ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 906 จบ
ตอนที่ 906 จบ
เซี่ยซวงได้ฟังเซี่ยหลิงหลง สีหน้าพลันย่ำแย่ นางมองไปยังฉินเจามู่ด้วยสีหน้าเหมือนคนโดนรังแก ฉินเจามู่ทำเหมือนมองไม่เห็น เขาไม่ได้รู้สึกดีอันใดกับเซี่ยซวง เขายอมไม่เอาเรื่องนาง เพราะนางเป็นหลานสาวมารดาเขา แต่หากหลานสาวกับภรรยาตนเองมีเรื่องกัน เขาย่อมต้องยืนข้างภรรยาตนเอง
ฉินเจามู่ไม่กล่าวอันใด ท่าทางเหมือนปล่อยให้ภรรยาจัดการเรื่องนี้
นายผู้เฒ่าฉินกับน้องชายน้องสาวสามีเองก็ไม่ได้รู้สึกดีอันใดกับเซี่ยซวง พอได้ยินเซี่ยหลิงหลงก็ไม่ได้เอ่ยคัดค้าน
แม้ว่าตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าไม่กล้าหาเรื่องเซี่ยหลิงหลงแต่ก็ยังเอ่ยด้วยท่าทางกล้ำกลืนว่า “ลูกสะใภ้ นางเป็นหลานสาวข้า ไม่ให้นางมาเยือน ไม่ค่อยดีกระมัง หากแพร่ออกไป ผู้คนจะหัวเราะเยาะเอาได้ ว่าตระกูลเรารังแกคนสถานะยากจน เอาใจแต่คนรวย รุ่งเรืองแล้วก็ไม่สนใจญาติพี่น้องยากจน”
เซี่ยหลิงหลงยิ้มมองฮูหยินผู้เฒ่า บรรจงเอ่ยว่า “ท่านแม่รู้ไหมว่า เหตุใดข้าไม่ให้นางมาเยือน”
นางกล่าวจบก็กวาดตามองไปยังทุกคนรอบห้องโถง อมยิ้มมองไปยังฉินเจามู่
ฉินเจามู่รู้สึกได้ทันทีว่าเรื่องนี้มีอันใดแอบแฝง พลันขมวดคิ้ว
เซี่ยหลิงหลงยิ้มกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ตอนน้องซวงเอ๋อร์ยังไม่มา ตระกูลเราอยู่กันอย่างสงบสุข ทุกคนมีชีวิตที่เบิกบานใจมาก แต่นับตั้งแต่นางมาเยือน ท่านแม่ก็เริ่มหาเรื่องต่างๆ นานา เริ่มแรกก็แย่งชิงอำนาจจัดการดูแลตระกูลไปจากข้า และยังมาให้ข้าหาตำแหน่งงานให้น้องชายสามี ยังให้ข้าหาตระกูลสูงส่งให้น้องสามีได้ออกเรือน สุดท้ายก็มาเรื่องรับอนุ”
“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเรื่องเหล่านี้เพราะเจ้ายุแยงท่านแม่ เจ้าก็คือคนก่อกวนตระกูลฉินดังไม้เขี่ยอุจจาระ”
เซี่ยหลิงหลงมองไปยังเซี่ยซวง ทุกคนในห้องโถงต่างสีหน้าแปรเปลี่ยน ฉินเจามู่คิดไม่ถึงว่าที่มารดาตนเองเปลี่ยนไป จะเป็นเพราะญาติผู้น้องผู้นี้ยุแยง สีหน้าเขาพลันย่ำแย่ แววตาเย็นเยียบไม่อาจบรรยาย เขามองเซี่ยซวงด้วยสีหน้าเย็นเยียบ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “น้องซวงเอ๋อร์ วันหน้าก็ไม่ต้องมาตระกูลฉินข้าแล้ว”
ฉินเจามู่กล่าวจบก็หันไปมองมารดาตน
ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นหญิงบ้านนา แม้ไม่ค่อยฉลาดเฉลียว แต่พอได้ฟังคำเซี่ยหลิงหลงก็พลันเข้าใจขึ้นมาทันที
มิผิด นางเป็นเช่นนี้เพราะคุยกับหลานสาวทุกวัน เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านเดิม นางต้องดูแลทุกคน ยุ่งทั้งวัน ไม่มีเวลามาคิดอันใด แต่ตั้งแต่บุตรชายได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาทดำรงตำแหน่งจือฝู่เมืองฉางหนิง พวกนางก็ย้ายจากบ้านเกิดมาฉางหนิง
นางก็ว่าง ไม่มีอันใดทำ จึงรู้สึกเบื่อมาก พอดีหลานสาวมาเป็นเพื่อนนาง ทำให้นางเบิกบานใจมาก ปรากฏเพราะใกล้ชิดกับหลานสาวจึงได้รับอิทธิพลจากนางโดยไม่รู้ตัว
เรื่องนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าคับแค้นใจมาก หลานสาวเห็นนางเป็นหญิงโง่หรือนี่
ฮูหยินผู้เฒ่าสีหน้าไม่ดีนัก แม้ว่านางเอาเรื่องสะใภ้ แต่ก็ไม่ได้คิดอยากให้สะใภ้หย่ากับบุตรชาย ตอนนี้สะใภ้ยังเป็นถึงจวิ้นจู่แห่งแคว้นต้าโจว นางก็ยิ่งไม่กล้าล่วงเกิน วันหน้าหลานสาวนางอย่ามาเสียดีกว่า
“วันหน้าเจ้าอย่ามาอีกเลย”
เซี่ยซวงคิดไม่ถึงว่าแม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ช่วยนาง พลันร้องไห้เอ่ยขอร้องอย่างน่าสงสาร “ท่านอา ข้าเปล่านะ พี่สะใภ้ให้ร้ายข้า”
น่าเสียดายคนตระกูลฉินล้วนมองกระจ่างแล้ว ต่างไม่มีผู้ใดคิดสนใจนาง
ฉินเจามู่เรียกหานซานเข้ามาสั่งการว่า “ส่งนางกลับตระกูลหวัง บอกกับประมุขตระกูลหวังว่า วันหน้าอย่าให้นางออกจากบ้านอีก เป็นหญิงหม้ายออกมาลอยหน้าลอยตาข้างนอก ทำให้คนเขาหัวเราะเยาะเอาได้”
หานซานยิ้มตาหยีรับคำ “ขอรับ”
เซี่ยซวงสีหน้าซีดเผือด พี่ชายไม่เพียงแต่ไม่ให้นางมา ยังไปบอกประมุขตระกูลว่าให้ขังนางไว้ในตระกูลหวังไปชั่วชีวิต
เซี่ยซวงเอ่ยเรียก “พี่เจามู่ พี่ทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้นะ”
ฉินเจามู่แค่นหัวเราะ “เจ้าเกือบทำลายครอบครัวพวกเรา ไยข้าจะทำกับเจ้าเช่นนี้ไม่ได้”
เขาขี้เกียจจะมองเซี่ยซวง ส่งสายตาให้หานซาน หานซานรีบวิ่งเข้ามาลากเซี่ยซวงออกไป
เซี่ยซวงคิดถึงว่าตนเองตกในสภาพนี้เพราะเซี่ยหลิงหลง นางหันหน้าไปถลึงตาใส่เซี่ยหลิงหลง “ล้วนเป็นเพราะเจ้า เจ้ามันหญิงเลว แย่งชิงวาสนาคู่ครองข้า ยังทำร้ายข้าเช่นนี้”
เซี่ยหลิงหลงไม่ได้สนใจเซี่ยซวง หันหน้าไปมองฉินเจามู่ด้วยสีหน้านิ่งเฉย ฉินเจามู่รีบแสดงท่าทีกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ต้องใจนาง หากต้องใจนางก็คงหมั้นหมายกับนางไปนานแล้ว หลิงหลง เจ้าอย่าได้ฟังนางพูดจาเหลวไหล”
ฉินเจามู่กล่าวจบก็โมโหมองไปยังหานซาน สำทับอีกประโยคว่า “หานซาน อย่าลืมบอกกับประมุขตระกูลหวัง หากเซี่ยซวงก้าวออกจากตระกูลหวังแม้แต่ก้าวเดียว ข้าจะเอาเรื่องเขา”
“ขอรับ”
หานซานไร้วาจาจะกล่าว มองไปยังเซี่ยซวง จะรนหาที่ตายก็ไม่ควรรนหาที่เช่นนี้ไหม
ในห้องโถง นายผู้เฒ่าฉินยืนขึ้นเอ่ยขอโทษเซี่ยหลิงหลงด้วยท่าทีนอบน้อม “ท่านพ่อขอโทษเจ้าแทนท่านแม่ วันหน้านางจะไม่ยุ่งเรื่องของพวกเจ้าสองสามีภรรยาอีก”
เซี่ยหลิงหลงยิ้มกล่าวว่า “ท่านแม่เองก็โดนหลอกลวง ทุกอย่างผ่านไปแล้ว”
นายผู้เฒ่าพลันโล่งอก
ในห้องโถง น้องชายสามีมองไปยังมารดาตน “ท่านแม่ พี่สะใภ้ช่วยเหลือข้ามาตลอด วันๆ ท่านแม่คิดเหลวไหลอันใด ข้าไม่ชอบเป็นขุนนางเอง พี่สะใภ้บอกให้ข้าพยายามเรียนให้ปีนี้สอบซิ่วไฉได้ ค่อยมาเปิดสำนักศึกษาสอนนักเรียน ข้าชอบเช่นนี้มากกว่า”
ฉินอวิ๋นเหนียงเอ่ยปากว่า “ท่านแม่ ข้าไม่อยากแต่งตระกูลสูงศักดิ์อันใด แม้ว่าพี่ชายเป็นจือฝู่ฉางหนิง แต่ข้าเป็นเพียงแค่หญิงบ้านนา แต่งกับคนตระกูลสูงศักดิ์ก็คงต้องถูกคนเขาดูแคลน พี่สะใภ้บอกกับข้าแล้วว่า ไว้จะมองหาจวี่เหรินให้ข้าสักคน ให้พี่ชายช่วยมองหาให้สักคน วันหน้าชีวิตข้าก็ไม่ขาดแคลนอันใดอีก ท่านแม่ไม่เข้าใจก็อย่าได้เอาแต่ตำหนิพี่สะใภ้เลย”
ฮูหยินผู้เฒ่าหน้าแดงก่ำพูดไม่ออกสักคำ
ฉินเจามู่อดยกมือขึ้นโอบกอดเซี่ยหลิงหลงไม่ได้ “ขอบคุณหลิงหลง”
ที่แท้ตอนเขาไม่รู้ ภรรยาเขาทำอะไรไปมากมายเช่นนี้ หากไม่ใช่ว่านางดี น้องชายน้องสาวเขาก็คงไม่ชอบนางเพียงนี้ ส่วนเขานับว่าได้ครอบครองสมบัติล้ำค่ายิ่งแล้ว!
ฤดูร้อน ปีที่เก้าในรัชศกหย่งผิง ในที่สุดเซี่ยหลิงหลงก็ตั้งครรภ์
พอหมอประกาศเสร็จ คนตระกูลฉินก็ดีใจกันยกใหญ่ ฉินเจามู่ดีใจยิ่งกว่า ดึงมือหมอมาถามแล้วถามอีก “แน่ใจว่าฮูหยินข้าตั้งครรภ์หรือ”
หมอเห็นใต้เท้าฉินดีใจลืมตัวเช่นนี้ก็ไม่เข้าใจอย่างมาก ก็แค่ตั้งครรภ์ ต้องดีใจเพียงนี้หรือ
“ใช่แล้ว ข้าแน่ใจว่านางตั้งครรภ์แล้ว”
ฉินเจามู่อดหัวเราะยินดีไม่ได้ เดินเข้าไปดึงมือเซี่ยหลิงหลงมาเอ่ยว่า “หลิงหลง เจ้าตั้งครรภ์แล้ว พวกเราจะมีบุตรแล้ว หากได้บุตรสาวงามเหมือนเจ้าจะดีเพียงใดกัน”
คนตระกูลฉินไม่ได้รู้สึกว่าวาจาเขามีอันใดไม่เหมาะสม แต่ละคนพยักหน้าเห็นด้วยอย่างดีใจ
ฉินเสี่ยวซูรีบเอ่ยต่อว่า “ข้าจะเตรียมของขวัญให้หลานสาว”
ฉินอวิ๋นเหนียงเอ่ยขึ้นตามว่า “ข้าจะเย็บชุดและรองเท้าให้หลานสาวข้า จะต้องแต่งตัวนางให้ราวกับเทพธิดาน้อย”
นายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าฉินเองก็ยิ้มอย่างดีใจ
เซี่ยหลิงหลงรู้ว่านางตั้งครรภ์นานแล้ว เพียงแต่อ่อนเดือน จึงไม่ได้เอ่ยอันใด แต่วันนี้ตอนนางกินปลาแล้วแพ้ท้อง ถูกฉินเจามู่เห็นเข้า เขาคิดว่านางป่วย รีบให้คนไปเชิญหมอ เซี่ยหลิงหลงบอกกับเขาว่านางไม่เป็นอันใด เขาก็ไม่เชื่อ ดึงดันจะไปเชิญหมอมาให้ได้
เดิมเซี่ยหลิงหลงอยากบอกว่านางตั้งครรภ์แล้ว แต่เห็นท่าทางเขาไม่ยอมให้นางเอ่ย จึงได้ให้คนไปเชิญหมอมา สุดท้ายนางเองก็ขี้เกียจจะเอ่ย ได้แต่นั่งนิ่งๆ
แต่นางตั้งครรภ์แล้วทุกคนดีใจกันเช่นนี้ ทำให้เซี่ยหลิงหลงเองก็เบิกบานใจมาก
นางยิ้มให้คนเตรียมเงินมงคล
“มอบเงินมงคลให้ท่านหมอ”
“เจ้าค่ะ จวิ้นจู่”
เหวินจู๋หันหลังเดินออกไปส่งท่านหมอ พร้อมกับนำเงินมงคลมอบให้ท่านหมอ ท่านหมอเห็นเงินในมือก็อดดีใจไม่ได้
“จวิ้นจู่ใจดีมีเมตตา ครรภ์นี้ต้องเป็นชายเป็นแน่”
“น้อมรับวาจามงคลท่านหมอแล้ว” เหวินจู๋เพิ่งกล่าวจบ เห็นนอกประตูก็มีกลุ่มคนเดินเข้ามา สองคนที่เดินนำมาอยู่ในเครื่องแต่งกายหรูหราสง่างามดึงดูดสายตาไม่อาจบรรยาย แต่สีหน้าทั้งสองคนเหมือนไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะผู้ชายที่เปล่งรัศมีเยียบเย็นรอบกาย ใบหน้าเคร่งเครียด ขมวดคิ้วแน่นราวกับลูกศรคมกริบเยียบเย็น
เหวินจู๋ตกใจสะดุ้ง ก่อนจะตั้งสติได้ สองท่านนี้ไม่ใช่ใต้เท้ากับฮูหยินหรือ พวกท่านมาฉางหนิงแล้ว
เหวินจู๋ดีใจหันหลังวิ่งไปยังห้องโถงกลางทันที “จวิ้นจู่ จวิ้นจู่ ใต้เท้ากับฮูหยินมาเจ้าค่ะ”
เซี่ยหลิงหลงสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าว่าผู้ใดมานะ”
“ใต้เท้าโส่วฝู่กับฮูหยินมาเจ้าค่ะ พวกท่านมาฉางหนิงแล้ว ตอนนี้อยู่นอกประตู”
ครั้งนี้เซี่ยหลิงหลงได้ยินชัดเจนก็พลันตื่นเต้นดีใจ ลุกขึ้นยืนเดินออกไปทันที ฉินเจามู่เห็นนางเคลื่อนไหวรวดเร็ว ก็เอ่ยเรียกอย่างเป็นห่วง “หลิงหลง เจ้าช้าหน่อย ระวังหน่อย”
พอตะโกนจบก็เพิ่งนึกได้ว่าใต้เท้าโส่วฝู่กับฮูหยินคือผู้ใดเขา บิดามารดาภรรยาเขาเอง ฉินเจามู่ไม่สบายใจขึ้นมาทันที ผู้อื่นยังดี แต่บิดาภรรยาเขาไม่ใช่คนพูดจาด้วยง่ายดายอย่างเด็ดขาด
ครั้งนี้มาฉางหนิง เกรงว่ามาคิดบัญชีเก่าที่ก่อนหน้านี้หลิงหลงโดนรังแกที่ตระกูลฉิน ตอนนั้นเขาไม่รู้ น่าจะเพิ่งรู้ ตอนนี้จึงได้มากัน
แม้ว่าฉินเจามู่ไม่สบายใจแต่ก็ยังคงตามออกไป
นอกประตู เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสองคนเดินเข้ามาแล้ว เซี่ยหลิงหลงเห็นบิดามารดาย่อมดีใจอย่างมาก วิ่งอย่างตื่นเต้นเข้าไปต้อนรับพวกท่าน
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านมาแล้ว?”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองบุตรสาวคนเล็กตนเองอย่างไม่พอใจ “เจ้าเก่งกาจจริงนะ โดนรังแกมากมายเช่นนี้ก็ไม่มาบอกท่านพ่อท่านแม่ สุดท้ายถึงกับยังกลับมาอีก รีบไปเก็บของตามพ่อกลับเมืองหลวง”
เซี่ยหลิงหลงไม่กลัวท่าทางดุเด็ดขาดของบิดา นางรู้ว่าบิดารักนางมาก
เซี่ยหลิงหลงออดอ้อน “ท่านพ่อ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้มีสีหน้าอ่อนลง เอ่ยน้ำเสียงเด็ดขาดว่า “รีบเก็บของตามพ่อกลับเมืองหลวง”
เซี่ยหลิงหลงหันไปมองมาดาอย่างจนปัญญา ลู่เจียวดึงนางมากล่าวอย่างไม่พอใจว่า “โดนรังแก เหตุใดไม่บอกท่านพ่อกับท่านแม่ พ่อรู้เรื่องนี้ โมโหแทบตาย เจ้าเป็นที่รักของท่านพ่อกับท่านแม่และบรรดาพี่ชายเจ้ามาจนโต อย่างไรก็ไม่ควรให้ผู้ใดมารังแกได้”
ลู่เจียวกล่าวจบ ฉินเจามู่ก็เดินนำคนตระกูลฉินเข้ามา
ฮูหยินผู้เฒ่าฉินตามมาท้ายสุด นางรู้สึกร้อนตัวอย่างมาก ไม่กล้าเดินมาด้านหน้า ได้แต่ไปหดตัวอยู่รั้งท้าย
ฉินเจามู่เดินมาขอขมาต่อเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว “ท่านพ่อ ท่านแม่ ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเอง ข้าสำนึกผิดแล้ว วันหน้าไม่กล้าอีกแล้ว ขอท่านพ่อท่านแม่อย่าได้โมโห”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปยังฉินเจามู่ด้วยสายตาเยียบเย็น เอ่ยอย่างดุดันว่า “ผู้ใดหนุนหลังเจ้า เจ้ากล้าปล่อยให้บุตรสาวข้าโดนรังแก”
เขากล่าวจบ ใบหน้าเยียบเย็นก็มองผ่านฉินเจามู่ไปยังฮูหยินผู้เฒ่าฉินท้ายสุด
ฮูหยินผู้เฒ่าฉินเป็นหญิงบ้านนา ไหนเลยจะกล้าสบตาอดีตโส่วฝู่ที่กำลังมองมาอย่างดุดันเช่นนั้น นางตกใจสะดุ้ง
นายผู้เฒ่าฉินข้างๆ นางได้แต่ก้าวออกมาอย่างจนปัญญา เอ่ยขึ้นว่า “ล้วนเป็นความผิดของตระกูลเราเอง พวกเราปล่อยให้สะใภ้โดนรังแก แต่นางก็รู้สำนึกผิดแล้ว ไม่กล้าทำเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว”
หนึ่งปีมานี้ นางสงบเสงี่ยมมาก แต่จะว่าไป ก็เพราะลูกสะใภ้วางตัวเป็น นางรู้ว่าแม่สามีเบื่อ ก็จัดหาหญิงวัยเดียวกันสองคนมาปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่า บ่าวหญิงสองคนนี้ไม่ต้องทำอันใด แค่เป็นเพื่อนคุยกับฮูหยินผู้เฒ่า เรื่องสัพเพเหระหรือพวกข่าวซุบซิบตามท้องถนน อย่าได้เอ่ยว่าตั้งแต่มีบ่าวหญิงสองคนนี้มาเป็นเพื่อน ไม่เพียงแต่ไม่เบื่อ แต่ยังไม่หาเรื่องเดือดร้อน ทุกวันเบิกบานใจมาก
ดังนั้นตอนนี้ตระกูลฉินอยู่กันอย่างสงบสุขมาก เพียงแต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าบิดามารดาสะใภ้ถึงกับมาเยือนด้วยท่าทางเอาเรื่องเช่นนี้
นายผู้เฒ่าฉินเป็นห่วงขึ้นมา รีบออกมาขอขมา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปยังนายผู้เฒ่าฉิน ค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “อย่าได้เอ่ยว่าบุตรตระกูลเซี่ยเราไม่อาจรังแก แต่บุตรของทุกตระกูลล้วนควรได้รับการดูแลด้วยความรักจนเติบโต บุตรตระกูลฉินเจ้าเองก็เช่นกัน ตระกูลเซี่ยรักและดูแลบุตรอย่างดีจนออกเรือน หากไม่ชอบพอกัน ก็หย่ากันได้ ตระกูลเราพาบุตรีเรากลับไปก็ได้ ไม่ควรรังแกลูกหลานผู้ใดทั้งสิ้น”
“ข้าเองมีบุตรชายหลายคน ตระกูลเราก็มีสะใภ้ เจ้าถามสะใภ้ตระกูลเรา พวกเราเคยรังแกสะใภ้หรือไม่”
สามสะใภ้ที่ตามเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมาด้วยได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็พากันรับคำทีละคน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ดีกับพวกเราดังบุตรสาวตนเอง”
“ใช่ บิดามารดาสามีของตระกูลเราดังบิดามารดาแท้ๆ ของเรา”
“พวกเราดีใจมากที่ได้แต่งเข้าตระกูลเซี่ย”
มีบิดามารดาสามีตระกูลใดเพิ่งแต่งงานก็มอบเงินก้อนโตให้พวกนาง เงินทองที่พวกนางหามาได้ก็เป็นส่วนของพวกนาง แต่ไรมาไม่เคยยุ่งกับเรื่องสามีภรรยา รักหลานชายหลานสาวตนเองอย่างมาก ทุ่มเทอบรมอย่างดี
จริงๆ นะ พวกนางรู้สึกว่าตนเองได้แต่งเข้าตระกูลเซี่ยดังตกลงมาในรังแห่งวาสนาสุข โชคดีอย่างมากจริงๆ
นายผู้เฒ่าฉินเคยได้ยินเรื่องตระกูลเซี่ยมาไม่น้อย เขาอ้าปากค้าง ตระกูลเซี่ยยิ่งใหญ่เช่นนั้น บุตรชายถึงกับรักนวลสงวนตัวเองอย่างดี แม้แต่อนุก็ไม่รับ ไม่เสียทีที่เซี่ยโส่วฝู่อบรมมาด้วยตนเอง
เพราะรู้ความเป็นไปในตระกูลเซี่ย ตอนนี้นายผู้เฒ่าฉินจึงยอมรับได้ บุตรชายไม่รับอนุก็ไม่รับอนุ เช่นนี้ก็ดีมาก
“ข้ารู้ ข้ารู้ ล้วนเป็นความผิดตระกูลเรา ท่านสอนบุตรเป็น ไม่เพียงแต่บุตรชาย แม้แต่บุตรสาวก็สอนมาได้ดีมาก หลิงหลงเป็นสะใภ้ที่ดีของตระกูลฉินเรา”
ฉินเสี่ยวซูกับฉินอวิ๋นเหนียงรับคำทันที “นางเป็นพี่สะใภ้ที่ดีมาก”
ฉินเจามู่รีบรับคำต่อว่า “นางเป็นภรรยาที่ดีของข้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินฉินเจามู่ก็โมโห “นางเป็นภรรยาที่ดี เจ้ายังไม่ปกป้องนางอีกหรือ”
ฉินเจามู่รีบเอ่ยว่า “ข้าสำนึกผิดแล้ว วันหน้าจะต้องแก้ไขแน่ขอรับ”
กล่าวจบไม่รอให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยต่อ ฉินเจามู่มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกล่าวต่อทันทีว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่มาได้ทันเรื่องมงคลพอดี หลิงหลงตั้งครรภ์แล้ว”
เห็นแก่หลานท่าน อย่าได้แยกพวกเราจากกันเลย
ฉินเจามู่มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวตาปริบๆ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังก็อ้าปากคิดเอ่ยด้วยสัญชาตญาณ ตั้งครรภ์ก็เอาออกได้
แต่สุดท้ายไม่ได้เอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมา เขามองออกว่าบุตรสาวมีความสุข นี่คือบุตรของนาง จะเอ่ยว่าให้เอาออกได้อย่างไร
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเซี่ยหลิงหลงอย่างไม่พอใจ เซี่ยหลิงหลงเข้าไปออดอ้อนดึงแขนเสื้อเขา “ท่านพ่อ ท่านพ่อกับท่านแม่มาเยี่ยมข้า ข้าดีใจมากเจ้าค่ะ รีบเข้ามานั่งด้านในเร็ว”
กล่าวจบก็ทักทายพี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้สามกับพี่สะใภ้ห้า “พวกพี่ๆ ก็รีบเข้ามานั่งเถอะ”
ครั้งนี้สามสะใภ้มาฉางหนิงเป็นเพื่อนเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว เดิมบรรดาบุตรชายจะมาด้วย แต่ถูกเซี่ยอวิ๋นจิ่นห้ามไว้
บรรดาบุตรชายต้องเข้าประชุมท้องพระโรงยามเช้า ไหนเลยคิดจะไปไหนก็ไปได้ตามอำเภอใจกัน สุดท้ายพวกบุตรชายก็ให้ภรรยาตนเองตามมาฉางหนิงดูว่าน้องสาวตนเป็นอย่างไรบ้าง หากยังโดนรังแกอันใดก็ไม่ต้องพูดมาก พากลับเมืองหลวงทันที แล้วก็ขนของกลับไปให้หมดเสียทีเดียว
เพียงแต่พวกนางตอนนี้ดูแล้ว ตระกูลฉินดีมาก น้องหลิงหลงเองก็มีรอยยิ้มที่แช่มชื่นเบิกบาน แม่สามีที่คอยหาเรื่องก็เหมือนว่าไม่กล้าหาเรื่องแล้ว น้องชายน้องสาวสามีก็ดีมาก ที่สำคัญที่สุดก็คือหลิงหลงตั้งครรภ์แล้ว
ดูท่านางตัดสินใจอยู่ตระกูลฉินแล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ตั้งครรภ์
สามสะใภ้สีหน้ายิ้มแย้มเดินเข้าไปพร้อมกับลู่เจียว
เพราะเซี่ยหลิงหลงตั้งครรภ์ แม้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นโมโห แต่เห็นแก่หลาน สุดท้ายก็ไม่ได้ตีหน้ายักษ์จะพาเซี่ยหลิงหลงตามเขากลับเมืองหลวงอีก แต่กลับพาตัวฉินเจามู่ไปอบรมสั่งสอนที่ห้องหนังสือแทน สองชั่วยามผ่านไป ฉินเจามู่ออกมาจากห้องหนังสือเหงื่อแตกพลั่ก เข่าอ่อนหมดแรงไปทั้งตัว
ตอนบิดาภรรยาอบรมสั่งสอนเขา เขารับรู้ได้ถึงความผิดของตนเองอย่างลึกซึ้ง วันหน้าอย่าได้ทำให้ภรรยาไม่พอใจอย่างเด็ดขาด หากไม่พอใจอีก บิดาภรรยามาอีก เขาคงต้องร้อนตัวเจียนตาย
ตกค่ำ ตระกูลฉินจัดงานเลี้ยง ไม่ได้เชิญผู้ใด มีแต่ทุกคนในสองครอบครัวกินเลี้ยงกัน
หลังผ่านความโมโหไปแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็กลับคืนสู่ความสงบนิ่งดังเดิม ทั้งสองคนยกจอกสุราคำนับนายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าฉิน ฝากบุตรสาวไว้กับทั้งสองคน
“วันหน้าบุตรสาวข้าฝากทั้งสองท่านดูแลแล้ว หากนางทำอันใดไม่เหมาะสม พวกท่านก็อย่าได้ตำหนินาง ล้วนเป็นเพราะบิดามารดาสอนสั่งไม่ดี หากนางไม่ดี พวกท่านก็ให้คนไปบอกพวกเรา พวกเราจะมาพานางกลับไปอบรมให้ดีเอง”
นายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าไหนเลยกล้าบอกว่าเซี่ยหลิงหลงไม่ดี กลับกันเซี่ยหลิงหลงเป็นสะใภ้ที่ดีมากจริงๆ วันหน้าหากตระกูลฉินคิดรุ่งเรือง ย่อมต้องพึ่งพานาง
นายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าฉินรีบแสดงท่าที “ตระกูลฉินเราได้สะใภ้เช่นนี้มา เป็นวาสนาของตระกูลฉินเรา ตระกูลฉินได้รับการคุ้มครองจากบรรพชนจึงได้แต่งสะใภ้เช่นนี้เข้าตระกูล ทั้งสองท่านวางใจได้ พวกเราจะดูแลนางดังบุตรสาวตนเอง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวยิ้มพอใจ บุตรสาวนับว่ามีชีวิตที่สมบูรณ์แล้ว ด้วยสติปัญญานาง วันหน้าตระกูลฉินย่อมต้องรุ่งเรือง ส่วนนางได้เป็นจวิ้นจู่ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
เซี่ยหลิงหลงเองก็ยิ้มแย้ม มีบิดามารดาเช่นนี้นับเป็นความโชคดีของนาง!
ในห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเบิกบานราวกับฤดูวสันต์!
จบ!