ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 881 ฉีหลิน
ตอนที่ 881 ฉีหลิน
ในตำหนักเฉาหยางกง ตั้งแต่เซียวเหวินอวี๋เอ่ยเช่นนั้น พระสนมซูเฟยหวังเมิ่งเหยาก็ยิ่งอึ้งไปเป็นนาน จนกระทั่งเซียวเหวินอวี๋ไปแล้ว นางจึงเริ่มตั้งสติได้
ฝ่าบาทบอกว่านอกจากฮองเฮา ไม่ได้ทรงแตะต้องพระสนมใด เช่นนั้นความหมายก็คือนอกจากฮองเฮากับนาง เขาไม่ได้เคยร่วมเตียงโปรดปรานสตรีใด
หวังเมิ่งเหยาเชื่อคำพูดเซียวเหวินอวี๋ ในฐานะฮ่องเต้แคว้นต้าโจว เซียวเหวินอวี๋ไม่มีเหตุผลที่จะหลอกนาง
ดังนั้นหลายวันนี้ เขาไปตำหนักอื่นก็เพียงแต่ทำทีเท่านั้น
หวังเมิ่งเหยาคิดถึงเรื่องเหล่านี้ก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ แต่ในใจเบิกบานใจมีความสุข สีหน้าแย้มบานอย่างไม่รู้ตัว นางยื่นมือขึ้นลูบครรภ์ตนเอง กล่าวกับลูกในท้องว่า “ลูกแม่ เจ้าได้ยินคำพูดเสด็จพ่อเจ้าไหม เสด็จแม่ดีใจมากเลย”
หวังเมิ่งเหยาถูกวางยา แม้ว่าไม่เป็นอันใด แต่ก็ยังคงส่งผลต่อนางอยู่บ้าง
ครึ่งเดือนถัดมา นางก็จะคลอดแล้ว
เซียวเหวินอวี๋ตกใจ เพราะตามหลักยังไม่ได้เวลาคลอด
เซียวเหวินอวี๋ให้โจวโย่วจิ่นออกจากวังหลวงในคืนนั้น ไปเชิญลู่เจียวเข้าวัง
ลู่เจียวได้ยินรายงานของโจวโย่วจิ่น ก็ไม่กล้ารอช้า รีบนั่งรถม้าเข้าวัง
ตำหนักเฉาหยางกง เซียวเหวินอวี๋นำคนมารออยู่นอกตำหนัก มีเสียงร้องเจ็บปวดของหวังเมิ่งเหยาดังมาจากพระตำหนักข้าง
เซียวเหวินอวี๋อดเป็นห่วงไม่ได้ เดินไปมาอยู่หน้าประตูตำหนัก
ลู่เจียวเห็นเขาเช่นนี้ก็รีบเอ่ยปลอบใจอ่อนโยนว่า “อวี๋เอ๋อร์ อย่าได้เป็นห่วง แม่จะเข้าไปดูสักหน่อย”
เซียวเหวินอวี๋เห็นลู่เจียวมาก็เบาใจลงทันที “อืม มีท่านแม่อยู่ ข้าวางใจแล้ว”
ลู่เจียวไม่กล่าวอันใดอีก เดินเข้าไปในพระตำหนักข้าง หวังเมิ่งเหยาเห็นลู่เจียวมาก็โล่งอก ความกลัวที่มีก็พลันเบาบางลง
“ท่านน้าลู่ ลูกข้าจะไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”
ลู่เจียวเดินเข้าไปปลอบใจนาง “ข้าตรวจให้เจ้าหน่อย อย่าได้เป็นห่วง จะไม่เป็นอันใด”
นางเพิ่งตรวจให้หวังเมิ่งเหยาเสร็จ ก็แน่ใจว่าหวังเมิ่งเหยาแม้ว่าคลอดก่อนกำหนด แต่ไม่เป็นอันใด พลันโล่งอก “แม้ว่าคลอดก่อนกำหนด แต่ไม่เป็นอันใด ดังนั้นเมิ่งเหยา เจ้าอย่าได้เป็นห่วง จะไม่เป็นอันใด”
ลู่เจียวกล่าวจบคิดถึงว่าเซียวเหวินอวี๋ที่รออยู่ด้านนอก ก็ลุกขึ้นเดินที่ประตูเอ่ยบอกกับเซียวเหวินอวี๋ว่า “อวี๋เอ๋อร์ แม้ว่าเมิ่งเหยาคลอดก่อนกำหนด แต่เด็กกับมารดาไม่เป็นอันใด เจ้าอย่าได้เป็นห่วง”
“อย่างนั้นก็ดี รบกวนท่านแม่ช่วยดูแลอยู่ในนั้นด้วย”
“แม่รู้แล้ว”
ตำหนักคุนหนิงกง ฮองเฮาเผยอวี่แม้ว่าถูกกักบริเวณ แต่ก็ยังได้ข่าวพระสนมซูเฟยหวังเมิ่งเหยาจะคลอดก่อนกำหนดเพราะโดนนางวางยาพิษก่อนหน้านี้
เผยอวี่ได้ฟังก็ดีใจตื่นเต้นไม่ระงับ หวังเมิ่งเหยาคงไม่ตายกระมัง หากเป็นเช่นนั้นได้ก็จะดีมาก
น่าเสียดายหวังเมิ่งเหยาไม่ได้เกิดเรื่องดังที่นางหวัง พอฟ้าสางก็ให้กำเนิดองค์ชายใหญ่ราบรื่น แม่ลูกปลอดภัย แม้องค์ชายใหญ่คลอดก่อนกำหนด แต่เพราะตอนเขาอยู่ครรภ์ ลู่เจียวให้หวังเมิ่งเหยากินน้ำพุจิตวิญญาณที่ผสมอยู่ในยาบำรุงครรภ์ ดังนั้นองค์ชายใหญ่จึงแข็งแรงมาก แม้ว่าหน้าตาคล้ายหวังเมิ่งเหยามากสักหน่อย แต่เซียวเหวินอวี๋ก็ยังคงดีใจ ขอให้ลู่เจียวตั้งชื่อเล่นให้องค์ชายใหญ่
ชื่อเล่นของบรรดาหลานตระกูลเซี่ยล้วนให้ลู่เจียวตั้ง ลู่เจียวก็มิได้ปฏิเสธ ตั้งชื่อให้องค์ชายใหญ่ทันที “ชื่อว่าฉีหลิน[1]ก็แล้วกัน ฉีหลินน้อย”
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังรู้สึกว่าไม่เลว เอ่ยเรียกองค์ชายใหญ่ทันที เพราะครั้งก่อนเคยอุ้มองค์หญิงใหญ่มาครั้งนี้มีประสบการณ์แล้ว ดังนั้นเขาอุ้มองค์ชายใหญ่ทะมัดทะแมง หวังเมิ่งเหยาบนเตียงเห็นแล้วก็ชื่นชมยินดีอย่างมาก
ราชวงศ์มีองค์ชายใหญ่ ขุนนางในราชสำนักต่างพากันยินดีปรีดา ยามประชุมท้องพระโรงยามเช้า เซี่ยโส่วฝู่ก็นำทูลแสดงความยินดีต่อฝ่าบาท
มิผิด เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นโส่วฝู่แคว้นต้าโจวต่อจากเผยโส่วฝู่
“กระหม่อมขอแสดงความยินดีต่อฝ่าบาทที่ได้ทรงมีพระโอรสพ่ะย่ะค่ะ”
“แคว้นต้าโจวมีผู้สืบทอดแล้ว”
ในราชสำนักต่างมาพากันดีใจ
เซียวเหวินอวี๋เลิกประชุมท้องพระโรงยามเช้าก็ทนดีใจไม่ไหว นำคนออกจากวังหลวงไปตำหนักตากอากาศนอกวังเข้ารายงานเรื่องนี้ต่อเซียวอวี้
เซียวอวี้ได้ยินก็ดีใจนพูดไม่ออก สีพระพักตร์แจ่มใสขึ้นมาทีอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า ถามเซียวเหวินอวี๋อย่างห่วงใยว่าตั้งชื่อองค์ชายใหญ่แล้วหรือยัง
เซียวเหวินอวี๋รีบบอกว่าชื่อเล่นตั้งแล้ว ชื่อจริงยังไม่ตั้ง ขอให้เซียวอวี้ช่วยตั้วชื่อให้องค์ชายใหญ่
เซียวอวี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “เฉิน[2] ปณิธานกว้างไกล สืบทอดสายโลหิตตระกูลโจวเราดำรงยั่งยืนยาวต่อไป”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่พระราชทานชื่อ”
เซียวอวี้เงยหน้ามองไปยังเซียวเหวินอวี๋ คิดไม่ถึงว่าบุตรชายตนเองถึงกับมีบุตรแล้ว แต่ฮ่องเต้คิดถึงว่าองค์ชายใหญ่ไม่ได้ถือกำเนิดจากฮองเฮา สุดท้ายก็รู้สึกน่าเสียดาย ถอนหายใจถามอย่างห่วงใยกล่าวว่า “องค์หญิงใหญ่สบายดีไหม”
ก่อนหน้านี้พระราชทานแต่งตั้งเผยอวี่เป็นฮองเฮาของบุตรชาย คิดว่าบุตรีตระกูลเผยอบรมมาย่อมต้องดำรงจารีตงดงาม เป็นแบบอย่างสตรีใต้หล้า คิดไม่ถึงว่าเขากลับมองพลาดไป ฮองเฮาไม่คู่ควรเป็นฮองเฮา
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังเซียวอวี้ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ตั้งแต่เขาสั่งกักบริเวณฮองเฮาก็ไม่เคยไปดูองค์หญิงใหญ่อีก
เซียวอวี้เห็นสีหน้าเขาก็พอเดาออก มองเซียวเหวินอวี๋กล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เหวินอวี๋ องค์หญิงใหญ่ก็เป็นบุตรเจ้า”
เซียวเหวินอวี๋พลันคิดถึงว่าองค์หญิงใหญ่หน้าตาคล้ายตน ในใจก็รู้สึกผิด
“ข้ากลับเข้าวังแล้วก็จะไปเยี่ยมองค์หญิงใหญ่”
เซียวอวี้พยักหน้า คิดถึงองค์หญิงหมิงจูพระธิดาตนเอง เขามองเซียวเหวินอวี๋กล่าวว่า “หมิงจูปีนี้สิบสี่แล้ว ในฐานะเสด็จพี่ เจ้าควรเลือกคู่ครองที่ดีให้นางสักคน”
ในวังจะได้ลดจำนวนคนขวางหูขวางตาเซียวเหวินอวี๋ลง
แม้ว่าเซียวอวี้อยู่ร่วมกับเซียวเหวินอวี๋ได้ไม่นานก็รู้นิสัยบุตรชายเขาค่อนข้างชัดเจน ชอบก็คือชอบ เกลียดก็คือเกลียด ก่อนหน้านี้หมิงจูหาเรื่องเขา ในใจเขาย่อมไม่พอใจนาง
เซียวอวี้เองก็ไม่ได้อยากให้เขาสนิทสนมกับหมิงจู เพียงแต่อยากให้หาคู่ครองที่ดีให้หมิงจู ให้นางแต่งออกไป จะได้ไม่อยู่ขวางหูขวางตาเขา
แม้ว่าเซียวเหวินอวี๋ไม่พอใจองค์หญิงหมิงจู แต่พอคิดถึงว่านางเป็นองค์หญิงที่เสด็จพ่อทรงโปรดปราน ก็ยอมตกลง “พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะจดจำเรื่องนี้ไว้”
เซียวอวี้คุยกับเซียวเหวินอวี๋ได้อีกครู่หนึ่ง สองคนพ่อลูกจึงได้แยกจากกัน เซียวเหวินอวี๋กลับเข้าวังแล้วก็ไม่ร้อนใจไปจัดการราชกิจ แต่ตรงไปตำหนักคุนหนิงกง
เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าองค์หญิงใหญ่ถึงกับเพิ่งจะคลอดก็ผอมซูบเช่นนี้ แม้แต่เสียงร้องไห้ก็ยังแผ่วเบาราวกับลูกแมว
ฮองเฮาเผยอวี่ไม่เพียงแต่ไม่สนใจองค์หญิงใหญ่ เห็นเขามาก็ถึงกับเอาแต่แต่งตัวเองให้งดงาม
เซียวเหวินอวี๋มองฮองเฮาด้วยสายตาเย็นเยียบ “เผยอวี่ นี่เป็นบุตรีแท้ๆ ของเจ้า เจ้าถึงกับไม่ได้รักทะนุถนอมนางแม้แต่น้อย เจ้ายังคู่ควรเป็นมารดาอีกหรือ”
เผยอวี่ได้ฟังก็คิดเอ่ยอธิบาย “ฝ่าบาท ระยะนี้ข้าอยู่เดือน ไม่ได้สนใจองค์หญิงใหญ่ จะต้องเป็นพวกบ่าวทารุณองค์หญิงใหญ่เป็นแน่ เจ้าพวกบ่าวน่ารังเกียจถึงกับทำกับองค์หญิงใหญ่เช่นนี้”
เผยอวี่กล่าวจบก็ร้องไห้เดินเข้าไปคิดอุ้มองค์หญิงใหญ่ น่าเสียดายเซียวเหวินอวี๋ยกมืออุ้มองค์หญิงใหญ่ออก ไม่ยอมให้เผยอวี่อุ้ม
“เจ้าไม่คู่ควรเป็นมารดาองค์หญิงใหญ่ ในเมื่อเจ้าไม่รักนางก็ไม่ต้องเลี้ยงดูนางแล้ว”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบก็อุ้มองค์หญิงใหญ่เดินจากไปยังตำหนักเฉาหยางกง แต่พอเดินถึงหน้าประตูตำหนักเฉาหยางกงก็ชะงัก สัญชาตญาณของเขาก่อนหน้านี้ก็คือคิดจะอุ้มองค์หญิงใหญ่มาให้พระสนมซูเฟย เลี้ยง แต่พอมาถึงหน้าประตูตำหนัก เขาจึงเพิ่งนึกได้ว่าพระสนมซูเฟยเพิ่งจะให้กำเนิดองค์ชายใหญ่ นางมีองค์ชายใหญ่ต้องดูแล ไม่มีทางดูแลองค์หญิงใหญ่ได้
แต่จะมอบองค์หญิงใหญ่ให้พระสนมอื่น เซียวเหวินอวี๋ก็ไม่เชื่อใจหญิงเหล่านั้น
ในวังนี้คนที่ทำให้เขาเชื่อใจได้ตอนนี้มีเพียงพระสนมซูเฟย
[1] แปลว่ากิเลน
[2] อักษรที่ใช้หมายถึงตำแหน่งฮ่องเต้