ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 888 เกลี้ยกล่อมให้มอบตัว
ตอนที่ 888 เกลี้ยกล่อมให้มอบตัว
เซียวเหวินอวี๋นั่งอยู่บนหลังม้ามองลงมาพลางโบกมือให้ราษฎรรอบกายด้วยท่าทางอ่อนโยนยิ่ง
ฮ่องเต้หนุ่มประทับบนหลังม้าสูง รูปงามราวเทพสวรรค์ ราษฎรที่ได้เห็นต่างรู้สึกว่ารอบกายเขาราวกับมีลำแสงสีทองอาบไว้ชั้นหนึ่ง
คนไม่น้อยเห็นเช่นนี้ก็คุกเข่าลงด้วยสัญชาตญาณ แซ่ซ้องสรรเสริญทรงพระเจริญ พร้อมกับตะโกนดังว่า “ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถ เป็นวาสนาแห่งแคว้นต้าโจว พวกเราจะต้องจัดการโจรกบฏให้สิ้นซาก”
เซียวเหวินอวี๋พยักหน้าเล็กน้อยกล่าวน้ำเสียงหนักแน่น “มารไม่อาจเหนือเทพ เราต้องจับโจรแซ่จ้าวมาตัดหัว ขจัดภัยแทนใต้หล้า”
“ฝ่าบาททรงพระเจริญ ทรงพระเจริญทรงพระเจริญหมื่นๆ ปี”
เสียงแซ่ซ้องดังก้องไปทั่ว
เซียวเหวินอวี๋นั่งรถม้าตรงไปยังที่ว่าการเมืองหลินเฉิง
พอเข้าไปนั่งในที่ว่าการ จือฝู่เมืองหลินเฉิงรีบรายงานผลการรบอย่างนอบน้อม
เซียวเหวินอวี๋มองจือฝู่เมืองหลินเฉิง อายุสี่สิบกว่าผู้นี้ มองออกว่าคนผู้นี้ทำงานมีความสามารถไม่เลว รู้ว่ากำลังทหารเมืองหลินเฉิงไม่อาจต้านทานกำลังทหารโจรแซ่จ้าวได้ ก็นำราษฎรมาร่วมด้วย จึงได้รักษาเมืองหลินเฉิงไว้ได้
“อืม ไม่เลว”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบเอ่ยขึ้นว่า “คืนนี้ทุกคนพักผ่อนกันก่อน พรุ่งนี้ฟ้าสางก็จะเดินทางไปตีเมืองติ้งเฉิง”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบ พวกแม่ทัพเฟิงก็แปลกใจ พวกเขาไม่ควรรีบบุกไปตีเมืองติ้งเฉิงหรือ
ขุนพลทหารอดก้าวขึ้นหน้ามาไม่ได้ “ฝ่าบาท พวกเราควรเข้าตีเมืองติ้งเฉิงในคืนนี้มากกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเหวินอวี๋เหลือบมองพวกแม่ทัพเฟิงทีหนึ่ง ค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “เรากำลังรอคนผู้หนึ่ง รอนางมาถึง ค่อยยกทัพตีเมืองติ้งเฉิง”
พวกแม่ทัพเฟิงต่างพากันงงงัน แต่เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้อธิบาย สั่งการทุกคนไปพักผ่อน
สุดท้ายเขาเหลือเอ้อร์เป่าไว้คนเดียว
ก่อนหน้านี้เอ้อร์เป่าเห็นผู้อื่นอยู่ จึงยืนรักษาระเบียบตามธรรมเนียม พอคนไปกันหมด เขาก็กระโดดเข้าไปกอดซื่อเป่าอย่างดีใจ
“คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ฝ่าบาทถึงกับยกทัพมาเอง ไม่เลว ไม่เลว เยี่ยมมาก”
เซียวเหวินอวี๋ยกมือกอดเขาพร้อมกันชกใส่ทีหนึ่ง
“เป็นอย่างไรบ้างพี่รอง ระยะนี้สบายดีหรือไม่”
“นอกจากไม่มีให้รบแล้ว เรื่องอื่นก็ดีหมด ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทส่งทูตไปเจรจาตลาดการค้ากับสิบสองชนเผ่าเร่ร่อนแล้วไม่ใช่หรือ หากไม่เหนือความคาดหมายก็คงเจรจาสำเร็จ ถึงตอนนั้นก็ไร้สงครามแล้ว”
เซียวเหวินอวี๋มองเอ้อร์เป่าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมกล่าวว่า “แม้ตลาดการค้าจะทำสำเร็จ พวกเราก็ไม่อาจประมาทได้ ยังควรฝึกฝนทหารอยู่ตลอด ป้องกันพวกชนเผ่าเร่ร่อนสิบสองชนเผ่าลงมือตอนพวกเราเผลอ”
เอ้อร์เป่าได้ฟังขมวดคิ้วทันที “ฝ่าบาทกล่าวได้ถูกต้อง กระหม่อมชะล่าใจเกินไป”
แต่เซียวเหวินอวี๋หัวเราะทันที ดึงเอ้อร์เป่ามากล่าวว่า “พี่รอง รอให้กวาดล้างโจรแซ่จ้าวหมดสิ้น ข้าจะให้พี่รองประจำด่านหลงไห่ดีหรือไม่”
เอ้อร์เป่าได้ฟังก็ตื่นเต้น จ้องมองเซียวเหวินอวี๋ การได้ตำแหน่งประจำด่านหลงไห่ก็เท่ากับวันหน้าเขาสามารถยืนบัญชาการด้วยตนเองได้คนเดียวได้แล้ว
เขาทำได้หรือ
“ฝ่าบาท กระหม่อมทำได้หรือ”
“เราเชื่อว่าพี่สามทำได้”
เอ้อร์เป่ารีบตบหน้าอกรับรองกล่าวว่า “กระหม่อมจะต้องเฝ้าด่านหลงไห่ให้ฝ่าบาทอย่างดี”
“ตกลง”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบ พลันเอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ก็มาด้วย”
เอ้อร์เป่าอึ้งไปครู่หนึ่ง คิดว่าฟังผิด “ทรงว่าผู้ใดมานะ”
“ท่านแม่ไง คืนนี้นางก็คงถึง”
เอ้อร์เป่าได้ฟังขมวดคิ้ว “นาง นางมาได้อย่างไร”
จากนั้นก็เขยิบเข้ามาสัพยอกซื่อเป่า “ท่านแม่ ไม่วางใจเจ้าหรือ”
เอ้อร์เป่ากล่าวจบก็แสร้งทำท่าปวดใจ
เซียวเหวินอวี๋ยิ้มได้ใจ กล่าวว่า “หรือว่าไม่วางใจเจ้ากันแน่”
เอ้อร์เป่ายื่นมือไปต่อยเซียวเหวินอวี๋ทีหนึ่ง “น้องชาย พอได้แล้วกระมัง”
สองพี่น้องคุยกันอยู่ในห้องเฮฮาได้ครู่หนึ่ง ไม่มีความรู้สึกเหินห่างแม้สักนิด คล้ายว่าเหมือนดังเช่นตอนยังเป็นเด็ก
คืนนั้น ลู่เจียวกับไทฮองไทเฮาตระกูลจ้าวและคนอื่นๆ ก็มาถึงเมืองหลินเฉิง
ตลอดทางมา ไทฮองไทเฮาหาโอกาสข้ออ้างไม่น้อยเพื่อยื้อเวลา ไม่อยากมาเมืองหลินเฉิง
น่าเสียดายตลอดทางมีลู่เจียวมาด้วย ไม่ว่านางแสร้งเป็นลมหรือแสร้งตาย สุดท้ายก็ถูกลู่เจียวฝังเข็มจนฟื้น สุดท้ายนางไม่เสแสร้งอีกแล้ว จะได้ไม่ต้องรับทุกข์
แต่ไทฮองไทเฮาก็เกลียดลู่เจียวเข้ากระดูกดำ ตลอดทางมานี้ด่าทอนางมาไม่น้อย
แน่นอนว่านางไม่กล้าด่าต่อหน้าเซียวเหวินอวี๋ เริ่มแรกยังด่าต่อหน้าลู่เจียว แต่พอด่าก็จะถูกลู่เจียวปักมาเข็มหนึ่ง สุดท้ายแม้แต่ต่อหน้าลู่เจียวก็ไม่กล้าด่าทอแล้ว ได้แต่แอบด่า
ยามนี้นางนึกเสียใจภายหลังอย่างที่สุดเรื่องหนึ่ง ตอนนั้นรู้ว่าลู่เจียวเลี้ยงดูเจ้าเลือดชั่วเซียวเหวินอวี๋มาจนเติบใหญ่ เหตุใดนางไม่ลงมือจัดการสองแม่ลูกในตอนนั้น หากจัดการไปตอนนั้น ไหนเลยจะต้องมาทนรับทุกข์อยู่ในตอนนี้
แต่ไม่ว่าไทฮองไทเฮาจะเอาเรื่องโวยวายอย่างไร ก็ยังเดินทางมาถึงเมืองหลินเฉิง
วันรุ่งขึ้นเช้าเริ่มสาง เซียวเหวินอวี๋ก็นำทัพใหญ่ตรงไปเมืองติ้งเฉิง
พอฟ้าสาง ทัพใหญ่ทหารแสนกว่านายก็มาหยุดตรงนอกเมืองติ้งเฉิง เซียวเหวินอวี๋บอกให้คนนำไทฮองไทเฮาออกมาด้านหน้า และสั่งให้ตะโกนเข้าไปในเมืองติ้งเฉิง
“โจรแซ่จ้าว ฟังนะ ไทฮองไทเฮามาเกลี้ยกล่อมให้มอบตัวแล้ว รีบออกมา”
คนเฝ้าอยู่บนกำแพงเมืองติ้งเฉิงได้ยินเสียงตะโกนด้านล่างก็มองลงมา เห็นขบวนรถม้าด้านล่างอลังการ ในรถม้ามีสตรีแต่งกายด้วยผ้าไหมแพรต่วนอย่างดี บนศีรษะยังปักปิ่นทองคำเพชรพลอยงดงาม ดูแล้วสูงศักดิ์อย่างมาก คนเฝ้าประตูเมืองไม่กล้าประมาท รีบส่งคนไปรายงานจ้าวกั๋วกง
จ้าวกั๋วกงเป็นพี่ชายไทฮองไทเฮา พอได้ยินรายงานของทหาร ก็มีสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ
“พวกเจ้าว่า เจ้าโจรชั่วเซียวเหวินอวี๋นำไทฮองไทเฮามาที่นี่หรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ทหารเฝ้ากำแพงเมืองรีบตอบทันที ไม่กล้ามองสีหน้าดำทะมึนของเจ้านายตน
ยามนี้จ้าวกั๋วกงนั่งไม่ติด ลุกขึ้นยืนเดินไปมาอยู่ในโถงกลาง
จ้าวเหลยกล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ท่านพ่อ ข้าไปดูหน่อย ท่านไม่ควรไป”
จ้าวกั๋วกงโมโหจนแววตาราวกับมีลูกไฟปะทุ ด่าทอเสียงดังว่า “เซียวเหวินอวี๋ เจ้าโจรชั่วร้าย กล้าพาไท ฮองไทเฮามานี่ หากเราไม่ออกไป ใช่ว่าจะโดนใต้หล้าด่าทอหรือ”
ตอนนี้เขาไปหรือไม่ไปดี หากไป เขาก็ไม่อาจฟังคำเกลี้ยกล่อมของนาง ยอมแพ้ได้
ยอมแพ้เท่ากับตาย ไม่ยอมแพ้ก็ยังได้ต่อสู้กันสักตั้ง อาจรักษาเมืองทั้งสามและด่านหลงไห่ไว้ได้ รักษาชีวิตไว้ได้
จ้าวกั๋วกงคิดไปคิดมา สุดท้ายมองไปยังจ้าวเหลย “เจ้าไปรับมือก่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
จ้าวเหลยก้าวออกไป คนด้านนอกรีบตามเขาไป ทุกคนตรงไปยังกำแพงเมือง
จ้าวเหลยมาถึงกำแพงเมือง ไทฮองไทเฮาก็จำเขาได้รีบส่งเสียงตะโกนขึ้นไปทันทีว่า “จ้าวเหลย รีบเกลี้ยกล่อมบิดาเจ้าให้ยอมแพ้ พวกเจ้าก่อกบฏ ต้องการถูกผู้คนด่าทอหรือ พวกเจ้าก่อกบฏที่ด่านหลงไห่ ไม่สนใจคนอื่นในตระกูลจ้าวหรือ หากพวกเจ้ายอมแพ้ คนอื่นๆ ในตระกูลจ้าวก็จะยังมีชีวิตรอด พวกเจ้าจะทำร้ายทุกคนในตระกูลจ้าวหรือ”
แต่ไรมาไทฮองไทเฮาก็เป็นคนเห็นแก่ตัว ก่อนหน้านี้ให้การช่วยเหลือตระกูลจ้าว ความจริงก็เพราะคิดว่ามีตระกูลจ้าวอยู่ นางจะดำรงตำแหน่งไทฮองไทเฮาได้มั่นคง ไม่มีผู้ใดกล้าทำอันใดนาง ตอนนี้เห็นตนเองใกล้จะโชคร้ายแล้ว ยามนี้นางไม่อาจสนใจชีวิตคนตระกูลจ้าวอีกแล้ว หวังเพียงให้ตนเองไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน
หากนางเกลี้ยกล่อมจ้าวกั๋วกงกับจ้าวเหลยให้มอบตัวได้ แม้ไม่อาจดำรงรงตำแหน่งไทฮองไทเฮาทรงเกียรติได้ แต่ก็ยังใช้ชีวิตอิสรเสรีของตนบนเขาไปได้ แต่หากตระกูลจ้าวมีโทษกบฏ นางก็เป็นนักโทษ วันหน้าเกรงว่าต้องรับโทษไปด้วย
ไทฮองไทเฮายิ่งคิดก็ยิ่งกลัว มองจ้าวเหลยบนกำแพง ขอร้องว่า “จ้าวเหลย ตระกูลจ้าวเป็นตระกูลใหญ่แคว้นต้าโจวมาหลายชั่วอายุคน จะมาถูกทำลายลงในน้ำมือพวกเจ้าได้อย่างไร พวกเจ้าทำเช่นนี้ ไม่กลัวตายไปจะถูกบรรพชนด่าทอหรือ พวกเจ้ายอมแพ้เสีย ตระกูลจ้าวจึงจะไม่ฝากชื่อเสียงเสื่อมเกียรติเอาไว้”