ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 894 เซี่ยหลิงหลง (1)
ตอนที่ 894 เซี่ยหลิงหลง (1)
ฤดูใบไม้ร่วง ปีที่สิบในรัชศกหย่งผิง ณ สวนดอกไม้ด้านหลังจวนตระกูลฉินเมืองหนิงโจว สตรีนางหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในศาลาแปดเหลี่ยม
แม้ว่านางนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ แต่ความงามเงียบสงบเช่นนั้นราวกับภาพวาด ทำให้คนที่ได้เห็นต่างไม่อาจละสายตา แม้นั่งอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้สวยสดบานแย้ม แต่ยังคงทำให้คนที่ได้เห็นนางล้วนรู้สึกว่านางงามเหนือบุปผา
สตรีนางนี้ก็คือเซี่ยหลิงหลงที่แต่งมาตระกูลฉินในปีที่แปดแห่งรัชศกหย่งผิง ที่นี่คือจวนตระกูลฉิน
เซี่ยหลิงหลงแต่งมาตระกูลฉินได้สองปีแล้ว ชีวิตพอไปได้ เพราะนางเป็นน้องสาวฮ่องเต้ คนตระกูลฉินไม่กล้าล่วงเกินนาง ฉินเจามู่ก็ดีกับนางมาก ดังนั้นชีวิตนางในตระกูลฉินจึงไม่เลวนัก
เพียงแต่สองปีผ่านไป ฮูหยินผู้เฒ่าฉินเห็นว่าสองปีแล้วนางยังไม่ตั้งครรภ์ ก็เริ่มมีวาจาตำหนิ หลายเดือนนี้ยังแสดงท่าทีให้นางรับอนุให้ฉินเจามู่ พอเห็นนางไม่สนใจ ฮูหยินผู้เฒ่าฉินก็มีสีหน้าดำทะมึนยิ่ง กอปรกับนางคิดจะหางานราชการให้บุตรชายรองและบุตรชายสามของตน เซี่ยหลิงหลงก็ไม่ยอมช่วย
เรื่องนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าฉินยิ่งโมโห
แต่เซี่ยหลิงหลงไม่สนใจแม้แต่น้อย ส่วนนางไม่ตั้งครรภ์ไม่ใช่เพราะสุขภาพนางมีปัญหา แต่เพราะนางอยากดูว่าฉินเจามู่คู่ควรแก่การที่นางจะตั้งครรภ์บุตรของเขาหรือไม่
เด็กเกิดมาก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อเด็ก ก็เหมือนบิดามารดาอบรมเลี้ยงดูลูกๆ อย่างตั้งใจจนทุกคนเป็นผู้มีความสามารถ
กล่าวตามตรง สองปีมานี้ฉินเจามู่ทำได้ไม่เลวอย่างมาก เซี่ยหลิงหลงเริ่มชอบเขาแล้ว
เขาไม่เพียงแต่หน้าตาดี ยังเป็นคนสง่าผ่าเผยและรักนางมาก ทำให้เซี่ยหลิงหลงค่อยๆ วางใจ ยอมรับเขาได้
แต่สองสามเดือนมานี้ ฮูหยินผู้เฒ่าฉินมีพฤติกรรมที่ทำให้เซี่ยหลิงหลงไม่พอใจ ยามต้องเผชิญกับฮูหยินผู้เฒ่าฉิน ฉินเจามู่มักบอกให้นางอดทน เพราะอย่างไรนางก็เป็นมารดาเขา ลำบากเพื่อตระกูลฉินมาไม่น้อย
สองสามครั้งก็แล้วไป แต่บอกให้เซี่ยหลิงหลงอดทนอยู่ตลอด ทำให้เซี่ยหลิงหลงเริ่มไม่พอใจแล้ว หญิงตระกูลเซี่ยไม่จำเป็นต้องมีชีวิตที่อดทนกล้ำกลืน
เพียงแต่ตอนนี้นางยังไม่ได้เอาเรื่องเพราะนางต้องการดูว่าฮูหยินผู้เฒ่าฉินจะทำไปถึงขั้นใด
และฉินเจามู่ต้องการให้นางอดทนเพื่อมารดาเขาไปถึงขั้นใด
ขณะเซี่ยหลิงหลงกำลังคิดอยู่ นอกศาลาแปดเหลี่ยม หลิ่วฝูเดินเข้ามา “คุณหนู ฮูหยินผู้เฒ่าฉินให้ผอจื่อ[1]มาเชิญท่านไปทางนั้นหน่อยเจ้าค่ะ”
เซี่ยหลิงหลงเก็บหนังสือพยักหน้า “ได้”
พอทุกคนไปถึงเรือนฮูหยินผู้เฒ่า
ในเรือนบุปผาของเรือนฮูหยินผู้เฒ่า นอกจากฮูหยินผู้เฒ่ายังมีคนอื่นอีก เซี่ยหลิงหลงจำได้ว่านางเป็นหลานสาวทางฝั่งฮูหยินผู้เฒ่า เดิมคิดแต่งเป็นภรรยาฉินเจามู่ ฉินเจามู่ไม่ตกลง ต่อมาฝ่าบาทพระราชทานเซี่ยหลิงหลงให้แต่งกับเขา สุดท้ายหลานสาวคนนี้จึงแต่งกับผู้อื่นไป
พอเซี่ยหลิงหลงเข้ามา หลานสาวนางก็มองมาด้วยแววตาล้ำลึกมีเลศนัย
ฮูสีหน้าหยินผู้เฒ่าฉินดีอย่างไม่ค่อยได้เห็นนัก กวักมือบอกให้เซี่ยหลิงหลงนั่งลง
“หลิงหลง ท่านแม่เรียกเจ้ามาเพราะมีเรื่องสำคัญหารือกับเจ้า”
“ท่านแม่ ท่านกล่าวมาได้เลย”
เซี่ยหลิงหลงเอ่ยอย่างอ่อนโยน ฮูหยินผู้เฒ่าฉินมองนางทีหนึ่ง ในใจนึกไม่พอใจ เดิมคิดว่าตระกูลฉินแต่งบุตรีตระกูลเซี่ยมา ตระกูลฉินได้กำไรแล้ว ปรากฏสะใภ้คนนี้ไม่ได้ช่วยตระกูลฉินแม้แต่น้อย ไม่เพียงแต่ไม่ช่วย แม้แต่ครรภ์ก็ไม่มีวี่แวว ฮูหยินผู้เฒ่าฉินคิดถึงเรื่องนี้ มุมปากก็อดเม้มแน่นไม่ได้
เซี่ยซวงหลานสาวนางอดเอ่ยเรียกเบาๆ ไม่ได้ “ท่านอา”
ฮูหยินผู้เฒ่าฉินรีบคิดถึงเรื่องที่วันนี้เรียกเซี่ยหลิงหลงมา สีหน้าก็อ่อนโยนลงไม่น้อย
นางมองเซี่ยหลิงหลงทีหนึ่ง กวักมือเรียกเซี่ยซวงเข้ามา “หลิงหลง นี่คือซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้จักไหม ซวงเอ๋อร์ สามีนางป่วยตายแล้ว”
เซี่ยหลิงหลงพยักหน้า “น้องซวงเอ๋อร์โปรดระงับความเศร้าด้วย”
เซี่ยซวงถลึงตาใส่นางทีหนึ่ง นางไม่ได้เศร้าไหม นางแทบจะให้เจ้านั่นรีบตายๆ ไปซะ ตอนนั้นนางไม่ได้เห็นด้วยที่จะแต่ง แต่สุดท้ายก็ตอบตกลงแต่งกับเจ้าตัวขี้โรคก็เพราะรอเขาตาย นางก็จะได้แต่งมาตระกูลพี่ชายลูกพี่ลูกน้องนางผู้นี้ แม้ไม่อาจเป็นฮูหยินใหญ่ แต่ก็เป็นอนุมีศักดิ์ ช้าเร็วสักวันหนึ่งนางจะแย่งพี่ชายลูกพี่ลูกน้องนางผู้นี้กลับคืนไป
เซี่ยซวงคิดไปก็ทำทีแสดงสีหน้าเศร้าเสียใจไปพลาง
ฮูหยินผู้เฒ่าฉินเห็นนางเสียใจเช่นนี้ก็รู้สึกเสียใจไปด้วย ยื่นมือไปกุมมือนางกล่าวว่า “ตอนนี้ซวงเอ๋อร์ลำบากมาก บ้านสามีไม่ยอมรับนาง บ้านเดิมนางก็ไม่อาจกลับไป ในฐานะท่านอา ข้าสงสารนาง ดังนั้นคิดจะให้นางอยู่บ้านเรา แต่นางมาอยู่ตระกูลฉินไร้สถานะเช่นนี้ดูเหมือนไม่ค่อยดี ข้าครุ่นคิดแล้วก็ว่าจะให้เจามู่รับนางเป็นอนุ ความจริงก็แค่เพื่อให้สถานะนางเท่านั้น”
ฮูหยินผู้เฒ่าฉินกล่าวจบมองไปยังเซี่ยหลิงหลง เซี่ยหลิงหลงได้ฟังที่ฮูหยินผู้เฒ่าฉินพูดมายาวเหยียดทั้งหมด ก็เข้าใจว่านางคิดต้องการอันใด
นางเงยหน้ามองฮูหยินผู้เฒ่าฉินด้วยสีหน้านิ่งเฉย พูดออกมาเลยดีกว่าไหม
วันนี้ใช้คำกล่าวอ้างมากมายเพื่อให้น้องสาวสามีผู้นี้ได้อยู่ต่อ วันหน้าก็จะมีอนุอื่นตามมาอีกกระมัง
ท่านแม่สามีก็ช่างน่ารังเกียจเสียจริง
เซี่ยหลิงหลงยิ้มมองฮูหยินผู้เฒ่าฉิน จากนั้นก็มองไปยังน้องสาวลูกพี่ลูกน้องฉินเจามู่ สุดท้ายยิ้มกล่าวว่า “หากเจามู่เห็นด้วย ข้าก็ไม่มีความเห็น ก็แค่เลี้ยงคนเพิ่มขึ้นอีกคนไม่ใช่หรือ ข้าเลี้ยงไหว”
เซี่ยซวงสีหน้าพลันแข็งทื่อด้วยความโมโหมาก แต่สุดท้ายไม่ได้เอ่ยอันใด
เซี่ยหลิงหลงกล่าวจบก็มองไปยังฮูหยินผู้เฒ่าฉิน “ท่านแม่ หากไม่มีอันใด ข้าขอตัวกลับก่อน”
“กลับไปเถอะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าฉินโบกมือ พอเซี่ยหลิงหลงไปแล้ว จึงได้หันไประบายกับผอจื่อข้างกาย กล่าวว่า “ช่างน่าโมโหจริง วันทั้งวันเอาแต่ทำท่าทางสูงส่งดูแคลนตระกูลฉินเรา เคยเห็นตระกูลฉินเราเป็นบ้านสามีตนเองหรือไม่ หากเห็นพวกเราเป็นบ้านสามีนาง ก็ควรช่วยน้องชายน้องสาวสามีตนเองบ้าง”
“ปรากฏไม่ช่วยก็แล้วไป แม้แต่ครรภ์ก็ไม่มีวี่แวว ข้าบอกว่ารับอนุก็ไม่เห็นด้วย สวรรค์ นี่นางใหญ่มาจากที่ใดกัน น่าสงสารบุตรชายข้า ถึงกับแต่งหญิงเช่นนี้มาได้”
เซี่ยซวงได้ฟังฮูหยินผู้เฒ่าฉินก็ยิ้มได้ใจ จากนั้นก็แสร้งเข้าไปปลอบใจ “ท่านอา ผู้ใดให้นางมาจากเมืองหลวงกัน บิดาและพี่ชายต่างเก่งกาจ ยังเป็นน้องสาวฝั่งบิดามารดาบุญธรรมของฮ่องเต้อีก”
เอ่ยถึงเรื่องนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าฉินก็ยิ่งโมโห “น้องสาวฮ่องเต้อันใด ข้าไม่เห็นฮ่องเต้จะดีกับนางสักเท่าไร แม้แต่แต่งตั้งบรรดาศักดิ์ก็ไม่มี ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงพระราชทานพื้นที่อันใด เห็นชัดว่าไม่ได้รับความโปรดปราน”
ความจริงตอนแรกสุดฮูหยินผู้เฒ่าฉินระวังตัวกับเซี่ยหลิงหลงมาตลอด แต่เพราะเซี่ยหลิงหลงไม่ได้แสดงอาการเอาเรื่อง ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าฉินนับวันยิ่งได้ใจ ตอนนี้แทบไม่เห็นเซี่ยหลิงหลงอยู่ในสายตา
ยามนี้เซี่ยหลิงหลงพาสาวใช้กลับไปเรือนตนเอง ตลอดทางหลิ่วฝูโมโหกล่าวว่า “คุณหนู ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลฉินเกินไปแล้ว ถึงกับให้ท่านเขยรับหญิงหม้ายมาเป็นอนุ ท่านควรเอาเรื่องสักหน่อย”
คิดถึงคุณหนูนางแต่เล็กได้รับการดูแลตามใจ พอออกเรือนกลับต้องมาทนรองรับอารมณ์มากมายเช่นนี้ หลิ่วฝูคิดแล้วก็โมโห อยากกลับเมืองหลวงไปฟ้องพวกคุณชายใหญ่จริงๆ
เซี่ยหลิงหลงหัวเราะเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าจะไปสนใจฮูหยินผู้เฒ่าทำไมกัน”
แต่ไรมานางไม่เคยเห็นฮูหยินผู้เฒ่าฉินในสายตา นางกำลังมองดูว่าชายเช่นฉินเจามู่ควรค่าแก่การที่นางจะมอบความจริงใจให้หรือไม่ ควรค่าแก่การที่นางจะให้กำเนิดบุตรของเขาหรือไม่ เดิมนางเริ่มค่อยๆ ชอบเขาแล้ว อยากจะใช้ชีวิตกับเขาไปชั่วชีวิต ปรากฏสองสามเดือนมานี้ทำให้นางค้นพบเรื่องหนึ่ง
แม้ว่าความสามารถเขาไม่เลว และรักนางมาก แต่ในใจส่วนลึกก็ยังมีความคิดผู้ชายเป็นใหญ่ และพอแตะต้องมารดาเขา ก็จะบอกให้ภรรยายอมฝืนทนกล้ำกลืน คนเช่นนี้ไม่ใช่คนที่นางต้องการ
คนที่นางต้องการก็คือคนที่ทุ่มเทรักนางทั้งใจ ไม่ใช่คนที่บอกให้นางต้องอดทน
เมื่อครู่ตอนฮูหยินผู้เฒ่าฉินคิดรับน้องสาวลูกพี่ลูกน้องเขาเป็นอนุ นางไม่ได้คัดค้าน เพราะนางต้องการดูว่าฉินเจามู่คิดอย่างไร
นี่คือโอกาสสุดท้ายที่นางมอบให้เขา หากเขาทำตามคำมารดาเขา เห็นด้วยที่จะรับเซี่ยซวงเป็นอนุ เช่นนั้นผู้ชายเช่นนี้ไม่เอาเสียก็ดี
[1] คำเรียกขานบ่าวหญิงสูงวัย