเป็นฝีมือผู้ใด
โจวโย่วจิ่นอยู่ในวังมาปีกว่า วางกำลังเส้นสายไว้ในวังทุกซอกมุมแล้ว เขาได้รับสั่งก็รีบไปสืบทันที ไม่นานก็สืบได้ว่า ข้าหลวงหยวนในตำหนักฮองเฮาดูผิดปกติ จากนั้นก็มารายงานเซียวเหวินอวี๋
เซียวเหวินอวี๋รับสั่งเย็นเยียบทันที “ไปจับกุมตัวนังผู้นั้นมาให้เรา สั่งกักบริเวณฮองเฮาในตำหนักคุนหนิงกง ห้ามออกจากตำหนักคุนหนิงกงแม้แต่ก้าวเดียว”
โจวโย่วจิ่นรับคำไปตามจ้าวเหิงให้นำคนไปจับกุมคนที่ตำหนักคุนหนิงกง
จ้าวเหิงกับม่อเป่ยได้เป็นหัวหน้าองครักษ์พกดาบระดับหนึ่งในวัง แบ่งกันรับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในวังหลวงสองรอบ
ตอนนี้จ้าวเหิงรับหน้าที่ลาดตระเวนตรวจตราในวัง ดังนั้นโจวโย่วจิ่นจึงไปตามเขานำคนตามเขาไปจับกุมคนที่ตำหนักคุนหนิงกง
ฮองเฮากับข้าหลวงหยวนคิดไม่ถึงว่าจะถูกพบได้รวดเร็วง่ายดายเพียงนี้ ฮองเฮาตกใจจนสีหน้าซีดเผือด เดิมนางให้กำเนิดบุตรตกพระโลหิตมาก ยามนี้ต้องมาตกใจหวาดกลัว ทำให้สีหน้ายามนี้ไร้ซึ่งสีเลือด
แต่พอเห็นข้าหลวงหยวนถูกจับกุม นางก็ยังดึงดันตะโกนดังว่า “หยุดนะ พวกเจ้าทำอันใด ถึงกับกล้าบุกมาตำหนักข้าจับกุมคนของข้า ข้าหลวงหยวนเป็นข้าหลวงปรนนิบัติข้า ข้าไม่อาจขาดนางได้”
น่าเสียดายโจวโย่วจิ่นกับจ้าวเหิงไม่สนใจนาง กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “กระหม่อมรับคำสั่งให้มาจับกุมคน ฮองเฮาอย่าได้ทรงทำให้พวกเราต้องลำบากใจ”
จ้าวเหิงกล่าวจบก็โบกมือให้องครักษ์ด้านหลังเข้าจับกุมตัวข้าหลวงหยวนไป
ข้าหลวงหยวนรู้ว่าเรื่องนี้ล้มเหลวแล้ว นางมีแต่ตายสถานเดียว
ข้าหลวงหยวนหันไปมองฮองเฮาด้วยสายตาสับสนยิ่ง หากไม่ใช่ฮองเฮาเอาแต่ขอร้องนาง นางก็คงไม่ไปทำร้ายพระสนมซูเฟย หลังฮองเฮารู้ว่าตนเองไม่อาจให้กำเนิดได้อีก ก็คิดทำร้ายพระสนมซูเฟย จากนั้นก็แย่งชิงองค์ชายใหญ่จากพระสนมซูเฟย เช่นนั้นนางก็จะได้ควบคุมองค์ชายใหญ่เอาไว้ ดำรงตำแหน่งฮองเฮามั่นคง
เดิมข้าหลวงหยวนไม่เห็นด้วยที่ฮองเฮาจะทำเช่นนี้ ฝ่าบาททรงปรีชาเช่นนั้น หากพบร่องรอย ไม่เพียงแต่นาง เกรงว่าแม้แต่ฮองเฮาก็คงไม่รอด
อย่างไรพระสนมซูเฟยก็ตั้งครรภ์องค์ชายใหญ่ นั่นเป็นโอรสองค์แรกของฮ่องเต้ จะถูกคนทำร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร
แต่ฮองเฮาไม่รับฟัง ยืนยันความคิดตนเอง สุดท้ายถึงกับคุกเข่าขอร้องข้าหลวงหยวน นางได้แต่เห็นด้วย คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่สามวันก็ถูกพบร่องรอยแล้ว