ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 900 ทำเองรับเอง
ตอนที่ 900 ทำเองรับเอง
เซียวเหวินอวี๋พอได้ฟังรายงานจากองครักษ์ว่าฉินเจามู่ขอเข้าเฝ้าก็คิดถึงเซี่ยหลิงหลงขึ้นมา
เซี่ยหลิงหลงแต่งไปตระกูลฉินสองปีไม่ได้กลับมาเมืองหลวง ในฐานะพี่ชาย เขาคิดถึงน้องสาวคนเล็กมาก เดิมเขาคิดจะย้ายฉินเจามู่กลับเมืองหลวง และส่งคนไปเอ่ยกับหลิงหลงเรื่องนี้แล้ว แต่กลับถูกหลิงหลงยับยั้งไว้ ฉินเจามู่ประจำตำแหน่งจือฝู่ที่ฉางหนิงไม่ถึงสามปี หากย้ายเขาเข้าเมืองหลวงก็คงต้องโดนขุนนางตรวจการยื่นฎีกา จะส่งผลกระทบต่อเซียวเหวินอวี๋และตระกูลเซี่ย เซี่ยหลิงหลงยืนยันไม่เห็นด้วยที่จะย้ายฉินเจามู่เข้าเมืองหลวง
ตอนนี้ฉินเจามู่ปรากฏตัว หรือว่าหลิงหลงเกิดเรื่องอันใด
เซียวเหวินอวี๋รีบให้องครักษ์เรียกฉินเจามู่เข้าวัง พอได้พบฉินเจามู่ เขาจึงได้รู้ว่าเกิดเรื่องใดกับหลิงหลง
เซียวเหวินอวี๋โมโหมาก ยกมือคว้าแท่นฝนหมึกปาใส่ฉินเจามู่ที่คุกเข่าอยู่ ฉินเจามู่ไม่กล้าแม้แต่จะหลบ ถูกแท่นหินฝนหมึกปาเอาจนหน้าผากเลือดออก
ยามนี้เขาน่าอนาถไม่อาจบรรยาย ไม่เพียงแต่สีหน้าซีดเผือด ยังมีเลือดออกที่หน้าผาก
แต่เขาเช่นนี้ยังคงไม่อาจทำให้เซียวเหวินอวี๋สงสาร เขาโมโหชี้หน้าด่าฉินเจามู่เสียงดังว่า “หลิงหลงแม้ไม่ใช่องค์หญิง แต่ก็ไม่ต่างกันสักเท่าไร นางเป็นน้องสาวที่เรารักที่สุด เรายังไม่กล้าทำให้นางโมโห พวกเจ้าดีจริง ถึงกับทำให้นางไม่เบิกบานใจ ตระกูลฉินเจ้าไม่เลวเลยนะ”
เซียวเหวินอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ลุกขึ้นเดินไปมาในห้องทรงอักษร เพราะความโมโหมากเกินไป เขาเดินไปถีบฉินเจามู่สองที ด่าว่า “เจ้ารู้ไหมว่าเราเป็นคนเลี้ยงดูทะนุถนอมนางมา ไยต้องมาทนรองรับอารมณ์ตระกูลฉินเจ้ากัน”
ฉินเจามู่สีหน้ายิ่งซีดเผือด ในเวลานี้รู้สึกได้ถึงความรักที่ฮ่องเต้มีต่อหลิงหลงได้อย่างแท้จริง
เขาโมโหเช่นนี้ คงไม่ให้หลิงหลงหย่ากับเขากระมัง
ในใจฉินเจามู่พลันค่อยๆ เริ่มแตกตื่นลนลาน เขาปรี่เข้ามาคุกเข่า “ฝ่าบาทล้วนเป็นความผิดกระหม่อม วันหน้ากระหม่อมจะไม่ทำให้หลิงหลงโมโหหรือเสียใจอีก ชีวิตที่เหลือนี้ของกระหม่อมจะไม่ทำให้หลิงหลงต้องโดนรังแกอีกแม้แต่น้อย”
เซียวเหวินอวี๋มองเขาเย็นชา พลางแค่นเสียงฮึเยียบเย็น “เจ้าคิดว่าเจ้ายังมีโอกาสอีกหรือ”
พอเอ่ยวาจานี้ออกมา สายตาฉินเจามู่พลันดับวูบ ร่างโงนเงนเกือบล้ม
แต่ยามนี้เขาไม่กล้าเป็นลม “ฝ่าบาท ได้โปรดให้โอกาสกระหม่อมสักครั้ง ชีวิตที่เหลือของกระหม่อมจะทุ่มเทดีต่อหลิงหลง”
เห็นได้ชัดว่าเซียวเหวินอวี๋ไม่ค่อยเชื่อคำพูดเขา เขาเอ่ยเตือนฉินเจามู่เย็นเยียบ “เจ้าแน่ใจหรือ ก่อนหน้านี้ตอนเราพระราชทานหลิงหลงให้แต่งกับเจ้า เจ้าก็รับรองเช่นนี้ ปรากฏเพียงแค่สองปี เจ้าก็ทำให้นางต้องกล้ำกลืนฝืนทนมากมายเช่นนี้”
“มารดาเจ้าเป็นหญิงบ้านนอกเช่นนั้น ถึงกับกล้าหาเรื่องน้องสาวที่เรารักและปกป้องที่สุด ผู้ใดให้ความกล้ามารดาเจ้ากัน”
ฉินเจามู่สีหน้าซีดเผือด เขาคิดพลาดไปแล้ว เขาคิดว่าหลิงหลงเป็นสะใภ้ตระกูลฉินก็คือสะใภ้ ท่านแม่เขาก็คือผู้อาวุโสของนาง ในฐานะผู้น้อยก็ควรอดทนต่อผู้อาวุโส เป็นเรื่องสมควร แต่เขาลืมไปว่าเซี่ยหลิงหลงเป็นน้องสาวฮ่องเต้ แม้ว่าไม่ได้มีตำแหน่งองค์หญิง แต่ก็เทียบเท่าองค์หญิง เป็นถึงองค์หญิงไยต้องมาอดทนกับหญิงบ้านนอกคนหนึ่งด้วย ตามหลักแล้วท่านแม่เขาควรคำนับองค์หญิงเสียด้วยซ้ำไป
“ฝ่าบาท เป็นความผิดกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเหวินอวี๋สงบลงแล้ว แววตานิ่งลึกมองฉินเจามู่ ค่อยๆ เอ่ยว่า “ในเมื่อเจ้าไม่ทะนุถนอม มีคนอยากทะนุถนอมอีกมาก บุตรชายตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงมากมายเท่าไรอยากจะแต่งบุตรีตระกูลเซี่ย ตอนนั้นหากไม่ใช่หลิงหลงยืนยัน ก็คงไม่ตกถึงคนเช่นเจ้า”
วาจาฮ่องเต้นี้เกือบจะบอกกระจ่างว่าจะทรงมีราชโองการให้เซี่ยหลิงหลงหย่ากับเขา ยังจะพระราชทานให้เซี่ยหลิงหลงแต่งใหม่
ในใจฉินเจามู่สั่นสะท้านนึกกลัว ไม่สนใจโลหิตที่หน้าผาก ลงคุกเข่าโขกศีรษะทันที “ฝ่าบาท กระหม่อมรู้ผิดแล้ว โปรดให้โอกาสกระหม่อมสักครั้ง ชีวิตนี้ฝ่าบาทต้องการให้กระหม่อมทำอันใด กระหม่อมจะทำตามทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”
วาจานี้เท่ากับแสดงความจงรักภักดีต่อฝ่าบาท แม้แต่ให้มอบกายถวายชีวิตก็ย่อมได้
เซียวเหวินอวี๋มองไปยังฉินเจามู่ เอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้าบอกเรามา ที่เจ้าไม่อยากหย่าเพราะกลัวเราเอาเรื่องเจ้า เอาเรื่องตระกูลฉินเจ้า หรือว่า…”
ฉินเจามู่รีบกล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมชอบหลิงหลง ชอบมากนาง เพียงแต่กระหม่อมแต่เล็กได้รับการอบรมสั่งสอนในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น ทำให้กระหม่อมคิดว่าเป็นสะใภ้ควรอดทน อย่างไรก็ต้องกตัญญูเป็นอันดับแรก กระหม่อมลืมความรู้สึกของหลิงหลง ทุกอย่างเป็นความผิดของกระหม่อม วันหน้ากระหม่อมจะจดจำไว้พ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเหวินอวี๋มองฉินเจามู่ท่าทางเจ็บปวดรวดร้าวใจ ก็หัวเราะเบาๆ แค่นยิ้มกล่าวว่า “สมน้ำหน้า”
ฉินเจามู่มองเซียวเหวินอวี๋ แววตาเต็มไปได้ด้วยความดึงดัน “ขอฝ่าบาทละเว้นกระหม่อมสักครั้ง ให้โอกาสกระหม่อมสักครั้ง กระหม่อมจะรับใช้ฝ่าบาทด้วยชีวิต”
เซียวเหวินอวี๋เงียบงัน เดิมฉินเจามู่เป็นคนเก่งมีความสามารถที่เข้าตาเขา เขาเป็นจ้วงหยวนในปีที่สองรัชศกหย่งผิง เซียวเหวินอวี๋ส่งเขาไปเจรจากับพวกชนเผ่าเร่ร่อนสิบสองชนเผ่า ดำเนินเรื่องตลาดการค้าสองแผ่นดิน เขาใช้เวลาเพียงสามเดือนก็กล่อมพวกชนเผ่าเร่ร่อนสิบสองชนเผ่าให้พวกเขาเห็นด้วยกับการเปิดตลาดการค้าร่วมกับแคว้นต้าโจวได้
เขายังใช้เวลาเพียงปีครึ่งจัดตั้งตลาดการค้าแคว้นต้าโจวกับชนเผ่าเร่ร่อนสิบสองชนเผ่าได้
เซียวเหวินอวี๋มองความสามารถของเขาออก จึงส่งเขาไปฉางหนิงเป็นจือฝู่เมืองฉางหนิง
เขาใช้เวลาเพียงแค่สองปีก็จัดการฉางหนิงได้ดีถึงขนาดที่แม้มีของมีค่าตกที่พื้นก็ไม่มีคนคิดครอบครองเป็นของตนเอง ราษฎรมีชีวิตที่ดี
เดิมเขาก็วางแผนจะใช้งานคนผู้นี้
เขาเปิดสอบคัดเลือดในปีที่สองรัชศกหย่งผิงก็เพื่อเลือกคนของตนเอง สร้างอิทธิพลของตนเอง กุมอำนาจแคว้นต้าโจวไว้ในมือตนเอง
ต่อมาหลิงหลงต้องการแต่งกับเขา เขาก็ไม่ได้ห้ามจริงจัง ก็เพราะรู้ว่าสุดท้ายตนก็คงใช้งานฉินเจามู่ หลิงหลงแต่งกับเขา วันหน้าก็ยังคงมีเกียรติ พอเข้าเมืองหลวงมา นางก็จะเป็นภรรยาแต่งที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับฉินเจามู่มา ฉินเจามู่ย่อมต้องดีต่อนาง
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเกิดเหตุเหนือความคาดหมายเช่นนี้ไปได้
เซียวเหวินอวี๋มองฉินเจามู่ เอ่ยน้ำเสียงสับสนว่า “เจ้าทำให้เราผิดหวังจริงๆ”
ฉินเจามู่ขอบตาแดง “ฝ่าบาท ทุกอย่างเป็นความผิดกระหม่อม ฝ่าบาทจะลงอาญาก็ลงที่กระหม่อม แต่ขอฝ่าบาทให้โอกาสกระหม่อมสักครั้ง”
เซียวเหวินอวี๋เห็นท่าทางดื้อดึงของชายผู้นี้ สุดท้ายก็ไม่ได้มีราชโองการให้พวกเขาหย่า แต่กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เรื่องนี้เราจะฟังความคิดของหลิงหลง หากหลิงหลงยืนยันจะหย่า เราก็จะไม่ห้าม กลับกัน หาก หลิงหลงยืนยันไม่หย่า เราก็จะตามใจนาง”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบ ฉินเจามู่ก็โล่งอก ฝ่าบาทไม่ได้รีบร้อนมีราชโองการหย่า เขาก็มีโอกาส
ฉินเจามู่ฝืนทนมาหลายวัน กอปรกับถูกเซียวเหวินอวี๋ปาจนบาดเจ็บอีก ยามนี้พอวางใจลงได้ก็สลบไปทันที
เซียวเหวินอวี๋รีบสั่งการโจวโย่วจิ่น “ไปตามหมอหลวงมาตรวจอาการให้ใต้เท้าฉินหน่อย”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ตอนนี้หัวหน้าสำนักหมอหลวงก็คือฉีเหล่ยแห่งตระกูลฉี ตระกูลฉีเป็นตระกูลหมอหลวง บิดาฉีเหล่ยอายุมากแล้ว จึงเสนอให้ฉีเหล่ยเข้าวัง ฉีเหล่ยเห็นเซียวเหวินอวี๋มาแต่เล็ก เซียวเหวินอวี๋ย่อมรู้สึกดีต่อฉีเหล่ยมาก เขาเชื่อในวิชาการแพทย์ฉีเหล่ย อย่างไรก็เป็นศิษย์ที่ท่านแม่เขาอบรมสั่งสอนมาด้วยตนเอง
ดังนั้นพอฉีเหล่ยเข้าวังมา เขาก็ให้ฉีเหล่ยเป็นหัวหน้าสำนักหมอหลวง พร้อมกับมีราชโองการย้ายซานเป่าจากเมืองหนิงโจวกลับเมืองหลวงมาเป็นหัวหน้าสำนักยาหลวงเมืองหลวง
ฉีเหล่ยนำคนมาถึงอย่างรวดเร็ว หลังตรวจให้ฉินเจามู่แล้วก็พันแผลให้เสร็จ จากนั้นยังให้ยาเม็ดบำรุงร่างกายแก่ฉินเจามู่
สุขภาพใต้เท้าฉินท่านนี้ไม่ค่อยดีนัก
ฉีเหล่ยรักษาเสร็จก็ลุกขึ้นรายงานเรื่องนี้ต่อเซียวเหวินอวี๋ เซียวเหวินอวี๋มองฉินเจามู่สองสามทีแล้วก็ แค่นเสียงฮึเยียบเย็น ทำเองรับเอง