ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 890 สร้างสถานการณ์
ตอนที่ 890 สร้างสถานการณ์
จ้าวกั๋วกงคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในใจก็โมโหจนพูดไม่ออก ตวาดใส่ทุกคนทันที “ตอนนี้ทำอย่างไรดี”
เขาคิดไม่ถึงว่าลูกน้องเขาจะไร้สามารถเช่นนี้ หากเสียไปอีกเมือง พวกเขาก็คงตายไร้ที่ฝังแล้ว ถึงตอนนั้น เซียวเหวินอวี๋แม้ไม่ตีเมือง ขอเพียงเฝ้าหน้าประตูเมืองไว้ พวกเขาเหล่านี้ก็จะประสบปัญหาเรื่องอาหารการกิน ถึงตอนนั้นมีแต่ตายสถานเดียว
ดังนั้นไม่อาจเสียเมืองสิ่วเฉิงไปได้
ใต้เท้าเฉารีบกล่าวว่า “ฝ่าบาท แผนการเร่งด่วนตอนนี้ก็มีสองทาง หนึ่งส่งคนไปสังหารเซียวเหวินอวี๋ หากสังหารเซียวเหวินอวี๋ได้ ขวัญกำลังใจทหารเราก็จะฮึกเหิม เรียกคืนหลังจากเสียเมืองติ้งเฉิงไปได้ จากนั้นก็เข้ายึดเมืองต่อ ไม่แน่ว่าอาจยึดแผ่นดินครึ่งหนึ่งได้”
จะยึดทั้งแผ่นดินคงเป็นไปไม่ได้
“หากสังหารเซียวเหวินอวี๋ล้มเหลว พวกเราก็ยังใช้ราษฎรเมืองสิ่วเฉิงมาข่มขู่เซียวเหวินอวี๋ได้ ใช้ชีวิตราษฎรเมืองสิ่วเฉิงมาบีบให้เซียวเหวินอวี๋ถอยทัพ หากเขาไม่ถอย ฝ่าบาทก็สังหารราษฎรเมืองสิ่วเฉิง หากราษฎรเมืองสิ่วเฉิงถูกสังหาร ใต้หล้าย่อมต้องด่าทอเซียวเหวินอวี๋ไร้เมตตา เซียวเหวินอวี๋ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้แน่”
ใต้เท้าเฉากล่าวจบ จ้าวกั๋วกงได้ฟังก็พึงพอใจ “เยี่ยม ทำตามที่ใต้เท้าเฉาว่ามา”
ส่วนส่งผู้ใดไปลอบสังหารเซียวเหวินอวี๋ก็ต้องเฟ้นหาตัวเลือกที่เหมาะสมก่อน
เมืองติ้งเฉิง
เซียวเหวินอวี๋โจมตีเมืองติ้งเฉิงแล้วก็นำทหารเข้าเมืองติ้งเฉิงปลอบใจราษฎร ราษฎรต่างมาต้อนรับเต็มท้องถนน แต่ละคนแซ่ซ้องทรงพระเจริญ ราษฎรดีใจอย่างไม่เคยดีใจเช่นนี้มาก่อน คนเหล่านี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากเซียวเหวินอวี๋ ไม่มีทางยอมรับคนที่แต่งตั้งตนเองเป็นฮ่องเต้แน่ ถุย พวกโจรกบฏ
คืนนั้นเซียวเหวินอวี๋พักที่ที่ทำการเมืองติ้งเฉิง เรียกประชุมขุนพลทหารหารือเรื่องบุกโจมตีเมืองสิ่วเฉิง
พวกแม่ทัพเฟิงเสนอให้บุกโจมตีเมืองสิ่วเฉิงคืนนี้ ฉวยจังหวะโจรแซ่จ้าวไม่ทันตั้งตัว
เซียวเหวินอวี๋คิดแล้วก็เห็นด้วย ตอนนี้ขวัญกำลังใจของพวกเขากำลังฮึกเหิม เป็นโอกาสบุกโจมตีเมืองสิ่วเฉิงที่ดีที่สุด
“ได้ ให้ทหารทุกคนพักผ่อนถึงเที่ยงคืน ยามโฉ่ว[1] บุกโจมตีเมืองสิ่วเฉิง”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ทุกคนรับพระบัญชาถอยออกไป นอกประตู ลู่เจียวนำคนเดินเข้ามา “อวี๋เอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอันใดกระมัง”
เซียวเหวินอวี๋ยิ้มลุกขึ้นประคองลู่เจียวเข้ามานั่ง “ท่านแม่ ข้าไม่เป็นอันใด ข้าเพียงแต่เฝ้าดูการรบแนวหน้า ไม่ได้ออกรบ ดังนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บ ท่านแม่อย่าได้เป็นห่วง ”
ลู่เจียวพยักหน้ามองเซียวเหวินอวี๋ กล่าวว่า “วันนี้ยึดเมืองติ้งเฉิงได้ราบรื่น แต่เกรงว่าเมืองสิ่วเฉิงจากนี้ยากจะจัดการได้ สุนัขร้อนใจยังโดดกำแพงได้ จ้าวกั๋วกงพ่อลูกเกรงว่าจะกลายเป็นสุนัขหิวโหยไปแล้ว เจ้าต้องระวังหน่อย”
เซียวเหวินอวี๋เห็นด้วยกับลู่เจียว ครุ่นคิดสงสัยได้ครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “ตามหลักควรเอาชนะด้วยปัญญา แต่ข้าไม่ได้ทำเช่นนี้ ก็เพราะคิดบีบให้โจรแซ่จ้าวทำร้ายราษฎรให้มากหน่อย หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาพ่อลูกก็จะมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ จารึกชื่อโจรชั่วไปหลายพันปี”
เซียวเหวินอวี๋รู้สึกโกรธแค้นตระกูลจ้าวอย่างมาก ดังนั้นแม้ตายก็ไม่อยากให้พวกเขาตายสบาย
คืนนี้บุกโจมตีเมืองสิ่วเฉิง หากไม่เหนือความคาดหมาย สองพ่อลูกตระกูลจ้าวก็จะเป็นดังสุนัขร้อนใจโดดกำแพง เป็นไปได้ว่าจะนำราษฎรเมืองสิ่วเฉิงมาช่มขู่เขา เช่นนั้นเขาก็จะให้ประชาใต้หล้าดู้ความเสียสติของสองพ่อลูกตระกูลจ้าวที่มีจิตคิดทำลายชีวิตผู้คน
ลู่เจียวได้ฟังเซียวเหวินอวี๋ก็รู้ว่าในใจเขาพอรู้แล้วว่าควรทำเช่นไร นางจึงไม่ได้คิดเอ่ยอันใดอีก ลุกขึ้นเตรียมออกไป ไม่คิดว่าเพิ่งจะลุกขึ้น พลันเห็นโจวโย่วจิ่นถือลูกศรหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“ฝ่าบาท มีคนยิงศรนี้เข้ามา เหมือนมีจดหมายติดมาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเหวินอวี๋รีบบอกให้เขาเอาลูกศรมาดู
บนลูกศรผูกจดหมายไว้ฉบับหนึ่ง เซียวเหวินอวี๋เปิดออกอ่าน เขียนไว้ว่า เขาคือขุนพลหลินเฉิง ขุนพลสยบปัจจิมระดับสี่
หลินเฉิงเขียนในจดหมายว่า แม้เขาเป็นขุนพลทหารในสังกัดตระกูลจ้าว แต่ไม่ได้มีใจคิดก่อกบฏและเขารู้ว่าลูกน้องสองพ่อลูกตระกูลจ้าวเองก็ไม่คิดก่อกบฏ ไม่รู้ว่าสุดท้ายเหตุใดจึงเกิดกบฏไม่คาดคิดเช่นนี้ได้
หลินเฉิงคิดขอพบเซียวเหวินอวี๋
ลู่เจียวอ่านจดหมายแล้วก็นึกเป็นห่วง “คงไม่ใช่เป็นแผนการกระมัง”
เซียวเหวินอวี๋กำลังคิดอยู่ นอกประตูเซียวเหวินเจียรีบเดินเข้ามารายงานว่า “ฝ่าบาท ขุนพลทหารลูกน้องโจรแซ่จ้าวคิดขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท”
เพราะมีลูกศรยิงมาก่อนหน้า ดังนั้นเซียวเหวินอวี๋จึงไม่ได้ตกใจ ออกคำสั่งน้ำเสียงเย็นเยียบให้เซียว เหวินเจียนำตัวเข้ามา
คนที่ถูกนำตัวเข้ามาก็คือขุนพลหลินเฉิงประจำด่านหลงไห่
หลินเฉิงปรากฏตัวขึ้นก็ปรี่ไปลงคุกเข่าทันที “ถวายบังคมฝ่าบาท”
เซียวเหวินอวี๋มองลู่เจียว นางกำลังจับจ้องหลินเฉิง ป้องกันเหตุอุบายชั่วอันใด
แต่หลินเฉิงดูแล้วไม่เหมือนว่าจะมีอุบายชั่วอันใด เขาปรี่เข้ามาโขกศีรษะไปกล่าวไปว่า “กระหม่อมมีความผิด”
เซียวเหวินอวี๋ขมวดคิ้วบอกให้เขาสงบสติอารมณ์ลงหน่อย จากนั้นก็มองเขาเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าต้องการพบเราด้วยเหตุใด”
หลินเฉิงรีบกล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมเป็นลูกน้องขุนพลถาน ขุนพลถานเป็นขุนพลผิงหลู่ระดับสองที่ได้รับแต่งตั้งจากอดีตฮ่องเต้ ประจำด่านหลงไห่กับจ้าวกั๋วกง ก่อนหน้านี้ขุนพลจ้าวพลันส่งคนมาบังคับให้ ขุนพลถานก่อกบฏที่ด่านหลงไห่ พวกเราไม่ทันได้ตั้งสติก็ถูกควบคุม ต่อมาถูกลูกน้องขุนพลจ้าวบังคับให้ร่วมยึดเมืองสิ่วเฉิงและเมืองติ้งเฉิง”
“กระหม่อมกับบรรดาขุนพลทหารไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่เพราะลูกน้องคนสนิทขุนพลจ้าวจับตาอยู่ กระหม่อมไม่กล้าแสดงการขัดขืน ครั้งนี้ฝ่าบาทนำทัพมายึดเมืองติ้งเฉิงคืน จ้าวกั๋วกงพ่อลูกทิ้งลูกน้องหลายคนไว้ในหมู่ราษฎรเมืองติ้งเฉิง กระหม่อมเองก็ด้วย”
“คืนนี้กระหม่อมมาขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทก็เพราะต้องการให้ฝ่าบาทให้กระหม่อมได้มีโอกาสทำความชอบล้างความผิด กระหม่อมยินดีร่วมมือกับขุนพลทหารด่านหลงไห่นำศีรษะโจรแซ่จ้าวพ่อลูกมามอบให้ฝ่าบาท ขอฝ่าบาทโปรดให้กระหม่อมได้มีโอกาสทำความชอบลบล้างความผิดด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฝ่าบาทองค์ปัจจุบันไม่เพียงแต่เก่งกาจบุ๋นบู๊ ได้รับความรักและเคารพจากราษฎรแคว้นต้าโจว พวกเขาก็มิใช่คนโง่ที่จะไปกอดเท้าเน่าๆ ของโจรแซ่จ้าวพ่อลูก
น่าแค้นใจเพียงแค่พวกเขาถูกควบคุมไว้ โต้กลับไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้ได้แต่หาโอกาสทำความชอบล้างความผิด ขอฝ่าบาทให้โอกาสพวกเขาสักครั้ง
เซียวเหวินอวี๋ได้ยินหลินเฉิงก็มองเขานิ่งเป็นนาน ก่อนจะเอ่ยว่า “อนุญาต หากพวกเจ้ากำจัดโจรแซ่จ้าวพ่อลูกได้ เราจะละเว้นโทษความผิดพวกเจ้า”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
หลินเฉิงกล่าวจบก็รีบรายงานว่า “ก่อนหน้านี้กระหม่อมได้ข่าวมาว่า คืนนี้โจรแซ่จ้าวจะส่งมือสังหารมาลอบสังหารฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงระวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังก็พยักหน้าบอกให้หลินเฉิงออกไป
พอหลินเฉิงออกไป เซียวเหวินอวี๋ก็สั่งให้เซี่ยเหวินเจียเรียกประชุมขุนพลทหาร เขาต้องการหารือเรื่องเปลี่ยนแผนโจมตีเมือง
“โจรแซ่จ้าวส่งคนมาลอบสังหารเรา เราตัดสินใจแสร้งทำเป็นหลงกลอุบาย หากข่าวเราถูกสังหารแพร่ออกไปถึงเมืองสิ่วเฉิง โจรแซ่จ้าวต้องนำทหารบุกโจมตีเมืองติ้งเฉิง ทหารพวกเราแยกเป็นสองทาง หนึ่งล้อมพวกเขาไว้ อีกหนึ่งตรงไปยังเมืองสิ่วเฉิง ยึดเมืองสิ่วเฉิง”
ขุนพลทหารได้ฟังก็รีบน้อมรับพระบัญชา “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
เพราะเป็นห่วงมือสังหารทำร้ายเซียวเหวินอวี๋ ลู่เจียวไม่ได้กลับไป แต่ตัดสินใจนอนอยู่บนเก้าอี้นอนในห้องส่วนนอกของห้องนอนเซียวเหวินอวี๋
เซียวเหวินอวี๋ก็ตามใจนาง สองคนแม่ลูกคุยกันไปโดยมีฉากกำบังลมกั้นไว้
“ท่านแม่ รอให้จับโจรแซ่จ้าวได้ เรากลับเมืองหลวง ท่านแม่เข้าไปอยู่ในวังระยะหนึ่ง ให้บุตรชายได้แสดงความกตัญญูต่อท่านแม่บ้าง”
ที่ผ่านมาเขาเอาแต่ครุ่นคิดว่าหากวันหน้าเขามีความสามารถ จะต้องกตัญญูต่อท่านแม่ ตอนนี้เขาเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจว แต่ท่านแม่กลับไม่ยอมมาอยู่ในวัง เซียวเหวินอวี๋มักรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
ลู่เจียวฟังออกว่าเขาคิดเช่นไร ก็รับปากทันทีว่า “ได้สิ ครั้งนี้กลับเมืองหลวง แม่จะไปอยู่ในวังสองสามวัน”
เซียวเหวินอวี๋ดีใจ ยันตัวลุกขึ้นกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านแม่ ท่านอย่าได้ล้อข้าเล่นนะ”
ลู่เจียวค้อนใส่เขาไม่พอใจขวับหนึ่ง “เจ้าเห็นแม่เป็นคนเช่นใด แม่พูดอันใดก็ทำตามที่พูดเสมอ”
เซียวเหวินอวี๋หัวเราะฮาดัง กล่าวว่า “ก็จริง”
เขาเพิ่งกล่าวจบ บรรยากาศรอบด้านพลันบังเกิดกลิ่นอายสังหารรุนแรง
[1] ช่วงเวลาระหว่าง 01:00 น. – 03:00 น.