ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 892 แต่งออกและแต่งเข้า
ตอนที่ 892 แต่งออกและแต่งเข้า
เห็นชัดว่าโจรแซ่เซียวกำลังดูแคลนเขา อีกฝ่ายถึงกับดูแคลนเขาเช่นนี้
จ้าวปินโมโหตวาดใส่ลูกน้องด้านหลังว่า “เอาธนูมา”
ด้านหลังมีคนส่งคันธนูให้เขา
จ้าวปินยื่นมือไปน้าวศร คิดยิงออกไป
แต่น่าเสียดายเขาไม่ทันได้ยิงออกไป ด้านหลังก็มีลมเย็นพัดวูบมารวดเร็ว
จ้าวปินหันไปมองด้วยสัญชาตญาณ เห็นเพียงขุนพลทหารหลี่เม่าตวัดดาบในมือมาที่ลำคอตนเอง
จ้าวปินโมโหสุดขีดผงะถอยหลังพร้อมกับตวาดดังว่า “หลี่เม่า เจ้าคิดก่อกบฏหรือ”
หลี่เม่าแค่นยิ้มกล่าวว่า “โจรชั่ว เจ้าต่างหากที่ก่อกบฏ พวกเราเพียงแต่ผดุงคุณธรรมแทนฟ้าเท่านั้น”
เขากล่าวจบก็ตะโกนไปทางด้านหลัง “พี่น้องเรา พวกเราต้องสร้างความชอบลบล้างความผิด สังหารโจรแซ่จ้าว มอบศีรษะเขาให้ฮ่องเต้เพื่อให้ทรงละเว้นครอบครัวพวกเรา”
เขากล่าวจบ หลายคนด้านหลังก็เคลื่อนไหว
คนสนิทจ้าวปินถูกจับกุมตัวไปอย่างรวดเร็ว
หลี่เม่าถือดาบเข้าไปหาจ้าวปิน
จ้าวปินตะโกนดัง “ทหาร อารักขาข้า”
ยามนี้เขาถูกหลี่เม่ายันไปติดกำแพงเมืองจนไม่อาจขยับตัวได้ ลูกน้องคนสนิทของเขาเองก็ถูกคุมตัวไว้แล้ว คนที่เหลือก็ถูกจ้าวเหลยพาไปเมืองติ้งเฉิง
จ้าวปินรู้สึกเพียงแค่สิ้นหวัง เหตุใดเป็นเช่นนี้ไปได้ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้
แม้เขาเป็นขุนพลทหาร แต่ก็อายุมากแล้ว ไหนเลยจะต้านทานชายหนุ่มวัยฉกรรจ์เช่นหลี่เม่าได้ สุดท้ายถูกหลี่เม่าตัดศีรษะในดาบเดียว
หลี่เม่าถือศีรษะจ้าวปินตะโกนดังว่า “โจรแซ่จ้าวถูกประหารแล้ว ทุกคนวางอาวุธยอมจำนน”
คนสนิทจ้าวปินเห็นจ้าวปินถูกสังหารก็พากันแตกตื่น ล้วนถูกสังหารสิ้น
คนด้านล่างของกำแพงเมืองเห็นจ้าวปินถูกสังหารก็พากันแตกตื่นโกลาหลทันที
พวกหลี่เม่าเปิดประตูเมือง หลี่เม่าและลูกน้องหิ้วศีรษะจ้าวปินขี่ม้าออกไปนอกเมือง ตะโกนดังว่า “กระหม่อมตัดศีรษะจ้าวปินได้แล้ว ขอฝ่าบาททรงเมตตาอภัยโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเหวินอวี๋มองขุนพลทหารหลายคนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าก็พยักหน้าอย่างพอใจ “ดี ไม่เลว”
พอฟ้าสาง พวกจ้าวเหลยก็ถูกสังหารราบคาบ
ในที่สุดสองพ่อลูกตระกูลจ้าวก็ถูกสังหารสิ้น คนที่ติดตามก่อกบฏพร้อมกับตระกูลจ้าวสุดท้ายแตกตื่นไร้ระเบียบวินัย พากันวางอาวุธยอมจำนน
เมืองสิ่วเฉิง เซียวเหวินอวี๋มีราชโองการ “วางศพโจรกบฏโจรแซ่จ้าวพ่อลูกไว้สามวัน ตระกูลจ้าวประหารเก้าชั่วโคตร พรรคพวกตระกูลจ้าวก็ประหารเก้าชั่วโคตรเช่นกัน”
สามวันต่อมา เซียวเหวินอวี๋มีราชโองการให้ทัพใหญ่กลับเมืองหลวง ด่านหลงไห่มอบให้เซียวเหวินเจีย เซียวเหวินเจียสู้กับโจรแซ่จ้าวอย่างกล้าหาญ สังหารศัตรูนับไม่ถ้วน ได้รับการแต่งตั้งจากเซียวเหวินอวี๋เป็นแม่ทัพตำแหน่งขุนนนางระดับสองประจำด่านหลงไห่ ด่านหลงไห่มอบให้เซียวเหวินเจียดูแล เซียวเหวินเจียได้เป็นแม่ทัพแคว้นต้าโจวดังใจปรารถนา
พอเซียวเหวินอวี๋กลับถึงเมืองหลวง ไม่เพียงแต่กวาดล้างพรรคพวกของตระกูลจ้าว แม้แต่ตระกูลทรงอิทธิพลอำนาจในเมืองหลวงก็กวาดล้างหมดจดไปด้วย หลังจากเรื่องครั้งนี้ ตระกูลทรงอิทธิพลเหล่านี้ก็ไม่กล้าเหิมเกริม แต่ละคนต่างรู้จักอยู่อย่างสงบเสงี่ยม
ฤดูร้อน ปีที่แปดในรัชศกหย่งผิง
จวนตระกูลเซี่ยประดับตกแต่งโคมไฟและผ้าแพรงดงาม เสียงดังครึกครื้นอย่างยิ่ง
วันนี้แฝดชายหญิงตระกูลเซี่ยแต่งงาน
คุณชายห้าเซี่ยแต่งกับบุตรีขุนนางกรมคลังระดับห้า เซี่ยหลิงหลงแต่งกับฉินเจามู่จ้วงหยวนปีที่สองในรัชศกหย่งผิงรอบการสอบคัดเลือกพิเศษ
ยามนี้หลิงหลงอยู่ในเรือนหลัก ลู่เจียวกำลังกุมมือเซี่ยหลิงหลง ลูบศีรษะนางอย่างไม่อาจตัดใจ
“หลิงหลง แม่รู้ว่าเหตุใดเจ้ายืนยันแต่งกับฉินเจามู่ ลำบากเจ้าแล้ว”
ในฐานะตระกูลเซี่ย เด็กที่ได้รับการดูแลเอาใจมาอย่างเซี่ยหลิงหลงมิได้เติบโตเสียคน แต่กลับไม่เพียงแต่ฉลาด ยังทำการค้าเป็น
ในฐานะน้องสาวที่กำเนิดจากบิดามารดาบุญธรรมของฮ่องเต้ เดิมนางจะแต่งกับบุตรชายตระกูลที่ดีที่สุดในเมืองหลวงได้ แต่นางไม่ได้เลือกเช่นนั้น
นางกลับเลือกฉินเจามู่จ้วงหยวนปีที่สองในรัชศกหย่งผิงรอบการสอบคัดเลือกพิเศษ
แม้ฉินเจามู่เป็นคุณชายตระกูลฉินที่หย่งโจว แต่ตระกูลฉินก็ตกต่ำลงแล้ว ตระกูลฉินไม่นับว่าเป็นตระกูลมีอำนาจบารมีอันใด
การที่เซี่ยหลิงหลงเลือกตระกูลฉิน ก็เพราะตระกูลฉินอิทธิพลอำนาจอ่อนแอ ตอนนี้ตระกูลเซี่ยอยู่จุดสูงสุด ไม่เพียงแต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นโส่วฝู่ พี่ชายอื่นๆ ก็มีทั้งพี่ใหญ่เป็นเจ้ากรมศาลอาญาต้าหลี่ พี่รองเป็นแม่ทัพประจำด่านหลงไห่ พี่สามเป็นหัวหน้าสำนักยาหลวงขุนนางระดับหก แม้แต่พี่ชายฝาแฝดนางเองก็เป็นจ้วงหยวนปีที่หกในรัชศกหย่งผิง
ตระกูลเซี่ยรุ่งเรืองอย่างที่สุด นางไม่อาจแต่งกับตระกูลสูงศักดิ์อีก หากแต่งตระกูลสูงศักดิ์เกินไปอีก ก็จะทำให้ผู้คนจับจ้อง ดังนั้นเซี่ยหลิงหลงเลือกแต่งกับฉินเจามู่จ้วงหยวนปีที่สองในรัชศกหย่งผิง
ลู่เจียวรู้ความคิดบุตรสาว ทำให้นางทำใจไม่ได้อย่างมาก
เซี่ยหลิงหลงยิ้มกอดท่านแม่ตนเอง กล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าไม่น้อยใจ เจามู่เป็นคนดีมาก เขายังรับปากว่าชีวิตนี้จะแต่งข้าเป็นภรรยาเพียงคนเดียวไม่ใช่หรือ”
ลู่เจียวลูบศีรษะนาง คิดถึงตอนเด็กที่นางเข้มงวดกับเซี่ยหลิงหลง ในใจก็รู้สึกผิดอยู่บ้าง
เพราะตอนเด็กเซี่ยหลิงหลงได้รับความรักจากบรรดาบิดาและพี่ชาย นางกลัวว่าบุตรสาวจะเสียคน ดังนั้นหลายครั้งจึงเข้มงวดกับนางมาก
คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายบุตรสาวที่รักที่สุดกลับแต่งกับตระกูลสถานะต่ำต้อยเพื่อตระกูลเซี่ย
“แม่คิดถึงตอนเด็กเข้มงวดกับเจ้าอย่างมากก็ปวดใจ หากย้อนกลับไปได้ แม่จะต้องดีต่อเจ้าให้มาก”
เซี่ยหลิงหลงฟังออกว่ามารดากำลังตำหนิตนเอง นางกอดเอวลู่เจียวเอ่ยว่า “ท่านแม่ ท่านแม่อย่าได้ตำหนิตนเอง ที่ข้าเติบโตมาได้ดีล้วนเป็นเพราะท่านแม่อบรมเข้มงวด หากไม่มีท่านแม่ ข้าน่าจะเอาแต่ใจเหมือนบรรดาคุณหนูในตระกูลเก่าแก่แต่ละตระกูลในเมืองหลวงพวกนั้น ดังนั้นท่านแม่อย่าได้ตำหนิตนเอง”
ลู่เจียวไม่คุยเรื่องอดีตต่อ แต่ดึงมือเซี่ยหลิงหลงมากำชับกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าเลือกฉินเจามู่ วันหน้าก็ต้องใช้ชีวิตกับเขาไปให้ดี แต่ก็อย่าลืมว่าเจ้าเป็นบุตรีตระกูลเซี่ย บุตรีตระกูลเซี่ยจะไม่โดนผู้ใดรังแก หากตระกูลฉินและเขากล้ารังแกเจ้า เจ้าก็โต้ตอบกลับไป อย่าลืมว่าเจ้ามีท่านพ่อ มีท่านแม่และมีบรรดาพี่ชายให้ท้ายเจ้า”
เซี่ยหลิงหลงได้ฟังรีบยิ้มรับคำ “เจ้าค่ะ ข้าทราบแล้ว ข้าจะไม่ให้ผู้ใดรังแกข้าได้เจ้าค่ะ”
ในห้องสองแม่ลูกสองคนกำลังคุยกัน นอกห้อง ติงเซียงเดินเข้ามารายงานว่า“ฮูหยิน ฝ่าบาทกับฮองเฮาพารัชทายาทเสด็จมาแล้วเจ้าค่ะ”
ปีที่สามในรัชศกหย่งผิง ฮองเฮาเผยอวี่สิ้นใจในตำหนักคุนหนิงกง ปีที่สามในรัชศกหย่งผิง ฮ่องเต้แต่งตั้งหวังเมิ่งเหยาเป็นฮองเฮาแห่งแคว้นต้าโจว พร้อมแต่งตั้งองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจว
ดังนั้นวันนี้ฮองเฮาที่มาก็คือหวังเมิ่งเหยา
ในห้อง ลู่เจียวกับเซี่ยหลิงหลงได้ยินติงเซียงรายงาน ก็รีบลุกขึ้นยืน ยามนี้นอกห้องมีเสียงขันทีรายงานดังขึ้น
“ฝ่าบาทเสด็จ ฮองเฮาเสด็จ รัชทายาทเสด็จ”
มีคนสามคนเดินเข้ามาในห้อง เป็นเซียวเหวินอวี๋ในชุดมังกรสีเหลืองทอง ฮองเฮาในชุดกระโปรงยาว และรัชทายาทบุตรชายพวกเขา
ลู่เจียวกับเซี่ยหลิงหลงมองไปที่ทุกคน กล่าวว่า “พวกเจ้าออกจากวังหลวงมาได้อย่างไร”
แม้ว่าผ่านมาหลายปี แต่หลายปีมานี้เซียวเหวินอวี๋ก็ไม่ได้เหินห่างจากกับตระกูลเซี่ย กลับกัน เขายิ่งสนิทชิดใกล้ ดังนั้นยามอยู่กันส่วนตัวจึงวางตัวสบายๆ กันอย่างมาก
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ยิ้มเอ่ยว่า “วันนี้น้องชายน้องสาวแต่งงาน พวกเราย่อมต้องมาอวยพร”
เซี่ยหลิงหลงยิ้มกล่าวขอบพระทัยทันทีว่า “ขอบพระทัยเสด็จพี่”
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังเซี่ยหลิงหลง ถลึงตาใส่นางทีหนึ่งอย่างไม่พอใจ “เจ้านี่ ไม่รู้จริงๆ ว่าจะให้เสด็จพี่ว่าเจ้าอันใดดี”
ไม่ให้เขามีราชโองการพระราชทานแต่งตั้งนางเป็นจวิ้นจู่ ไม่ยอมแต่งกับชนชั้นสูงศักดิ์ในตระกูลใหญ่เมืองหลวง อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่านางกำลังคิดอันใด ไม่ใช่เพราะตอนนี้ตระกูลเซี่ยกำลังรุ่งเรืองสุดขีดหรือ ไม่ใช่ว่าไม่คิดจะแต่งงานกับตระกูลเก่าแก่ในเมืองหลวงเพราะตระกูลเซี่ยหรือ
แรกสุดเซียวเหวินอวี๋โมโหมาก แม้ว่าเขาไม่สนใจว่าหลิงหลงจะแต่งกับชนชั้นสูงใด แต่ทุกคนในราชสำนักต่างจับจ้องอยู่ และอาจจะคิดกันไปไกลถึงไหนต่อไหน ดังนั้นหลิงหลงยืนยันแต่งกับฉินเจามู่ เขาจึงไม่ได้คัดค้าน
แม้ว่าตระกูลฉินไร้อิทธิพลอำนาจ แต่ฉินเจามู่เป็นคนมีความสามารถ วันหน้าก็ย่อมก้าวขึ้นมาได้ มีเขาคอยดูอยู่ หลิงหลงจะไม่เสียใจ
เซี่ยหลิงหลงได้ยินเซียวเหวินอวี๋ตำหนิ ก็รีบยิ้มซุกซนให้เสด็จพี่ตนเองเอ่ยว่า “เสด็จพี่ วันนี้ทรงรูปงามอีกแล้วนะเพคะ”
ตอนเด็กเซียวเหวินอวี๋ชอบฟังคำชมจากเซี่ยหลิงหลงว่าเขาหล่อที่สุด ยามนี้พอได้ฟังก็นึกถึงวัยเด็ก ทำเอาอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
รัชทายาทประคองของขวัญเข้ามาด้วยตนเอง “ท่านอา นี่คือของขวัญแต่งงานที่ฉีหลินมอบให้ท่านอา ”
เซี่ยหลิงหลงชอบรัชทายาทมาก แม้ว่ารัชทายาทเป็นโอรสเซียวเหวินอวี๋ แต่ก็มักจะมาเยือนตระกูลเซี่ย ดังนั้นจึงสนิทกับคนตระกูลเซี่ยมากเป็นพิเศษ
“ขอบคุณฉีหลิน”