ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 903 อุบายยอมเจ็บตัว
ตอนที่ 903 อุบายยอมเจ็บตัว
ใต้เท้าฉินหันหลังเดินไปตระกูลเซี่ย หานซานด้านหลังเห็นสภาพน่าอนาถของใต้เท้าตน ก็ได้แต่ถอนหายใจ แต่ภรรยามีตระกูลหนุนหลังนี้น่ากลัวจริง
โชคดีเขาเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้ วันหน้าแต่งแค่สาวใช้เป็นภรรยาก็พอ
ฉินเจามู่ไปตระกูลเซี่ยขอพบเซี่ยหลิงหลง น่าเสียดายคนเฝ้าประตูไม่ยอมไปรายงานให้เขา
ไม่เพียงแต่ไม่ให้เขาพบ คนเฝ้าประตูยังยกกะละมังน้ำออกมาใช้กระบวยตักสาด
ใต้เท้าฉินถูกน้ำเปียกปอนไปหมดทั้งตัว
หานซานกลัวใต้เท้าตนล้มป่วย คิดจะพาเขาไปโรงเตี๊ยมไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พักผ่อนสักครู่ค่อยมาใหม่ น่าเสียดายใต้เท้าฉินยืนยันไม่ไป ยืนอยู่นอกประตูตระกูลเซี่ยราวกับเสาไม้
จนกระทั่งยามเช้าเซี่ยเหวินเหยาออกไปประชุมท้องพระโรงยามเช้า ใต้เท้าฉินยืนหน้าตาเปียกปอนอยู่ตรงหน้าประตู โชคดีที่เป็นฤดูใบไม้ร่วง หากเป็นฤดูหนาว คงได้หนาวเหน็บล้มป่วยเป็นแน่
พอฉินเจามู่เห็นเซี่ยเหวินเหยา ก็ขวางเซี่ยเหวินเหยาไว้ “พี่ใหญ่ พี่ให้ข้าได้พบหลิงหลงสักครั้งเถอะนะ”
เซี่ยเหวินเหยาเห็นหน้าตามอมแมมของเขาแล้วก็ชักสีหน้าไม่พอใจ “ใต้เท้าฉิน คิดว่าน้องสาวข้าถูกรังแกมาน้อยไปหรือ ยังคิดมาทำให้นางต้องเสียใจอีก ในฐานะผู้ชาย เจ้าไม่รู้จักปกป้องภรรยาตนเอง ปล่อยให้มารดาไม่รู้ความมารังแกภรรยา ถึงกับแม้แต่เรื่องรับอนุในนามเจ้าก็ยังยอมรับได้ ข้าดูแคลนเจ้านัก”
“หรือเจ้าไม่รู้ว่ามารดาเจ้าหมายความเยี่ยงไร เห็นอยู่ว่ารับอนุในนามเจ้า ความจริงก็คือคิดให้เจ้ารับอนุหรือนี่ก็เป็นความต้องการของเจ้าด้วย”
นี่คือเรื่องที่เซี่ยเหวินเหยาโมโหมากที่สุด ตอนนั้นพวกเขาพ่อลูกคุยกับฉินเจามู่ หากเขาไม่รับอนุก็จะให้หลิงหลงแต่งกับเขา เขาเองก็ยอมรับแล้ว
ปรากฏกลับคืนคำ
ยามนี้ฉินเจามู่นึกเสียใจภายหลังแล้ว เขารู้สึกปวดร้าวใจจนแทบจะกลับไปตบหน้าตัวเองในอดีตสักสองสามฉาด
ความจริงเขาไม่ได้คิดรับอนุ เพียงแต่ตอนมารดาตนบอกเขาเรื่องนี้ เขาไม่คิดอันใด ก็แค่อนุในนามเขา เขาไม่แตะต้องก็คงไม่มีเรื่องอันใด คิดไม่ถึงว่ากลับทำให้หลิงหลงโมโห ให้พี่ใหญ่สงสัยในความประพฤติเขาได้
ฉินเจามู่มองเซี่ยเหวินเหยา เอ่ยด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า “พี่ใหญ่ ข้าไม่เคยคิดรับอนุจริงๆ หากข้ามีความคิดรับอนุแม้สักนิด ทำให้หลิงหลงเสียใจ ก็ขอให้ข้าไม่ได้ตายดี”
แม้แต่คำสาบานรุนแรงก็เอ่ยแล้ว เซี่ยเหวินเหยาเห็นท่าทางของเขาเช่นนี้ สีหน้าเขาก็ดีขึ้นมากไม่น้อย
เพราะหลิงหลงไม่คิดหย่า คนผู้นี้ยังคงเป็นน้องเขยเขา แต่ความผิดนี้เขาต้องแบกรับไว้
เซี่ยเหวินเหยาครุ่นคิดแล้วก็กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าไม่คิด แต่ไม่รู้หรือว่าเจ้ากล่าววาจานี้ จะทำให้ภรรยาเจ้าเสียใจ เช่นนั้นข้าถามเจ้า หากหลิงหลงมีพี่ชายลูกพี่ลูกน้องไปอยู่ตระกูลฉินเจ้า หลิงหลงไม่ได้ให้สถานะอันใดเขา เพียงแค่อาศัยในบ้านเจ้า ไม่มีอันใดก็ไปเยี่ยมเยือนกันตลอด ฉินเจามู่ เจ้าก็ไม่โกรธหรือ”
ฉินเจามู่คิดถึงภาพเช่นนั้นแล้วก็พลันรู้สึกในใจยากทนรับไหว
ตอนนี้เขานับว่ากระจ่างใจแล้ว รู้ปัญหาของเขาเองแล้ว
แม้ว่าเขาชอบหลิงหลง แต่เขาได้รับการอบรมความคิดตามแบบขงจื๊อมาอย่างค่อนข้างฝังรากลึก ให้ความสำคัญกับความกตัญญูและธรรมเนียมจารีตมากเกินไป ดังนั้นแม้เขาชอบหลิงหลงมากมาย ก็ไม่มากเกินกว่าธรรมเนียมจารีต ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนลึกของเขาเองก็รู้สึกว่าสตรีควรเป็นเช่นนี้
ตอนนี้คิดแล้วก็รู้ว่าผิดมหันต์ ระหว่างสามีภรรยา ขอเพียงรักกันก็พอ ไหนเลยต้องมีธรรมเนียมมากมายเช่นนั้น
“พี่ใหญ่ ข้าสำนึกผิดแล้ว”
เซี่ยเหวินเหยามองเขาทีหนึ่ง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “สายไปแล้ว”
จากนั้นก็ขึ้นรถม้าไปประชุมท้องพระโรงยามเช้า
ฉินเจามู่ได้ฟังเซี่ยเหวินเหยาก็ทนรับไม่ไหวสลบล้มลงไปทันที
หานซานตกใจตะโกนเรียก “ใต้เท้า ใต้เท้า?”
เซี่ยเหวินเหยาบนรถม้าได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านหลัง ก็เลิกม่านออกมามองทีหนึ่ง พบว่าฉินเจามู่สีหน้าซีดเผือดล้มลงกับพื้น เซี่ยเหวินเหยานับว่าสบายใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย สั่งการลูกน้องด้านนอกว่า “เฝ้ามองไว้ หากใต้เท้าฉินท่าทางไม่ดี ให้มารายงานข้าทันที”
“ขอรับ ใต้เท้า”
เซี่ยหลิงหลงไม่รู้เรื่องนี้ ตื่นเช้ามา นางล้างหน้าแต่งตัวกินอาหารเช้าแล้วก็ตามบรรดาพี่สะใภ้เข้าวัง
ฮองเฮาหวังเมิ่งเหยากำลังรอนางอยู่ พอเห็นนางเข้าวังมาก็ดีใจนพูดไม่ออก ดึงนางมาคุยด้วย แล้วยังมอบของให้นางอีกกองโต
หลิงหลงอดยิ้มไม่ได้ “ข้าไม่ต้องทำอันใด รอรับแค่ของขวัญก็พอแล้ว อาศัยแค่นี้ ชีวิตนี้ของข้าก็กินไม่หมดแล้ว”
หวังเมิ่งเหยาและหูหลิงเสวี่ยอดยิ้มไม่ได้ นอกพระที่นั่ง ฮองเฮาเรียกบรรดาฮูหยินมาเข้าเฝ้า บรรดาฮูหยินเหล่านี้ล้วนเป็นตระกูลที่สนิทกับตระกูลเซี่ย ดังนั้นพอเข้ามาก็มีแต่เสียงพูดคุยหัวเราะ
ในวังครึกครื้นยิ่ง นอกวัง ณ โรงเตี๊ยม ฉินเจามู่เป็นหวัดเพราะต้องไอเย็น หานซานเชิญหมอมารักษาให้ใต้เท้าตน แม้ว่าไข้ลดแล้ว แต่ใต้เท้าตนกลับเริ่มมีอาการไอโขลกขึ้นมา
หานซานเห็นแล้วก็ร้อนใจมาก ตัดสินใจจะไปสำนักยาหลวงเชิญหมอจากสำนักยาหลวงที่มีหน้าที่รักษาขุนนางมารักษาใต้เท้าตน ใต้เท้าตนเป็นจือฝู่ระดับห้า เชิญหมอจากสำนักยาหลวงมารักษาอาการป่วยได้ ไม่มีปัญหา
แต่ฉินเจามู่กลับห้ามหานซาน “อย่า เจ้าส่งคนไปเฝ้าประตูวังไว้ พอฮูหยินออกมาก็รีบมารายงานข้า”
หานซานพอได้ฟังก็รู้ความหมายใต้เท้าตน คิดจะใช้อุบายยอมเจ็บตัว หวังใช้อุบายนี้ทำให้ฮูหยินสงสาร ไม่แน่ว่าอาจจะไม่หย่าแล้ว
หานซานอดบ่นไม่ได้ “ใต้เท้า เช่นนี้จะได้หรือ”
“ได้ไม่ได้ อย่างไรก็ต้องลองสักหน่อย หรือว่าจะปล่อยให้หย่าจริง”
คิดถึงหย่าจริง สีหน้าเขาพลันซีดขาวกว่าเดิม เวลาเพียงแค่สิบกว่าวัน ฉินเจามู่ผ่ายผอมลงไปเป็นกอง แม้ว่าโครงหน้ายังคงงามสง่าดังเดิม แต่กลับทำให้คนเห็นแล้วก็ได้แต่เป็นห่วง
หานซานไม่ได้กล่าวอันใดอีก เดินออกไปสั่งให้คนเฝ้ามองประตูวังไว้ ขอเพียงฮูหยินออกมาก็จะพาใต้เท้าไปขวางรถม้าไว้
น่าเสียดายเซี่ยหลิงหลงไม่ได้ออกจากวังหลวง นางอยู่ในวังถึงสามวันเต็มๆ จึงได้ออกจากวังหลวง
เดิมนางยังไม่คิดออกจากวังหลวง ปรากฏได้รับข่าวจากคนของพี่ใหญ่
ยังต้องการน้องเขยคนนี้อีกหรือไม่ เหมือนว่าเขาป่วย แต่ไม่ยอมไปหาหมอ ยามนี้ซูบผอมอย่างมาก หากน้องสาวเขายังไม่ออกมาอีก คาดว่าคนผู้นี้ก็คงจบสิ้นแล้ว
เซี่ยหลิงหลงคิดเพียงแค่สั่งสอนฉินเจามู่ ไม่ได้คิดจะให้เขาเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ พอได้ยินข่าวนี้ก็รีบออกจากวังหลวง
นางเพิ่งจะออกจากวังหลวง ฉินเจามู่ก็ให้คนมาขวางหน้ารถม้านางไว้
“หลิงหลง?”
คนนอกรถม้าร่างผอมราวกับกิ่งไผ่ชะลูด แม้ว่าใบหน้าสง่างาม แต่ยามนี้ผอมซูบและยังไอไม่หยุด เสียงไอเช่นนั้นราวกับกระชากฉีกปอดเขา เซี่ยหลิงหลงมองออกว่าเขาเป็นโรคปอดอักเสบเพราะได้รับไอเย็น
เซี่ยหลิงหลงนึกถึงพี่ใหญ่ส่งคนนำข่าวมาแจ้งในวัง ก็อดไม่ได้โมโหมาก ถลึงตาใส่ฉินเจามู่ นี่คืออุบายยอมเจ็บตัวหรือ ช่างไม่เห็นความสำคัญในสุขภาพตนเองเสียจริง
เซี่ยหลิงหลงแค่นเสียงฮึเยียบเย็นไม่พอใจ “มีเรื่องอันใด”
“หลิงหลง พวกเราหาที่คุยกันดีๆ ได้หรือไม่”
พอกล่าวจบก็ไออีก เรื่องที่เซี่ยหลิงหลงถือสาที่สุดก็คือการไม่สนใจสุขภาพตนเอง
โลกใบนี้มีคนมากมายเท่าไรที่คิดอยากมีสุขภาพดีก็มีไม่ได้ ปรากฏว่าเขาสิดีเลย ล้มป่วยเป็นหวัดไม่ยอมไปหาหมอ แต่ลากสังขารปอดอักเสบมาเช่นนี้
เซี่ยหลิงหลงโมโหมาก กล่าวว่า “ไม่มีเวลา เจ้ากลับไปได้แล้ว”
นางกล่าวจบก็สั่งการคนขับรถม้าด้านนอก
คนขับรถม้าขับรถจะไป ฉินเจามู่ร้อนใจขึ้น นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเขาแล้ว หากไม่อาจรั้งไว้ได้ ก็คงต้องหย่ากับหลิงหลงแล้ว เขาไม่ต้องการเช่นนี้
ฉินเจามู่ร้อนใจจนคิดเข้าไปขวางหน้ารถม้า แต่เพราะร้อนใจเกินไป จึงล้มลงกับพื้น จากนั้นก็หน้ามืดสลบไปทันที
หานซานรีบเข้าไปประคองเขาขึ้นมา สุดท้ายเงยหน้ามองไปยังเซี่ยหลิงหลงบนรถม้า ร่ำไห้ขอร้องว่า “ฮูหยิน ท่านให้โอกาสใต้เท้าสักครั้งเถอะนะขอรับ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ใต้เท้าคงต้องทรมานตนเองจนตายไปก็เป็นได้นะขอรับ”
เซี่ยหลิงหลงมองไปที่ฉินเจามู่นอกรถม้าทีหนึ่ง คิดถึงตอนทั้งสองคนเพิ่งจะแต่งงาน เขาอ่อนโยนและเข้าใจนางมาก สุดท้ายก็ใจอ่อนเอ่ยว่า “พากลับตระกูลเซี่ยก่อน”
วาจานี้ทำให้หานซานดีใจยิ่งนัก นี่คือโอกาสแล้ว อุบายยอมเจ็บตัวของใต้เท้าได้ผลแล้ว