ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 893 จุดจบ
ตอนที่ 893 จุดจบ
ฉีหลินน้อยยิ้มเข้าไปกอดเซี่ยหลิงหลง ใบหน้าน้อยๆ เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ท่านอา หากท่านอาเขยกล้ารังแกท่านอา ท่านอาก็มาบอกฉีหลิน ฉีหลินจะจัดการท่านอาเขยแทนท่านอาเอง”
ในห้องทุกคนพากันหัวเราะดังลั่น
นอกประตู ลูกน้องพ่อบ้านเซียวเข้ามารายงานว่า “ฮูหยิน เจ้าบ่าวมารับเจ้าสาวแล้วขอรับ”
ลู่เจียวรีบกล่าวว่า “ทราบแล้ว”
กล่าวจบ นางก็มองไปยังฮ่องเต้กับฮองเฮา กล่าวว่า “พวกเจ้าพาฉีหลินไปพักผ่อนที่เรือนซื่อเป่าก่อน รอให้ถึงเวลางานเลี้ยงค่อยให้คนมาตามพวกเจ้า”
ตระกูลเซี่ยยังคงเก็บเรือนของฝ่าบาทเอาไว้ เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังก็รับคำดีใจ “ท่านแม่ ข้าพาเมิ่งเหยากับฉีหลินไปพักผ่อนก่อน”
“ไปเถอะๆ”
เซียวเหวินอวี๋คุยกับหวังเมิ่งเหยาสองสามคำแล้วก็หันไปกำชับเซี่ยหลิงหลงว่า หากโดนรังแกก็ให้กลับเมืองหลวง พวกเขาจะออกหน้าให้นางเอง
เซี่ยหลิงหลงยิ้มหวานกล่าวว่า “ข้าทราบแล้ว ไม่มีทางโดนรังแกหรอกน่า”
พอครอบครัวฮ่องเต้ไปแล้ว ลู่เจียวจึงได้กุมมือเซี่ยหลิงหลงมาเอ่ยว่า “หลิงหลง แม่ไม่ใช่คนหัวโบราณ หากชีวิตไร้ความสุขก็กลับมา ท่านพ่อเจ้ากับท่านแม่มีความปรารถนาเดียวก็คือเจ้ามีชีวิตที่มีความสุขและเบิกบานใจ หากแต่งงานไปแล้วไม่มีความสุขเบิกบานใจ ก็ทิ้งไปเสีย เจ้ามีพี่ชาย พวกเขาเป็นที่พึ่งของเจ้าได้”
“ท่านแม่ ข้าทราบแล้ว”
ลู่เจียวกอดบุตรสาวอย่างไม่อาจตัดใจ
ยามนี้นางจึงได้รู้แล้วว่าการแต่งบุตรสาวไม่เหมือนกับบุตรชายแต่ง บุตรชายรับคนกลับมา แต่บุตรสาวกลับต้องจากไปเป็นคนบ้านอื่น บิดามารดาเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ดังแก้วล้ำค่าในมือ รักมากที่สุด ในใจผู้เป็นบิดามารดาย่อมยากทำใจ
วันนี้หลิงหลงแต่งออกไป ใต้เท้าเซี่ยที่แต่ไรมาเป็นนิ่งสุขุมมาตลอดก็ขอบตาแดงหลายครั้ง ตอนนี้แม้แต่มาดูบุตรสาวก็ไม่กล้ามา กลัวว่าตนเองจะห้ามไม่ให้บุตรสาวแต่ง
ความจริงความต้องการแรกสุดของใต้เท้าเซี่ยก็คือบุตรสาวแต่งบุตรเขยเข้าตระกูล แต่งฉินเจามู่เข้ามาเป็นบุตรเขย สุดท้ายถูกเซี่ยหลิงหลงห้ามไว้ ตระกูลเซี่ยไม่ขาดแคลนบุตรชาย ไยต้องแต่งบุตรเขยเข้าตระกูลด้วย
“เจ้าต้องมีชีวิตให้มีความสุข”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ปล่อยบุตรสาว หันหลังออกไป สาวใช้ด้านนอกและที่รอรับใช้เซี่ยหลิงหลงด้านในพากันเดินเข้ามาแต่งตัวให้เซี่ยหลิงหลง
เซี่ยหลิงหลงถูกฉินเจามู่รับตัวไปอย่างรวดเร็ว ตระกูลเซี่ยเองก็รับสะใภ้ห้ามาถึง
วันนี้ตระกูลเซี่ยครึกครื้นตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
ตกค่ำเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวนอนตระกองกอดกัน ต่างสบตาอีกฝ่าย
“ลูกๆ โตกันแล้ว พวกเขาล้วนมีเส้นทางของตนเอง พวกเราก็มีชีวิตของพวกเรากันเถอะ พรุ่งนี้เช้าพวกเราก็ลงใต้ไปเมืองหนิงโจวเยี่ยมท่านพ่อท่านแม่เจ้ากันเถอะ”
ได้ยินว่าท่านพ่อท่านแม่ภรรยาไม่ค่อยดี สองสามวันนี้เจียวเจียวดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาตลอด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นตัดสินใจลาออกจากราชการเดินทางไปอำเภอชิงเหอเมืองหนิงโจวกับลู่เจียว ประการแรก เป็นเพื่อนลู่เจียวไปเยี่ยมท่านพ่อท่านแม่นาง ไปอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาสักหน่อย ประการที่สอง วันหน้าพวกเขาเองจะได้มีชีวิตที่อิสรเสรี ห่างไกลจากความวุ่นวายในราชสำนัก
ตอนนี้ลูกๆ ตระกูลเซี่ยล้วนขึ้นมายืนเป็นหลักกันได้แล้ว แม้แต่บุตรชายคนเล็กสุดก็ได้เข้าไปประจำในสำนักฮั่นหลินย่วน เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองออกว่าบุตรชายคนเล็กตั้งปณิธานจะเข้าสู่สำนักมนตรีเป็นขุนนางทรงอิทธิพลกุมอำนาจ และเจ้าหมอนี่ก็มีความสามารถไม่เลวอย่างมาก เขาก็ย่อมต้องถอยเพื่อมอบโอกาสให้บรรดาบุตรชาย
หากเขาไม่ไป ตระกูลเซี่ยก็จะเป็นเป้าหมายจับจ้องของขุนนางตรวจการในราชสำนัก หากทำอันใดผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยก็จะถูกขุนนางตรวจการยื่นฎีกา เขาไม่อยากให้ตระกูลเซี่ยที่เดินมาถึงวันนี้ สุดท้ายกลับเป็นเป้าหมายให้ผู้อื่นโจมตี
ฝ่าบาทจัดการตระกูลทรงอิทธิพลไปแล้ว แม้ว่าพวกเขาไม่กล้าเหิมเกริม แต่ไม่ได้หมายความว่าในใจพวกเขาไม่โมโห พวกเขาโมโหก็ไม่กล้ามุ่งใส่ฝ่าบาท แต่หันมาจับจ้องเขาแทนกระมัง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่มีทางมอบโอกาสนี้ให้พวกเขา ดังนั้นหลายวันก่อน เขาจึงได้ขอลาออกจากราชการต่อฝ่าบาทเพื่อกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด
ตอนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นอายุเพิ่งจะสี่สิบต้นๆ กำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์ ฮ่องเต้ย่อมไม่เห็นด้วย โยนเรื่องกลับมาสามรอบ แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นตัดสินใจแน่วแน่แล้ว แม้ฮ่องเต้ไม่อนุญาต พวกเขาสองสามีภรรยาก็ตัดสินใจแล้วว่า รอให้แฝดชายหญิงแต่งงานเสร็จ ก็จะออกจากเมืองหลวง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นวางแผนไปจัดตั้งสำนักศึกษาที่เมืองหนิงโจว ชีวิตที่เหลือจะเป็นอาจารย์ ส่วนลู่เจียวก็จะเป็นหมอช่วยรักษาผู้คน
นี่คือเส้นทางบั้นปลายชีวิตของพวกเขา
ในห้องลู่เจียวเงยหน้าหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ใต้เท้าเซี่ย ท่านไม่นึกเสียใจภายหลังหรือ”
เขากำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์ครองอำนาจ แต่กลับถอนตัวจากราชสำนักเพื่อบรรดาบุตรชาย หากเป็นคนอื่น เกรงว่าคงไม่อาจทำใจยอมรับได้
แต่ใต้เท้าเซี่ยไม่ได้รู้สึกอันใดแม้สักนิด เขาอมยิ้มก้มลงจุมพิตแก้มลู่เจียว
“ลูกๆ ดี พวกเราก็ดี ไม่เป็นโส่วฝู่ ไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ก็เหมือนกัน”
ลู่เจียวยิ้ม “เจ้าไม่นึกเสียใจภายหลังก็ดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราออกจากเมืองหลวงไปเงียบๆ”
วันรุ่งขึ้นฟ้ายังไม่สาง เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็นำคนจากไป แม้แต่น้ำชาบุตรชายและสะใภ้ก็ไม่ได้ดื่ม แต่ทิ้งของขวัญไว้ให้อู่เป่ากับสะใภ้ และให้บรรดาพี่ชายเขาด้วย
ฟ้าเริ่มสาง ณ ท่าเรือแม่น้ำนอกเมืองหลวง เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสองคนพาบ่าวรับใช้ขึ้นเรือ เรือใหญ่ถอนสมอออกเดินทางรวดเร็ว
เรือใหญ่พวกเขาเพิ่งออกจากท่า ก็มีกลุ่มคนพากันมาถึง นอกจากต้าเป่ากับซานเป่าและภรรยาแล้ว ก็ยังมีอู่เป่าสองสามีภรรยาตามมาด้วย น่าเสียดายพวกเขามาไม่ทันอำลาท่านพ่อกับท่านแม่
อู่เป่าน้อยน้อยใจกล่าวว่า “ท่านพ่อกับท่านแม่ลำเอียงมาก แม้แต่น้ำชาลูกสะใภ้ไม่ทันดื่มก็ไปเสียแล้ว”
ต้าเป่ายิ้มเล็กน้อย เอ่ยเตือนว่า “ท่านพ่อกับท่านแม่ผมขาวเพิ่มขึ้นเพราะงานแต่งของเจ้าไม่น้อย นี่เรียกว่าลำเอียงอีกหรือ”
เริ่มแรกอู่เป่าไม่อยากแต่ง แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวทุ่มเทหาคู่ให้เขาอย่างเหน็ดเหนื่อย สุดท้ายก็หาคนที่ทำให้อู่เป่าต้องใจได้ แม้ว่าตระกูลหญิงสาวไม่ได้สูงศักดิ์ แต่เป็นหญิงสาวตัวน้อยน่ารัก อู่เป่าจึงได้ต้องใจและ เห็นด้วยกับการแต่งงาน
เจ้าสาวได้ฟังต้าเป่าก็อดหัวเราะขำไม่ได้
ที่แท้ในเวลาส่วนตัวสามีนางคล้ายกับเด็กน้อยเช่นนี้เอง น่าสนุกจริงๆ
บุตรชายและสะใภ้บนท่าเรือเงยหน้ามองเรือใหญ่แล่นออกไป พร้อมกับยิ้มเอ่ยว่า “พวกเจ้าว่า หากท่านพ่อกับท่านแม่เห็นหนิวไหน่ กั่วต้ง ปู้ติง จะตกใจหรือไม่”
“เห็นพวกเขาคงไม่เท่าไร แต่เห็นรัชทายาทกับองค์หญิงใหญ่น่าจะตกใจสะดุ้งจริงๆ”
บนเรือใหญ่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสองสามีภรรยายืนประคองกันอยู่บนหัวเรือชมภาพเรือแล่นไปมาบนแม่น้ำ สายลมพัดโชยมาทำให้รู้สึกสบายอย่างไม่อาจบรรยาย
สองสามีภรรยาสบตากันยิ้มกล่าวว่า “ในที่สุดพวกเราก็ปล่อยความกังวลทั้งหมดลงได้แล้ว ไม่เลวเลย”
การจะจัดการให้พวกลูกๆ เติบใหญ่แต่งงานมีทายาทไปเป็นเรื่องง่ายหรืออย่างไร
ขณะที่สองสามีภรรยากำลังดีใจกันอยู่ พลันได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านหลัง พวกเขาหันไปมองก็เห็นหัวมุมท้องเรือมีศีรษะน้อยๆ ผลุบโผล่ซ้อนกัน กำลังยิ้มตาหยีมองพวกเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสะดุ้งตกใจ พอมองดูให้ดีก็เห็นว่าเป็นหลานของพวกเขา ที่สำคัญที่สุดก็คือแม้แต่รัชทายาทกับองค์หญิงใหญ่ก็ยังมาด้วย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวตกใจสะอึกกึก เจ้าพวกนี้ขึ้นเรือมาได้อย่างไร
สองสามีภรรยารีบกลับเดินเข้าไปบอกให้ทุกคนก้าวออกมา
“พวกเจ้ามาได้อย่างไร ขึ้นเรือใหญ่มาได้อย่างไร”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสั่งให้เรือหยุดทันทีด้วยสัญชาตญาณ คิดจะให้เรือใหญ่กลับลำนำพวกเด็กๆ กลับไปส่งที่ท่าเรือ
เด็กๆ แย่งกันพูดว่า
“ท่านปู่ ท่านพ่อข้าแอบส่งพวกเราส่งขึ้นเรือมา บอกว่าให้พวกเราติดตามไปกตัญญูต่อท่านปู่ท่านย่า”
“ท่านพ่อบอกว่า ให้ท่านปู่ท่านย่าอบรมสั่งสอนพวกเราว่าจะดำรงตนเช่นไร”
“ใช่แล้ว ท่านพ่อกับท่านแม่บอกว่าท่านปู่ท่านย่าจะไปเมืองหนิงโจวเปิดสำนักศึกษา ให้พวกเราติดตามไปเรียนหนังสือกับท่านปู่ท่านย่าที่สำนักศึกษา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเงยหน้ามองไปยังฉีหลินน้อยกับองค์หญิงใหญ่ “พวกเจ้าสองคนนี่ล่ะ เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
รัชทายาทน้อยยิ้มกล่าวว่า “เสด็จพ่อบอกแล้วว่า ให้ท่านปู่กับท่านย่าอบรมเรา หากท่านปู่ท่านย่าส่งเรากับเสด็จพี่หญิงกลับ เสด็จพ่อจะให้ท่านปู่เป็นขุนนางต่อ”
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นดำทะมึน ด่าว่า “เจ้าบัดซบนี่ ถึงกับกล้าข่มขู่ข้า”
รัชทายาทน้อยกับองค์หญิงใหญ่สบตากันทีหนึ่ง จากนั้นก็พุ่งเข้าไปกอดเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ท่านปู่ ท่านพาพวกเราไปเมืองหนิงโจวด้วยนะ พวกเราจะเชื่อฟังท่านปู่”
“ท่านปู่ พวกเราอยากออกไปเที่ยวบ้าง ไม่อยากอยู่แต่ในวัง ขอร้องท่านปู่พาพวกเราไปด้วยนะ”
หนิวไหน่ กั่วต้งและปู้ติงเห็นรัชทายาทกับองค์หญิงใหญ่ทำเช่นนี้ก็พุ่งเข้าไปกอดเซี่ยอวิ๋นจิ่นบ้าง เซี่ยอวิ๋นจิ่นกอดลู่เจียวอยู่พวกเขาก็กอดลู่เจียวไปด้วย “ท่านปู่ พาพวกเราไปด้วยนะ”
“ท่านย่าพาพวกเราไปด้วยนะ พวกเราจะเชื่อฟัง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวถูกกอดเอาไว้จนสลัดไม่หลุด สุดท้ายสองคนสบตากันทีหนึ่ง กล่าวอย่างจนใจว่า “เอาละ พาพวกเจ้าไปด้วยก็ได้ รีบปล่อยพวกเราก่อน”
เด็ก ๆ พากันหัวเราะลิงโลดดีใจ สุดท้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเองก็หัวเราะขึ้นมาเช่นกัน
ความจริงพวกเขารู้ความคิดซื่อเป่า คิดให้รัชทายาทกับองค์หญิงใหญ่ไปกับพวกเขา ประการแรกก็เพราะต้องการให้พวกเขาอบรมรัชทายาทกับองค์หญิงใหญ่ ประการที่สอง ต้องการให้รัชทายาทใกล้ชิดสนิทกับตระกูลเซี่ย วันหน้ารัชทายาทขึ้นครองราชย์ ตระกูลเซี่ยก็จะยังคงมีเกียรติไม่เสื่อมคลาย
นี่คือความประสงค์ดีของฝ่าบาทจากน้ำพระทัยแท้จริง!
ในวัง เซียวเหวินอวี๋กอดหวังเมิ่งเหยาเอ่ยว่า “เมิ่งเหยา เจ้าไม่ตำหนิเราที่ส่งรัชทายาทกับองค์หญิงใหญ่ไปกระมัง”
แม้ว่าในใจหวังเมิ่งเหยาเฝื่อนขม แต่ก็รู้ความตั้งใจดีของฝ่าบาทที่ทำเช่นนี้ เซี่ยโส่วฝู่กับฮูหยินโจวกั๋ว อบรมเด็กๆ ออกมา ไม่มีคนไหนไม่ใช่มังกรในหมู่คน รัชทายาทกับองค์หญิงได้รับการอบรมจากพวกเขา วันหน้าย่อมต้องเติบโตเป็นมังกรหงส์ในหมู่คน
“หม่อมฉันไม่ตำหนิฝ่าบาท หม่อมฉันรู้ความตั้งพระทัยดีของฝ่าบาทเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋หัวเราะเบาๆ ก้มลงมองหวังเมิ่งเหยา “เมิ่งเหยา เรารู้ว่าเจ้าไม่ชอบชีวิตในวัง เจ้าชอบชีวิตอิสระ เรารับปากเจ้า รอให้รัชทายาทเติบใหญ่ เราจะให้รัชทายาทรับตำแหน่งต่อจากเรา จากนั้นเราก็จะพาเจ้าไปใช้ชีวิตอย่างที่เจ้าต้องการ”
หวังเมิ่งเหยาดีใจแววตาส่องประกายวาววับ “ฝ่าบาทตรัสจริงหรือเพคะ”
“จริง มีเพียงเจ้ากับเรา พวกเราสองคน”