ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 886 ยกทัพออกศึก
จวนจ้าวกั๋วกง จวนหนิงชิ่งโหวและตระกูลเดิมของจ้าวไท่เฟยที่อยู่ไกลถึงเซียงโจว ล้วนถูกเซียวอวี้มีราชโองการให้กวาดล้าง
ขุนนางในราชสำนักและราษฎรในเมืองหลวงต่างรู้เรื่องตระกูลจ้าวก่อกบฏ ไม่เพียงวางยาพิษไท่ซั่วหวง แต่ยังคิดปลงพระชนม์ฝ่าบาท
ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างโจษจันกันขึ้นทันที ทุกคนต่างด่าทอตระกูลจ้าวจิตใจชั่วร้าย ไร้ความเป็นคน ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเป็นฮ่องเต้ที่ดี พวกเขาถึงกับคิดปลงพระชนม์ ตระกูลจ้าวไม่ใช่คน
พริบตาตระกูลจ้าวและตระกูลเฝิงก็ถูกคนด่าจนราวกับสุนัขตกน้ำ ทุกคนพากันด่าทอคิดทุบตี
ตระกูลจ้าวและตระกูลเฝิงถูกจับเข้าคุก
แต่แม่ทัพจ้าวเหลยหายตัวไปไร้ร่องรอย
เซียวเหวินอวี๋มีราชโองการส่งคนไปจับกุมจ้าวเหลย แม่ทัพเฟิงรับคำสั่งนำทหารไปยังด่านหลงไห่จับกุมจ้าวกั๋วกงสองพ่อลูก
น่าเสียดายแม่ทัพเฟิงได้ข่าวมาระหว่างทางว่าขุนพลจ้าวก่อกบฏที่ด่านหลงไห่ ไม่เพียงก่อกบฏ แต่ยังเข้ายึดสามเมืองในคืนเดียว แต่งตั้งตนเองเป็นฮ่องเต้ที่เมืองติ้งเฉิง
ข่าวนี้มาถึงเมืองหลวง ทุกคนต่างโจษจันแตกตื่นกันอีกครั้ง ยามนี้ต่างด่าทอตระกูลจ้าวไร้ยางอาย ถึงกับมีหน้าแต่งตั้งตนเองเป็นฮ่องเต้ที่เมืองติ้งเฉิง เขามันตัวอันใดกัน
เซียวเหวินอวี๋ได้รับข่าวด่วนก็ไม่มีเวลาสนใจเรื่องงานศพของเซียวอวี้ รีบเรียกประชุมขุนนางหารือเรื่องไปตามจับโจรแซ่จ้าว
ในที่ประชุมขุนนาง ขุนนางทุกคนต่างให้ความเห็นกันมากมายเรื่องจับกุมโจรแซ่จ้าว
มีคนเสนอให้แม่ทัพเฟิงนำทหารไปจับกุมจ้าวกั๋วกง มีคนเสนอให้เคลื่อนกำลังซีเป่ยไปจับกุมที่เมืองติ้งเฉิง มีคนเสนอให้เกลี้ยกล่อมให้ยอมจำนน
สุดท้ายเซียวเหวินอวี้ไม่รับสักความเห็น ออกคำสั่งเสียงเข้มว่า “ครั้งนี้เราจะนำทัพไปเอง”
เขาต้องการสังหารโจรแซ่จ้าวแก้แค้นให้เสด็จพ่อด้วยตนเอง
เซียวเหวินอวี้เอ่ยขึ้น ทุกคนในที่นั่นพากันลงคุกเข่า “พระวรกายฝ่าบาทสำคัญที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาทควรทะนุถนอมพระวรกาย อย่าได้นำทัพไปด้วยพระองค์เองนะพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เจ้าโจรแซ่จ้าวกำลังคลุ้มคลั่ง หากฝ่าบาทนำทัพไปเอง เขาอาจฮึกเหิมสังหาร ทำร้ายฝ่าบาทเข้าจะทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงเกลี้ยกล่อมดังขึ้นทั่วท้องพระโรง มีเพียงเซี่ยโส่วฝู่ที่ยังคงนิ่ง
เสนาบดีกรมคลังจ้าวหลิงเฟิง หรือก็คือหย่งหนิงโหว อดส่งเสียงเรียกเขาไม่ได้ “ใต้เท้าเซี่ย ท่านรีบทูลเตือนฝ่าบาทเร็วเข้า”
จ้าวหลิงเฟิงเองก็ไม่อยากให้ฝ่าบาทนำทัพด้วยพระองค์เอง เป็นห่วงจริงๆ ว่าฝ่าบาทจะเกิดอันตราย
เขามองออกว่าแม้ฝ่าบาทยังหนุ่ม แต่ก็เป็นฮ่องเต้ปรีชา แคว้นต้าโจวต้องการเขา เขาไม่อยากให้ฮ่องเต้ไปเสี่ยงภัย
เพียงแต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับเห็นด้วยให้เซียวเหวินอวี้นำทัพไปด้วยตนเอง
เขารู้ว่าฝ่าบาทเหตุใดต้องนำทัพไปด้วยตนเอง นี่เป็นโอกาสอันดีที่เขาจะได้สำแดงบารมี ก่อนหน้านี้เขานำเสนอระเบียบนโยบายใหม่มาแล้ว หากมีเรื่องนำทัพไปปราบโจรแซ่จ้าวด้วยตนเองครั้งนี้มาเพิ่มอีก วันหน้าทั้งแคว้นต้าโจวก็จะอยู่ในกำมือเขา ไม่มีผู้ใดกล้าสงสัยในคำพูดเขาอีก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดเรื่องนี้ได้แล้ว ก็ไม่ได้คิดห้ามฮ่องเต้นำทัพด้วยพระองค์เอง
เขาลงคุกเข่าเอ่ยว่า “กระหม่อมเห็นด้วยที่ฝ่าบาทจะทรงนำทัพด้วยพระองค์เอง โจรจ้าวก่อกบฏ ทำร้ายไท่ซั่งหวง ในฐานะบุตร ฝ่าบาทนำทัพจึงจะทำให้ตระกูลจ้าวหวาดกลัว หากจับกุมตระกูลจ้าวได้ ก็จะทำให้ไท่ซั่งหวงได้รู้ในน้ำพระทัยฝ่าบาท”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยเช่นนี้ ทุกคนก็ไม่อาจเอ่ยอันใดได้อีก ได้แต่คิดให้ถี่ถ้วนก็รู้สึกว่าใต้เท้าเซี่ยมีเหตุผล เพียงแต่คิดถึงอันตรายที่ฝ่าบาทต้องเผชิญยามยกทัพไปแล้ว หลายคนก็เป็นห่วง
“ฝ่าบาทนำทัพอันตรายมากจริงๆ เซี่ยโส่วฝู่ เรื่องนี้ควรหารือวางแผนกันให้ดีก่อน”
“ใช่แล้ว อันตรายมาก ตอนนี้จ้าวกั๋วกงเหมือนเสียสติไปแล้ว หากเขาคิดจบสิ้นไปพร้อมกับฝ่าบาท ฝ่าบาทย่อมตกอยู่ในอันตราย”
ในท้องพระโรง เซียวเหวินอวี๋ออกคำสั่งเสียงเข้ม “เราตัดสินใจแล้ว ทุกคนไม่ต้องเอ่ยอีก”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบก็มีราชโองการ “อู่กั๋วกงรับราชโองการ”
อู่กั๋วกงก้าวออกมาทันที เซียวเหวินอวี๋มีราชโองการ “รีบนำทหารร้อยนายขี่ม้าเร่งเดินทางไปซีเป่ย ให้แม่ทัพหวังนำทหารมาช่วยเมืองหลิงเฉิง”
ถัดจากเมืองติ้งเฉิงก็คือเมืองหลินเฉิง เมืองหลินเฉิงมีกำลังทหารจำกัด หากซีเป่ยไม่ส่งกำลังมาเพิ่ม เมืองหลิงเฉินน่าจะถูกโจรแซ่จ้าวยึดครองไป
พวกเขาทางนี้ก็จะเร่งเคลื่อนทัพไป แต่เพราะทหารกองใหญ่ ไม่อาจเดินทางได้รวดเร็ว
หากซีเป่ยไม่ส่งทหารไปช่วยเมืองหลินเฉิง เมืองหลินเฉิงก็จะตกอยู่ในอันตราย
อู่กั๋วกงรับคำสั่งออกไปที่ค่ายใหญ่นำกำลังทหารร้อยนายเร่งเดินทางไปซีเป่ย
เซียวเหวินอวี๋มีคำสั่งให้แม่ทัพเฟิงนำกำลังทหารแปดหมื่นเดินทางไปช่วยเมืองหลินเฉิง
ฝ่าบาทนำทัพด้วยพระองค์เอง เรื่องในราชสำนักมอบให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับรองโส่วฝู่ดูแล
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหาเวลากลับไปตระกูลเซี่ย คิดบอกให้ลู่เจียวเตรียมยาให้เซียวเหวินอวี๋นำไปด้วย ป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้น
ลู่เจียวได้ยินข่าวนี้ ไหนเลยจะวางใจได้ สุดท้ายตัดสินใจติดตามเซียวเหวินอวี๋ไปออกศึกปัศจิม
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินก็ตกใจ “เจ้าบอกว่าเจ้าจะตามฝ่าบาทไปหรือ”
เขารู้ว่าหากลู่เจียวไป ฝ่าบาทก็จะปลอดภัย แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยังไม่วางใจ “เจียวเจียว อันตรายเกินไป เจ้าอย่าไปเลย เจ้าวางใจ ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทได้พบเจอกับอุปสรรคมา ย่อมต้องมีเตรียมตัวรอบคอบ ตอนนี้เขามีใจคิดป้องกันแล้ว ย่อมไม่เกิดเรื่องอันใดแน่”
ลู่เจียวรู้ว่าหลักการเป็นเช่นนี้ แต่ก็ไม่วางใจ สุดท้ายนางมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “อวิ๋นจิ่น เจ้าควรรู้ว่าข้าจะไม่เป็นอันใด ให้ข้าไปออกศึกนี้กับฝ่าบาทเถอะนะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองนาง รู้ว่านางไม่วางใจให้ฝ่าบาทไปคนเดียว และนางยังมีห้วงอากาศ ติดตามฝ่าบาทไปย่อมเหมาะสมที่สุด
สุดท้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยินยอม มองนางเอ่ยว่า “นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย วันหน้าอย่าได้เอาแต่ใจเช่นนี้อีก”
ลู่เจียวยิ้มรับปาก รีบไปเตรียมของออกศึกปัศจิม สุดท้ายก็ไปบอกเรื่องนี้กับแฝดชายหญิง
แฝดชายหญิงนิ่งอึ้ง ท่านแม่จะตามพี่สี่ไปออกศึกปัศจิม
อู่เป่าแสดงท่าทีว่าจะตามท่านแม่ไปด้วย
เซี่ยหลิงหลงได้ยินก็จะไปด้วย ลู่เจียวห้ามพวกเขาไว้
“ไม่ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น นี่ไปออกศึก จะพาพวกเจ้าไปได้อย่างไร รอครั้งหน้าไปเที่ยว แม่จะพาพวกเจ้าไปด้วย”
แฝดชายหญิงไหนเลยจะยอม โดยเฉพาะอู่เป่าแสดงท่าทียืนยันหนักแน่นอย่างมาก “ไม่ได้ ท่านแม่ไป พวกเราไม่วางใจ พวกเราต้องไปกับท่านแม่”
แฝดชายหญิงโตจนป่านนี้ไม่เคยห่างจากลู่เจียว ตอนนี้ให้มาห่างจากลู่เจียว และลู่เจียวยังไม่ออกศึกปัศจิม พวกเขาก็ยิ่งไม่วางใจ
ลู่เจียวเห็นอู่เป่ากับเซี่ยหลิงหลงห้ามนาง ก็พลันนึกได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนนางพาอู่เป่าเข้าไปในห้วงอากาศ ไม่รู้ว่าตอนนจะพาแฝดชายหญิงเข้าไปในห้วงอากาศได้หรือไม่
ลู่เจียวคิดแล้วก็กวักมือเรียกแฝดชายหญิงเข้ามา จูงมือพวกเขาไว้คนละข้าง จากนั้นก็แอบท่องคำว่า เข้า
ปรากฏนางพาแฝดชายหญิงเข้ามาในห้วงอากาศได้จริงๆ
แฝดชายหญิงเข้ามาในห้วงอากาศแล้วก็ไม่รู้ว่าคือที่ใด พากันตกใจอย่างมาก
“ท่านแม่ที่นี่คือที่ใดกัน”
ลู่เจียวดีใจอย่างที่สุด ไม่คิดว่าแฝดชายหญิงถึงกับตามนางเข้ามาในห้วงอากาศได้ เป็นเรื่องดีจริง
“นี่คือห้วงอากาศในตัวแม่ พวกเจ้าดูนี่คือน้ำพุจิตวิญาณ ในน้ำพุมีสารอาหารทำให้ร่างกายแข็งแรง ยังมีที่นานี่ เพราะในอากาศมีกลิ่นอายวิเศษ สมุนไพรที่เติบโตที่นี่จึงได้ผลดีเป็นพิเศษ อีกอย่าง นี่มีห้องไม้ไผ่สามห้อง ในนั้นมีหนังสือของแม่”
แฝดชายหญิงถูกลู่เจียวลากไปแนะนำเรื่องราวในห้วงอากาศตนเองราวกับคนเซ่อซ่า
เด็กสองคนรู้สึกอัศจรรย์มาก เป็นนานกว่าได้สติหันไปมองลู่เจียว
“ท่านแม่ ท่านเป็นเทพธิดาหรือ ที่ตัวท่านแม่ถึงกับมีของอัศจรรย์เช่นนี้ด้วย พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม พี่สี่พวกเขารู้หรือไม่”
ลู่เจียวได้ยินแฝดชายหญิงถามก็รีบมองพวกเขากล่าวว่า “นอกจากแม่ ก็มีพวกเจ้าสองคนที่เข้ามาได้ คนอื่นหากจะเข้ามา แม่ต้องทำให้เขาสลบก่อน ครั้งก่อนอู่เป่าถูกจับตัวไป เดิมแม่คิดทำให้สลบก่อนพาเข้าไป ปรากฏเขาเข้าไปได้ทั้งที่ยังไม่สลบ ดังนั้นแม่จึงรู้ว่าพวกเจ้าอาจจะเข้ามาได้”
ลู่เจียวกล่าวจนสุดท้ายมองไปยังแฝดชายหญิง เอ่ยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “แม่บอกพวกเจ้าเรื่องนี้ ก็เพราะต้องการให้พวกเจ้าวางใจ มีห้วงอากาศนี้ แม่จะไม่เป็นอันใด กลับกันยังปกป้องพี่สี่เจ้าได้ หากเขาเกิดอันตราย แม่ก็จะตีให้เขาสลบแล้วพาเขาเข้าไปในห้วงอากาศ แม่จะไปออกศึกปัศจิมก็เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นกับเขา”
แฝดชายหญิงได้ฟังก็เข้าใจ ในที่สุดก็วางใจ เพียงแต่อู่เป่าน้อยยังคงตัดใจแยกจากมารดาไม่ได้
“แต่ข้าไม่อยากแยกจากท่านแม่นี่”
ลู่เจียวยิ้มลูบศีรษะเขา “เอาละ แม่จะรีบกลับมา”
นางกล่าวจบกำชับแฝดชายหญิงกล่าวว่า “แต่เรื่องนี้เป็นความลับของพวกเราสามแม่ลูกนะ แม่ไม่อยากให้พวกเจ้าบอกเรื่องนี้กับพี่ชายเจ้า พวกเขาไม่รู้เรื่องนี้ เพราะพวกเขาเข้ามาไม่ได้ ดังนั้นแม่ไม่คิดบอกพวกเขาเรื่องนี้”
แฝดชายหญิงตกใจ สุดท้ายทั้งสองคนต่างดีใจมาก อู่เป่าน้อยเบิกบานใจไม่อาจเอ่ยเป็นวาจาใด เขามีความลับร่วมกับท่านแม่แล้ว
เซี่ยหลิงหลงนึกแปลกใจ “ท่านแม่ เหตุใดพวกเราเข้ามาได้ แต่พี่ชายทั้งสี่กลับไม่ได้”
หากบอกว่าพี่สี่เข้าไปไม่ได้ยังพอรับได้ แต่เหตุใดต้าเป่า เอ้อร์เป่า ซานเป่าก็เข้ามาไม่ได้
ลู่เจียวรู้สึกว่าอาจเพราะสามคนนั้นไม่ใช่นางให้กำเนิดเอง ดังนั้นไม่อาจเข้าห้วงอากาศได้ แน่นอนวาจานี้นางไม่อาจเอ่ยกับแฝดชายหญิง
นางยิ้มมองแฝดชายหญิงกล่าวว่า “นี่เป็นวาสนา คนไร้วาสนาก็เข้ามาไม่ได้”
แฝดชายหญิงฟังเข้าใจ พยักหน้ากล่าวว่า “ที่แท้เป็นเช่นนี้”
ลู่เจียวเห็นพวกเขาสองคนเข้ามาได้ ก็อดคิดไม่ได้ว่า หากแฝดชายหญิงหยดโลหิตไว้บนลายเพลิงเมฆาในห้วงอากาศนาง พวกเขาก็จะมีตราประทับนี้ได้หรือไม่ เข้าออกเองได้หรือไม่ ลู่เจียวตัดสินใจทดลองดู
“พวกเราออกไปกันเถอะ”
สามแม่ลูกออกจากห้วงอากาศมา ลู่เจียวรีบดึงเข็มเงินออกมาแสดงท่าทางจะแทงแฝดชายหญิงคนละที แฝดชายหญิงไม่เข้าใจแต่ก็ปล่อยให้ลู่เจียวทำ
ลู่เจียวแทงแล้วบีบโลหิตออกมาหยดหนึ่ง หยดลงไปบนปานรูปเพลิงเมฆาบนฝ่ามือตน ปรากฏโลหิตจางหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นที่ฝ่ามือแฝดชายหญิงก็ถึงกับค่อยๆ ปรากฏปานรูปเพลิงเมฆา เพียงแต่ปานของพวกเขาจางกว่าของลู่เจียวมาก
แต่แม้เป็นเช่นนี้ลู่เจียวก็ดีใจมาก นางมองแฝดชายหญิงกล่าวว่า “พวกเจ้าสองคนลองนึกในใจดูว่าจะเข้าไป ดูว่าเข้าไปในห้วงอากาศได้หรือไม่”
เด็กน้อยสองคนรีบลองทำ แค่เพียงพริบตาก็หายตัวไปทันที
ฝ่ามือลู่เจียวกะพริบไม่หยุด แฝดชายหญิงเข้าไปในห้วงอากาศได้ก็ตะโกนเรียกอย่างดีใจ “ท่านแม่ พวกเราเข้ามาได้แล้ว พวกเราเข้ามาได้แล้วจริงๆ”
ลู่เจียวได้ยินเสียงดังมาจากห้วงอากาศก็อดดีใจไม่ได้ แฝดชายหญิงไม่เพียงแต่เข้าไปในห้วงอากาศได้ นางยังได้ยินเสียงพวกเขาได้ ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ
“ดีมาก ออกมาได้แล้ว”