ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 909 เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว 3
ตอนที่ 909 เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว 3
เซียวเหวินอวี๋พยักหน้าเล็กน้อย มองไปยังพระสนมเนี่ยผินอย่างนึกสงสัย “เจ้าจะไปไหนหรือ”
พระสนมเนี่ยผินเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบายใจว่า “หม่อมฉันจะไปคุยเล่นกับน้องหวาผินคุยเพคะ”
ในวัง นอกจากฮองเฮาก็มีพระสนมเนี่ยผินกับพระสนมหวาผิน ยังมีกู้กุ้ยเหรินกับหลิ่วเหม่ยเหรินรวมสี่คน
แต่ฮ่องเต้ไม่ค้างตำหนักพวกนาง อย่างมากก็ไปนั่งในตำหนักพวกนางบ้าง ไม่ให้คนในวังเย็นชาดูแคลนพวกนาง
หลายปีมานี้ดูเหมือน พวกนางเองก็พอเข้าใจได้เรื่องหนึ่ง ฝ่าบาทไม่ได้ลุ่มหลงนารี โปรดเพียงฮองเฮา ส่วนพวกนางตอนแรกคิดแก่งแย่ง แต่ตอนนี้คิดตกแล้วว่า ฝ่าบาทไม่มา พวกนางใช้วิธีการใดก็ย่อมไม่ได้ผล อยู่อย่างสงบเสงี่ยมไปจะดีกว่า
เซียวเหวินอวี๋เองก็รู้ว่าพระสนมเหล่านี้อยู่ในวังน่าสงสาร ดังนั้นจึงเมตตาต่อพวกนางอยู่ไม่น้อย พอได้ฟังเนี่ยชิงเหยาก็พยักหน้าเล็กน้อย “ไปเถอะ”
กล่าวจบเขาก็พาเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไปตำหนักเฉาหยางกง
ตอนเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเดินสวนกับเนี่ยชิงเหยา เนี่ยชิงเหยาย่อกายคำนับพวกเขาเล็กน้อยทีหนึ่ง “คารวะใต้เท้าเซี่ย ฮูหยินโจวกั๋ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวยังคำนับตอบ ไม่ว่าอย่างไรเนี่ยชิงเหยาก็เป็นพระสนมของเซียวเหวินอวี๋ พวกเขาไม่อาจไร้มารยาท
เซียวเหวินอวี๋เชิญเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไปตำหนักเฉาหยางกง ทุกคนเดินผ่านเนี่ยชิงเหยาไปอย่างรวดเร็ว
เนี่ยชิงเหยามองตามฮ่องเต้ที่จากไปไกล ก็อดน้ำตาซึมไม่ได้ ความจริงนางชอบฮ่องเต้ จึงได้ยินดีเข้าวัง ไม่เช่นนั้นด้วยสถานะนาง ไม่จำเป็นต้องเข้าวัง ท่านย่านางจะเลือกคนอื่นส่งเข้าวังก็ย่อมได้ แต่เพราะนางชอบฝ่าบาท ดึงดันจะเข้าวัง เพียงแต่น่าเสียดายในพระทัยฝ่าบาทมีเพียงฮองเฮา นางได้แต่เก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจตน
ลู่เจียวรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองตามหลังมา อดหันไปมองไม่ได้ เห็นแววตากระจ่างใสของเนี่ยชิงเหยาที่ยังไม่ทันได้เก็บงำความรักในใจ ในใจนางก็รู้สึกบอกไม่ถูก
นางรู้จักเนี่ยชิงเหยา เป็นบุตรีคนโตของบ้านใหญ่ตระกูลเนี่ย ไม่เพียงแต่โฉมงาม แต่ยังมีความสามารถ เป็นคนดีมีเมตตา ลู่เจียวเคยเห็นนางรับเลี้ยงสุนัขและแมวจรจัดมากมาย ยังช่วยเหลือคนจนมากมาย หญิงเช่นนี้ไม่ควรมาเสียเวลาที่เหลือในชีวิตอยู่ในวังเช่นนี้
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็อดมองไปยังเซียวเหวินอวี๋ไม่ได้ พลางถอนหายใจเบาๆ ที่เนี่ยชิงเหยาเข้าวัง เกรงว่าคงเพราะหลงรักซื่อเป่า น่าเสียดายตอนนี้ซื่อเป่ารักเพียงฮองเฮา ไม่อาจอยู่ร่วมกับนางได้
ดังนั้นควรให้เนี่ยชิงเหยาออกจากวังหลวง
ลู่เจียวกำลังคิดอยู่ เซียวเหวินอวี๋เห็นลู่เจียวมองเขา อดหันไปมองลู่เจียวไม่ได้ “ท่านแม่ ท่านอยากเอ่ยอะไรกับข้าหรือ”
ลู่เจียวยิ้มเอ่ยว่า “ฝ่าบาท ตอนนี้ในวังนอกจากฮองเฮา ยังมีพระสนมเท่าไร”
“มีทั้งหมดสี่คน บุตรีจวนอู่กั๋วกง บุตรีจวนหวาหยางโหว แล้วก็บุตรีจวนจงอี้โหวกับจวนอันหยางป๋อ”
“อืม”
ลู่เจียวรับคำเสียงหนึ่งไปอย่างนั้น เซียวเหวินอวี๋รีบหรี่เสียงให้เบาลงถามว่า “มีอันใดหรือ”
ลู่เจียวมองเซียวเหวินอวี๋ทีหนึ่ง เอ่ยเบาๆ ว่า “เจ้าอย่าได้ตำหนิแม่ที่กล่าวมากความ ในเมื่อเจ้าไม่มีใจต่อพวกนาง ไยต้องให้พวกนางทุกข์ทรมานอยู่ในวังด้วย”
พอลู่เจียวกล่าว เซียวเหวินอวี๋ก็เข้าใจความหมาย เขาเลิกคิ้วครุ่นคิดแล้วก็ยิ้มกล่าวว่า “ท่านแม่กล่าวได้มีเหตุผล ไว้ข้าจะให้เมิ่งเหยาไปจัดการเรื่องนี้”
“อืม ฝ่าบาทไม่ตำหนิว่าแม่กล่าวมากความไปก็ดี”
เซียวเหวินอวี๋รีบยิ้มรับคำ “ข้อเสนอแนะของท่านแม่ดีมาก ข้าจะตำหนิว่าท่านแม่กล่าวมากความได้อย่างไรกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังเซียวเหวินอวี๋ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ เจ้าหมอนี่ไม่ได้เลี้ยงมาเสียเปล่า หากไม่มีเจียวเจียว ไม่แน่ว่าเขาอาจไม่ได้เป็นผู้มีความสามารถ อย่าว่าแต่เป็นฮ่องเต้
ตอนนี้เขากตัญญูต่อเจียวเจียวเป็นเรื่องสมควร
ทุกคนเข้าไปในตำหนักเฉาหยางกงอย่างรวดเร็ว
หวังเมิ่งเหยานำองค์หญิงรองและองค์ชายรองออกมาต้อนรับ ทุกคนคุยกันยิ้มแย้มเข้าไปในพระตำหนัก
พวกเขาอยู่ร่วมกันดังครอบครัวชาวบ้านทั่วไป ไม่ได้มีธรรมเนียมอันใดมากมาย ธรรมเนียมมีไว้ให้คนนอกมองมา ส่วนคนในบ้านย่อมไม่มีธรรมเนียมมากมาย
“ท่านพ่อกับท่านแม่รีบเข้ามาเร็ว พวกพี่สะใภ้ก็รีบเข้ามาเถอะ”
รัชทายาทรับหน้าที่ดูแลเด็กๆ เขากับองค์หญิงใหญ่ตามเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไปเมืองหนิงโจว สนิทกับสามตัวน้อยตระกูลเซี่ยมากเป็นพิเศษ
“หนิวไหน่ กั่วต้ง ปู้ติง มาเร็ว”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ”
พวกเด็กน้อยสังเกตเห็นองค์ชายรองอย่างรวดเร็ว องค์ชายรองเซี่ยหลางเพิ่งจะครบหนึ่งขวบ มีฟันขึ้นราวแปดซี่ น่ารักน่าชังอย่างมาก
พวกเด็กๆ เห็นเข้าก็พากันเข้าไปรุมล้อมหยอกองค์ชายรองเล่น
“โอ๊ย เขากัดมือข้า”
กั่วต้งอดตกใจส่งเสียงร้องดังไม่ได้ ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี
องค์หญิงใหญ่ยื่นมือไปคว้ามือนางออกจากปากองค์ชายรอง
นางอธิบายให้เซี่ยเฉิน เซี่ยหลิงและคนอื่นๆ ฟังว่า “ตอนนี้น้องชายเพิ่งจะมีฟัน มักจะชอบกัดของเล่น อย่าเห็นว่าเขากัดเบาๆ ทว่าที่จริงแล้วกัดทีเจ็บมาก ข้าถูกเขากัดหลายครั้งแล้ว”
รัชทายาทเองก็ยิ้มกล่าวว่า “ไม่เพียงแต่กัดคน ยังน้ำลายยืด ทำเสื้อผ้าเราเปียกไปหลายรอบแล้วด้วย”
เขากล่าวจบก็หยอกน้องชายเล่นต่อ “หลางหลาง เจ้าหน้าไม่อายหรือไม่ กัดคนอื่นแล้วยังน้ำลายยืด”
องค์ชายรองเพิ่งจะครบขวบ ยังฟังไม่เข้าใจ ไหนเลยจะรู้ความหมายของเสด็จพี่ อดส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากไม่ได้
เซียวจิ่งยื่นมือไปบีบแก้มองค์ชายรองอย่างจนใจ “เจ้าตัวน้อยเซ่อซ่า พวกเรากำลังว่าเจ้าหน้าไม่อาย เจ้ายังหัวเราะอีก”
เซี่ยเฉินกับเซี่ยหรงยังดี องค์หญิงใหญ่เซียวฉานกับเซี่ยหลิงหนึ่งในแฝดชายหญิงทนความน่ารักขององค์ชายรองไม่ไหว เขยิบเข้าไปลูบแก้มองค์ชายรอง “องค์ชายรอง น่ารักน่าชังจริง”
“ใช่แล้ว เสด็จแม่บอกว่าตอนเด็กพวกเราก็น่ารักเช่นนี้ แต่โตมาก็ไม่น่ารักแล้ว”
พวกเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ไกลนักฟังวาจาเด็กๆ แล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ ถอนหายใจเอ่ยว่า “เด็กๆ โตกันเช่นนี้ พวกเราก็แก่แล้ว แก่แล้วจริงๆ”
เซียวเหวินอวี๋กับฮองเฮารีบเอ่ยว่า “ท่านพ่อกับท่านแม่แก่ตรงไหน ดูไม่แก่ลงเลยสักนิด”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวแม้ว่าอายุสี่สิบต้นๆ แล้ว แต่ดูแล้วยังไม่แก่จริงๆ คนส่วนใหญ่ยังคิดว่าสามสิบกว่า ยังหนุ่มยังสาวมาก
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ท่านพ่อ สำนักศึกษาอวิ๋นเจียวตอนนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นตั้งสำนักศึกษาที่เมืองหนิงโจว ชื่อว่าสำนักศึกษาอวิ๋นเจียว เลือกมาจากชื่อของเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว
เดิมเซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดใช้ชื่อนี้ ลู่เจียวกลับห้ามไว้ สุดท้ายเซียวเหวินอวี๋รู้เรื่องนี้ ถึงกับมีราชโองการตั้งชื่อสำนักศึกษาว่าสำนักศึกษาอวิ๋นเจียวทันที
สำนักศึกษาอวิ๋นเจียวไม่เพียงแต่รับนักเรียนชาย ยังรับนักเรียนหญิง แบ่งเป็นหอนักเรียนชายกับหอนักเรียนหญิง ผู้ชายสอนตำราการสอบคัดเลือกขุนนาง ผู้หญิงสอนความสามารถหลากหลายแบบ ไม่เพียงแต่ชาวเมืองหนิงโจว เมืองใกล้เคียงก็ส่งลูกหลานมาเรียนกันหมด
ทุกคนต่างรู้ว่าสำนักศึกษานี้ก่อตั้งโดยอดีตโส่วฝู่ คนไม่น้อยต่างเลื่อมใสในชื่อเสียง ดังนั้นจึงมีนักเรียนมาก สุดท้ายคนไม่น้อยถูกเซี่ยอวิ๋นจิ่นสกัดไว้อยู่นอกประตู
“ตอนนี้เริ่มเป็นรูปร่างแล้ว แต่คนที่ได้ยินชื่อเสียงพากันมากเกินไป สุดท้ายข้าจัดทำข้อสอบให้ทดสอบ จึงได้สกัดคนไว้ได้ส่วนหนึ่ง”
เซียวเหวินอวี๋อดหัวเราะไม่ได้ “ท่านพ่อร้ายกาจมาก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มกล่าวว่า “นั่นเพราะพวกเขาให้เกียรติฝ่าบาท”
เขาเป็นบิดาบุญธรรมฮ่องเต้ สำนักศึกษาอวิ๋นเจียวก็เท่ากับเป็นคนสำนักเดียวกับฮ่องเต้ นักเรียนพวกนั้นก็ยิ่งพยายามเข้ามาเรียนกันให้ได้
เซียวเหวินอวี๋รีบโบกมือกล่าวว่า “ให้เกียรติข้าก็ได้ แต่หากท่านพ่อพบคนที่น่าใช้งานได้ ก็แนะนำมาได้ ตอนนี้ข้ากำลังขาดคนจริงๆ แม้ว่าตอนนี้แคว้นต้าโจวเราร่ำรวยแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ได้กำจัดพรรคพวกตระกูลจ้าวไปมาก ในราชสำนักมีตำแหน่งว่างลงไม่น้อย ข้าเองก็ไม่อยากให้คนไร้ความสามารถดำรงตำแหน่งพวกนั้น จึงให้ขุนนางหลายคนควบสองตำแหน่ง ขุนนางพวกนั้นแทบอยากจะให้รับคนมาแทนตำแหน่งที่ขาดไป”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังเซียวเหวินอวี๋ ก็เลิกคิ้วกล่าวว่า “ควบสองตำแหน่ง เดือนครึ่งเดือนพอได้ แต่นานไปไม่ดี อย่าว่าแต่ทำไม่ไหว แต่อาจทำให้เกิดความวุ่นวายได้ง่าย ฝ่าบาทรีบส่งคนมาดำรงตำแหน่งที่ขาดไปดีกว่า กระหม่อมจะลองหาคนมาให้ฝ่าบาทดู”
“ตกลง”
ฮองเฮาได้ยินพวกเขาพ่อลูกสองคนคุยกันจนลืมพวกนาง รีบเอ่ยว่า “ฝ่าบาท งานเลี้ยงจัดเรียบร้อยแล้ว พวกเราไปรับประทานอาหารกันเถอะเพคะ กินไปคุยไป”
“ได้ ท่านพ่อกับท่านแม่ เชิญ”