ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 885 สิ้นพระชนม์
ตอนที่ 885 สิ้นพระชนม์
ในห้องเซียวเหวินอวี๋และลู่เจียวกำลังนิ่งอึ้งตกใจ เพราะตระกูลจ้าวแม้ว่ากุมอำนาจการทหาร แต่ไม่มีกองกำลังอยู่ในเมืองหลวง ตอนนี้คนเหล่านี้มาจากไหนกัน
เซียวเหวินอวี๋พลันคิดเข้าใจทันที มองไปยังซูกุ้ยไท่เฟย “ขุนพลจ้าว ขุนพลจ้าวไหนกัน”
ซูกุ้ยไท่เฟยรีบกล่าวว่า “บุตรชายคนโตจ้าวกั๋วกง ขุนพลจ้าวเหลย”
จ้าวเหลยขุนนางระดับสี่ขุนพลทหารปราบปัศจิม ไม่มีคำสั่งแอบลอบกลับเมืองหลวง ยังนำทหารกลับมาเมืองหลวงมากมายซุ่มลอบสังหารเขา
ดีมาก เยี่ยมมากจริงๆ
เซียวเหวินอวี๋แววตาเข้มมองไปยังเซี่ยวั่งเทียนด้วยประกายดุดัน “รีบเคลื่อนกองกำลังค่ายใหญ่ไปล้อมจวนตระกูลจ้าวจับกุมจ้าวเหลย”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
เซี่ยวั่งเทียนรับคำออกไปสั่งการให้คนไปเคลื่อนกำลังจากค่ายใหญ่นอกเมืองมา ส่วนตนเองนำคนมาอารักขาฝ่าบาท
เซียวเหวินอวี๋ส่งให้คนไปจับจ้าวเหลยแล้วก็ไม่ได้สนใจเรื่องทางตระกูลจ้าวอีก แต่มองไปยังลู่เจียว “เสด็จพ่อข้า ยังมีหนทางช่วยได้อีกหรือไม่”
ลู่เจียวมองเขา เลิกคิ้วกล่าวว่า “ข้าทำให้ไท่ซั่งหวงฟื่นได้ เพียงแต่ฟื้นแล้ว เขาก็คงถึงเวลาแล้ว”
เซียวอวี้ผ่านเหตุลอบทำร้ายมาทั้งชีวิต หลายครั้งที่ร่างกายนี้โดนวางยาพิษ ยังเคยแช่ในน้ำเย็นจัด เคยโดนอาวุธบาดเจ็บหลายครั้ง หากครั้งนี้ไม่ถูกวางยา ไม่แน่ว่าอาจมีอายุได้อีกสองสามปี ผู้ใดจะรู้ว่าซูกุ้ยไท่เฟย ถึงกับวางยาพิษเขา ครั้งนี้เขาคงไม่อาจทนต่อไปได้อีกแล้ว
ลู่เจียวกล่าวจบ ซูกุ้ยไท่เฟยก็คุกเข่าลงทันที แผดเสียงร้องไห้ดังลั่น “ไม่ ขุนพลจ้าวบอกกับข้าว่านั่นเป็นเพียงแค่ยาสลบ ยาไท่ซั่งหวงไม่มีพิษ ไม่ใช่ยาพิษ”
แต่ไรมาซูกุ้ยไท่เฟยไม่เคยคิดวางยาพิษเซียวอวี้ ก่อนหน้านี้จ้าวเหลยบอกกับนางเพียงแค่ว่าเป็นยาสลบ ทำให้ไท่ซั่งหวงสลบไป รอให้กำจัดเซียวเหวินอวี๋ เขาฟื้นขึ้นมาก็ทำอันใดไม่ได้แล้ว
ดังนั้นซูกุ้ยไท่เฟยคิดว่ามาตลอดว่าวางยาสลบให้เซียวอวี้ ไม่ใช่ยาพิษ
ข้างเตียงลู่เจียวแค่นยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ต้องว่าเจ้าโง่เอง เจ้ายังไม่ยอมรับอีกหรือ หากตระกูลจ้าวไม่กำจัดไท่ซั่งหวง แม้กำจัดฝ่าบาท ไท่ซั่งหวงก็มีราชโองการกวาดล้างตระกูลจ้าวเก้าชั่วโคตร ตระกูลจ้าวกล้าเสี่ยงภัยนี้หรือ”
ซูกุ้ยไท่เฟยตกใจดิ้นรนเข้าไปหาเซียวอวี้ น่าเสียดายนางถูกคนจับกุมไว้แล้ว ได้แต่ส่งเสียงร้องไห้ดังลั่น “ไท่ซั่งหวง หม่อมฉันไม่ได้ต้องการเช่นนี้ หม่อมฉันไม่รู้”
ตอนนั้นนางได้ยินขุนพลจ้าวเหลยบอกว่าจะส่งเสริมบุตรชายนางขึ้นสู่ตำแหน่ง นางดีใจมาก ไหนเลยจะคิดมากเช่นนั้น
ซูกุ้ยไท่เฟยกับไทเฮาจะเหมือนกันได้หรือ นางอยากเป็นไทเฮา
แต่คิดไม่ถึงว่า นั่นจะเป็นยาพิษ
เซียวเหวินอวี๋รังเกียจอย่างที่สุด มองไปยังซูกุ้ยไท่เฟย โบกมือสั่งการ “นำตัวนางออกไป”
เขากล่าวจบแม้แต่เจาไท่เฟยและองค์ชายทั้งสองในห้องก็ไม่อยากมองหน้าอีก เมื่อก่อนเขาเห็นแก่เสด็จพ่อ เก็บน้องชายสองคนนี้ไว้ แต่คิดไม่ถึงว่าเก็บภัยร้ายเอาไว้ หากไม่มีพวกเขา ตระกูลจ้าวก็คงไม่คิดวิธีการ แอบอ้างพระนามโอรสสวรรค์สั่งการผู้ครองรัฐ
“นำตัวพวกเขาออกไปให้หมด”
เจาไท่เฟยตกใจร้องไห้สะอึกสะอื้น “ฝ่าบาท ซูกุ้ยไท่เฟยทำร้ายไท่ซั่งหวง หม่อมฉันไม่ได้ทำอันใด ทรงให้หม่อมฉันกับองค์ชายอยู่เป็นเพื่อนฝ่าบาทด้วยเพคะ”
องค์ชายสี่สามขวบตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดมารดา ไม่กล้ามองเสด็จพี่ท่าทางดุร้ายในห้อง
เซียวเหวินอวี๋มองเจาไท่เฟยด้วยสายตาเย็นเยียบทีหนึ่ง กล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าไม่ได้ทำอันใดก็ไม่มีความผิดหรือ”
หากตระกูลจ้าวส่งเสริมองค์ชายขึ้นสู่ตำแหน่ง อย่างไรก็คงไม่ตกมาถึงองค์ชายสามเก้าชันษา องค์ชายสี่สามชันษาเหมาะเป็นหุ่นเชิดยิ่งกว่า นับประสาอันใดกับตระกูลเบื้องหลังซูกุ้ยไท่เฟยก็คือจวนชิ่งหนิงโหว หากองค์ชายสามขึ้นสู่ตำแหน่ง จวนชิ่งหนิงโหวย่อมเข้ามาข้องเกี่ยว ยากควบคุม เทียบกับองค์ชายสาม เห็นได้ชัดองค์ชายสี่ควบคุมง่ายกว่า
ตระกูลเดิมของเจาไท่เฟยเป็นจือฝู่อยู่นอกพื้นที่ ไม่อาจต่อกรกับตระกูลจ้าวได้ ดังนั้นตระกูลจ้าวหากจะเลือกย่อมต้องเลือกองค์ชายสี่ของเจาไท่เฟย ส่วนองค์ชายสามกับซูกุ้ยไท่เฟยก็แค่หมากตัวหนึ่งของตระกูลจ้าวเท่านั้น
รอพวกเขาสังหารเขาแล้ว ย่อมลงโทษซูกุ้ยไท่เฟยกับองค์ชายสาม ถึงตอนนั้นตระกูลจ้าวผลักความผิดทั้งหมดไปที่ซูกุ้ยไท่เฟยกับองค์ชายสาม พวกเขาจึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด
ช่างดีดลูกคิดไว้พร้อมสรรพเสียจริง
เจาไท่เฟยได้ฟังเซียวเหวินอวี๋ก็นิ่งอึ้ง “ฝ่าบาทหมายความเยี่ยงไรเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋แค่นหัวเราะออกคำสั่งทันที “นำตัวเจาไท่เฟยออกไปสอบปากคำ เราจะดูว่าปากนางจะแข็งเพียงใด”
เจาไท่เฟยตกใจล้มลง ไม่ทันได้นำตัวไปสอบปากคำก็สารภาพหมดสิ้น
“ใช่เพคะ คนตระกูลจ้าวบอกว่าจะส่งเสริมโอรสหม่อมฉันขึ้นเป็นฮ่องเต้ หม่อมฉันไม่ได้ทำอันใด พวกเราไม่ได้ทำอันใด”
เจาไท่เฟยเอ่ยเช่นนี้ ซูกุ้ยไท่เฟยยังมีอันใดไม่เข้าใจ ที่แท้นางเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่ง แม้ตระกูลจ้าวสังหารฝ่าบาทได้ ก็ยังคงสังหารนางกับองค์ชายสามอยู่ดี
ซูกุ้ยไท่เฟยโมโหอย่างมาก มองไปยังเจาไท่เฟย คำรามดังว่า “นังชั้นต่ำ เหตุใดไม่พูด เหตุใดไม่พูดให้กระจ่าง”
เจาไท่เฟยรู้จักแต่ร้องไห้
เซียวเหวินอวี๋ขี้เกียจจะมองดูพวกนางกัดกันเอง ออกคำสั่งดุดันลงไปว่า “นำตัวพวกนางไปขังให้หมด”
ซูกุ้ยไท่เฟยกับเจาไท่เฟยถูกนำไปขัง จากนั้นไม่นานเซียวอวี้ก็ฟื้นขึ้นมา ยามนี้เขาดูกำลังวังชาไม่เลว แต่ลู่เจียวบอกกับเซียวเหวินอวี๋แล้ว นี่คือปฏิกิริยาสะท้อนกลับสุดท้าย ให้เขารีบพูดจากับเซียวอวี้
ความจริงเซียวอวี้เองก็รู้ตนเองใกล้ถึงเวลาแล้ว เขาไม่เสียใจ เพียงแต่เป็นห่วงเซียวเหวินอวี๋ เห็นว่าแม้เซียวเหวินอวี๋บาดแผลเต็มตัว แต่เขาไม่เป็นอันใด เขาก็วางใจ
“เจ้าไม่เป็นอันใดก็ดี ไม่เป็นอันใดก็ดี”
เขากล่าวจบมองไปยังเซียวเหวินอวี๋กล่าวว่า “เสด็จพ่อผิดต่อเจ้า หาเรื่องยุ่งยากให้เจ้ามากมาย”
หากจัดการส่งองค์ชายสามกับองค์ชายสี่ไปก่อนหน้านี้ ก็คงไม่ปล่อยเป็นภัยร้ายต่อเซียวเหวินอวี๋มากมายเช่นนี้
เซียวเหวินอวี๋เห็นเซียวอวี้ไม่ไหวแล้ว ไหนเลยจะทำใจตำหนิเสด็จพ่อตนเองได้ลง เขาคุกเข่าอยู่หน้าเตียงเซียวอวี้ เอ่ยปลอบใจเขา “เสด็จพ่อ ไม่ใช่ความผิดท่าน แต่เป็นพวกโจรแซ่จ้าวสมควรตาย”
เซียวอวี้ได้ฟังก็คิดถึงตระกูลจ้าว คิดถึงเสด็จแม่ตน เขาค่อยๆ คลี่ยิ้มบาง กล่าวว่า “ตระกูลจ้าวก่อกบฏ สมควรตาย”
เขากล่าวจบก็มองไปยังเซียวเหวินอวี๋ ออกคำสั่งเสียสุดท้าย “องค์ชายสาม ส่งไปเฝ้าสุสานกับเสด็จพี่ใหญ่เขา ส่วนองค์ชายสี่ส่งไปครอบครัวชาวบ้านก็แล้วกัน ซูกุ้ยไท่เฟยกับเจาไท่เฟยพระราชทานสุราพิษ ฝังสุสานสนมชั้นเฟย”
เซียวอวี้ดิ้นรนเฮือกสุดท้ายจบก็ยิ้มจากไป
ในห้องพลันเงียบกริบ สุดท้ายลู่เจียวเอ่ยขึ้นว่า “ฝ่าบาท ไท่ซั่งหวงสิ้นพระชนม์แล้ว”
ในที่สุดเซียวเหวินอวี๋ก็หลั่งน้ำตาออกมา “เสด็จพ่อ”
โจวโย่วจิ่นรีบประกาศข่าวไท่ซั่งหวงสิ้นพระชนม์ออกไป “ไท่ซั่งหวงสิ้นพระชนม์แล้ว”
ทุกคนนอกห้องได้ยินเสียงประกาศดังจากในห้องก็ลงคุกเข่า
ซูกุ้ยไท่เฟยกับเจาไท่เฟยต่างก็ร่ำไห้เช่นกัน
ยามนี้ทั้งสองคนต่างนึกเสียใจภายหลังอย่างมาก ไท่ซั่งหวงดีกับพวกนางและองค์ชายทั้งสองไม่เลว
เขาบอกกับพวกนางทั้งสองคนเสมอว่า ให้อบรมองค์ชายสามกับองค์ชายสี่ให้ดี วันหน้าฝ่าบาทจะแต่งตั้งพวกเขาเป็นอ๋อง รอให้พวกเขาโต พวกนางก็ตามไปใช้ชีวิตกับบุตรชายได้
คิดไม่ถึงว่าพวกนางกลับทำลายทุกอย่างลงหมดสิ้นเช่นนี้
ตนเองยากหนีความตายพ้น องค์ชายทั้งสองเกรงว่าก็คงมีจุดจบไม่ดีนัก
“ไท่ซั่งหวง”