ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 889 ยิงสังหาร
ตอนที่ 889 ยิงสังหาร
จ้าวเหลยบนกำแพงเมืองได้ฟังวาจาไทฮองไทเฮาจ้าวก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ รู้สึกอยากจะด่ากลับ
เจ้าพูดเสียจนดูน่าเลื่อมใส พูดไปพูดมาก็ยังคงทำเพื่อตัวเจ้าเอง เคยคิดถึงพวกเราบ้างหรือไม่
หากพวกเรายอมจำนน ก็มีแต่ตายสถานเดียว
ถึงตอนนั้นทุกคนในตระกูลจ้าวล้วนต้องตาย ตอนนี้อย่างไรก็ยังรักษาชีวิตพวกเขาสองพ่อลูกไว้ได้อยู่
จ้าวเหลยเม้มริมฝีปากไม่กล่าวอันใด ไทฮองไทเฮาเห็นจ้าวเหลยเงียบไป ยังคิดว่าจ้าวเหลยฟังคำของนาง จึงยิ่งกล่าวเตือนคำพูดก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ
“จ้าวเหลย รีบไปกล่อมบิดาเจ้าให้ยอมจำนน พวกเจ้าอย่าได้ก่อกบฏทำร้ายทุกคนในตระกูลจ้าว มารดา ภรรยาและลูกๆ ของพวกเจ้าตอนนี้อยู่ในคุกหลวง หรือว่าเจ้าจะทนดูพวกเขาตายกัน”
จ้าวเหลยบนกำแพงแค่นเสียงเยาะในลำคอ ตนเองยังเอาตัวไม่รอด จะคิดสนใจความเป็นความตายผู้อื่นหรือ
เขาไม่ได้สนิทชิดใกล้กับภรรยาและบุตรที่เกิดมา เขามีภรรยาเอกคนที่สองที่ด่านหลงไห่นี้แล้ว เขาไม่ขาดแคลนภรรยากับบุตร
แน่นอนว่าจ้าวเหลยไม่ได้เอ่ยเรื่องเหล่านี้กับไทฮองไทเฮา แต่เห็นว่าไทฮองไทเฮายิ่งพูดยิ่งร้ายกาจ
เขาจะกล่าวอันใดได้ ได้แต่นิ่งเงียบ ดังนั้นจ้าวเหลยจึงมองลงไปยังกำแพงด้านล่าง กล่าวว่า “ไทฮองไทเฮา โปรดกลับไปเถิด”
กล่าวจบก็หันหลังเดินออกไปทันที
ไทฮองไทเฮาเห็นเขาไม่สนใจนาง ก็ไร้หนทางได้แต่หันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับเซียวเหวินอวี๋
“ฝ่าบาท พวกเขาไม่ฟังคำของหม่อมฉัน หม่อมฉันเองก็ไร้หนทาง”
เซียวเหวินอวี๋มองนางด้วยสีหน้านิ่งเฉย ค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “พวกเขาไม่ฟัง ไทฮองไทเฮาก็ไปกล่อมที่เชิงกำแพงเมืองจนกว่าพวกเขาจะยอมมอบตัว เรารอได้”
ปรากฏกล่อมไปถึงสามวัน ทุกวันไทฮองไทเฮาต้องไปนอกกำแพงเมืองติ้งเฉิงเกลี้ยกล่อมให้มอบตัว
เซียวเหวินอวี๋ไม่มีราชโองการตีเมืองติ้งเฉิง เพียงแค่ให้ไทฮองไทเฮาไปเกลี้ยกล่อมให้มอบตัว
ณ กำแพงเมืองติ้งเฉิง
ทัพตระกูลจ้าวไม่กล้ายิงธนูใส่โดยพลการ สองทัพจึงเผชิญหน้ากันเช่นนี้
เซียวเหวินอวี๋ไม่ร้อนใจ พวกเขาไม่ขาดแคลนเสบียง ไม่ขาดแคลนอาหาร กอปรกับเดินทัพมาหลายวัน พอดีให้กองทัพใหญ่ได้พักผ่อนสองสามวัน แต่ทัพตระกูลจ้าวในเมืองเริ่มร้อนใจกันแล้ว
เดิมตอนพวกเขาก่อกบฏ ศึกรบแรกฮึกเหิมเด็ดเดี่ยว ศึกรบสองเริ่มอ่อนแรง ศึกรบสามหมดสิ้นเรี่ยวแรง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป คงได้แต่ทำลายขวัญกำลังใจทหาร กอปรกับราษฎรในเมืองก็เริ่มคิดลุกฮือต่อต้านแล้ว
แม้ว่าจ้าวกั๋วกงยึดสามเมืองได้ แต่ในความเป็นจริงราษฎรในเมืองเพียงแต่เกรงกลัวเขา ไม่กล้าต่อต้านเท่านั้น แต่แท้จริงในใจราษฎรไม่ยอมรับพวกเขา พากันแอบเรียกพวกเขาว่าโจรแซ่จ้าว ยังกล่าวว่า มารไม่อาจเอาชนะความดี รนหาที่ตายเองก็ต้องรับเอง สุดท้ายย่อมไม่ตายดี
แม้ว่าคนเหล่านี้ไม่กล้ากล่าวต่อหน้า แต่ลับหลังก็แอบซุบซิบกันไปจนถึงหูคนในกองทัพ คนไม่น้อยก่อนหน้านี้ตั้งสติไม่ทัน ก็ตามจ้าวกั๋วกงก่อกบฏ ตอนนี้มาคิดอีกที พวกเขาต่างนึกเสียใจภายหลัง อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นเพียงแค่ทหารตัวเล็กๆ แม้ติดตามจ้าวกั๋วกงมาเป็นกบฏ สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้ผลประโยชน์อันใด
ตระกูลพวกเขายังมีบิดามารดาและบุตรชายหญิง ตอนนี้ล้วนเพราะพวกเขา จึงได้กลายเป็นโจรกบฏ
แต่ตอนนี้พวกเขาเป็นกบฏไปแล้ว กลับตัวก็ไม่ทันแล้ว
ขวัญกำลังใจทัพตระกูลจ้าวพลันเริ่มมอดลง ทั้งเมืองติ้งเฉิงถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศสลดหดหู่
จ้าวเหลยเห็นแล้วก็ทนไม่ไหว รีบเรียกลูกน้องจ้าวกั๋วกงทั้งหมดมาหารือเรื่องนี้
“บิดา ตอนนี้ทำอย่างไรดี โจรชั่วเซียวเหวินอวี๋ไม่ตีเมือง แต่ให้ไทฮองไทเฮาออกหน้ามาเกลี้ยกล่อมให้มอบตัว ทำมาสามวันติดๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าขวัญกำลังใจทหารเราคงดับมอด”
จ้าวกั๋วกงมองไปยังลูกน้องหลายคน ถามว่า “ตอนนี้ทำอย่างไรดี”
นายทหารคนหนึ่งก้าวออกมา กล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่ากำจัดไทฮองไทเฮาเป็นเรื่องจำเป็น หากปล่อยให้ไทฮองไทเฮาทำเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าจะทำลายขวัญและกำลังใจทหารเรา”
จ้าวเหลยได้ฟังคนผู้นี้ก็รีบพยักหน้าเห็นด้วย “ข้าเห็นด้วยกับคำพูดใต้เท้าเฉา”
จ้าวกั๋วกงขมวดคิ้ว นั่นเป็นน้องสาวเขา แต่จะให้น้องสาวเขามาเกลี้ยกล่อมให้เขามอบตัวต่อไปก็คงไม่เหมาะ
จ้าวเหลยมองไปยังใต้เท้าเฉาเอ่ยขึ้นว่า “ใต้เท้าเฉาคิดว่าควรทำเช่นไร”
ใต้เท้าเฉาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “หรือให้ทหารยิงธนูสังหารไทฮองไทเฮา”
จ้าวกั๋วกงได้ฟังใต้เท้าเฉาก็ไม่เห็นด้วยทันที “หากยิงสังหารไทฮองไทเฮา เราไม่ถูกผู้คนด่าทอหรือ”
ใต้เท้าเฉาถูกจ้าวกั๋วกงโต้กลับ ก็อยากถามมากว่าตอนนี้เจ้ายังมีหน้ามีตาอีกหรือ คนข้างนอกด่าทอเจ้าว่าเป็นโจรกบฏ เจ้ายังมัวมาสนใจหน้าตาเจ้าอีกหรือ เจ้ายังมีชื่อเสียงอันใดอีก
แต่ใต้เท้าเฉาไม่กล้าเอ่ย ทว่าท่านนี้ตั้งตัวเป็นฮ่องเต้ เขาไหนเลยจะกล้ากล่าว
ใต้เท้าเฉาคิดไปก็เอ่ยไปว่า“ฝ่าบาท พวกเราสร้างสถานการณ์กลบเกลื่อนได้ ให้พลธนูไปยิงสังหารไทฮองไทเฮา จากนั้นก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ ลงโทษพลธนูไปก็พอ”
ก็แค่ทำเรื่องน่าอายให้ตนเองเพิ่มเท่านั้น
เกรงว่าคนภายนอกคงไม่เชื่อว่าพวกเขาไม่รู้
แต่ใต้เท้าเฉาจะทำอย่างไรได้ ตอนนี้เขาลงเรือลำเดียวกับสองพ่อลูกตระกูลจ้าวแล้ว ได้แต่ติดตามพวกเขาก่อการแล้ว
ก่อนหน้านี้ตระกูลจ้าวส่งคนเข้าเมืองหลวงลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท พวกเขาคิดว่าจะทำสำเร็จ ปรากฏกลับพ่ายแพ้ล้มเหลว ต่อมาเขาได้แต่ติดตามสองพ่อลูกตระกูลจ้าวก่อกบฏ
หากเขาไม่กบฏ สองพ่อลูกตระกูลจ้าวย่อมต้องสังหารเขา เพื่อรักษาชีวิต เขาได้แต่รับปาก
ใต้เท้าเฉากล่าวจบ จ้าวเหลยก็แสดงความเห็นด้วย “บิดา วิธีนี้ได้ หากเอาแต่ปล่อยให้ไทฮองไทเฮา เกลี้ยกล่อมให้มอบตัวอยู่อย่างนี้ ขวัญกำลังใจทหารเราก็คงถูกนางทำลายสิ้น”
ไทฮองไทเฮากล่าววาจาเช่นนั้น พวกเขาไม่ได้รู้สึกกันสักเท่าไร แต่บรรดาทหารเมืองติ้งเฉิงได้ฟังกลับมีความรู้สึกร่วมไม่น้อย
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าไม่ใช่หนทาง
ในที่สุดจ้าวกั๋วกงก็เห็นด้วย “อนุญาตตามนี้”
คืนนั้น ไทฮองไทเฮาถูกคนยิงธนูสังหาร จ้าวเหลยนำคนขึ้นกำแพงเมืองมาด่าทอและสังหารพลทหารที่ยิงไทฮองไทเฮา แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้สาเหตุแท้จริง
นอกกำแพงเมือง เซียวเหวินอวี๋กลับมีคำสั่งโจมตีเมือง
เขารอคอยมาตลอด รอให้ตระกูลจ้าวลงมือสังหารไทฮองไทเฮาก่อน ประการแรก ให้ชื่อเสียงจ้าวกั๋วกงสองพ่อลูกย่อยยับกว่าเดิม ประการที่สอง อาศัยมือจ้าวกั๋วกงสองพ่อลูกกำจัดนังเฒ่าไทฮองไทเฮา
เสด็จพ่อเขาจากไปเพราะหญิงผู้นี้ เขาจะปล่อยให้นางมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร แต่หากเขาสังหารไทฮองไทเฮาก็ย่อมถูกผู้คนด่าทอ ไม่ว่าอย่างไรไทฮองไทเฮาก็เป็นผู้อาวุโส ไม่ควรต้องตายด้วยน้ำมือเขา แต่ตอนนี้สองพ่อลูกตระกูลจ้าวสังหารไทฮองไทเฮา ชื่อเสียงชั่วร้ายก็จะไปตกอยู่กับสองพ่อลูกตระกูลจ้าว
“เฟิงเหยารับบัญชา นำทหารสามหมื่นบุกโจมตีประตูเมืองตะวันออก”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เซียวเหวินเจียนำกำลังสามหมื่นบุกโจมตีประตูเมืองตะวันตก”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
แม่ทัพเฟิงกับเซียวเหวินเจียรับพระบัญชานำทหารตีเมืองติ้งเฉิง
คืนนี้เสียงสังหารดังไม่หยุด เดิมก่อนหน้านี้ไทฮองไทเฮาทำลายขวัญกำลังใจทหารไปไม่น้อยแล้ว มาถูกทัพใหญ่โจมตีอีก เมืองติ้งเฉิงรักษาไว้เพียงแค่คืนเดียวก็ถูกตีแตก จ้าวกั๋วกงพ่อลูกนำกำลังถอยกลับไปรักษาเมืองสิ่วเฉิง
เดิมยึดสามเมืองมาได้ ปรากฏพริบตาก็เสียไปหนึ่งเมือง จ้าวกั๋วกงพ่อลูกโมโหเจียนตาย พร้อมกับเริ่มระวังหวาดหวั่นเซียวเหวินอวี๋และกองกำลังที่เขานำมา
บรรยากาศในห้องโถงใหญ่เมืองสิ่วเฉิงเคร่งเครียดไม่อาจบรรยาย จ้าวกั๋วกงหน้าดำคร่ำเครียด ไม่เอ่ยอันใดสักคำ
แม้ว่าเขาไม่ได้เอ่ยอันใด แต่สองตากลับกวาดตามองสีหน้าทุกคนตลอด เขามองออกว่าตอนนี้ลูกน้องของเขาเหล่านี้เริ่มหวาดหวั่น แต่ละคนเริ่มคิดถอย หากไม่ใช่ว่าตอนนี้ไร้ทางถอย คนเหล่านี้ก็คงยอมจำนนไปแล้ว