ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 913 ล้างแค้น
ตอนที่ 913 ล้างแค้น
เซี่ยวั่งเทียนได้รับราชโองการจากฝ่าบาทนำกำลังปิดล้อมเมืองหลวงค้นหาตัวรัชทายาทตามจวนตระกูลต่างๆ อย่างรวดเร็ว
ทั้งเมืองหลวงโกลาหลกันไปหมดด้วยเหตุนี้ ทุกคนต่างพากันตกใจหวาดกลัว หลายคนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
คนของอู่เฉิงปิงหม่าซือก็ไม่ได้แจ้งเรื่องรัชทายาทถูกจับตัวไป เอ่ยเพียงว่ามีนักโทษหลบหนี พวกเขารับพระบัญชาให้ตามจับตัว
ตระกูลเซี่ยไม่พบตัวคนแพร่งพรายเรื่องรัชทายาทไปลอยเรือกระดาษขอพรริมแม่น้ำเยว่ เช่นนั้นคนแพร่งพรายข่าวย่อมต้องอยู่ในวัง
ในวังพื้นที่กว้างใหญ่ย่อมมีผู้อื่นวางสายของตนเองเอาไว้
เซียวเหวินอวี๋นำทหารองครักษ์สอบปากคำทีละคนด้วยตนเอง
ขันทีกับนางกำนัลแต่ละคนพากันตกใจหวาดกลัวอย่างมาก เซียวเหวินอวี๋มองคนที่คุกเข่าตรงหน้า กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เราให้โอกาสพวกเจ้าเปิดเผยกันเองได้ หากค้นพบเรื่องที่เป็นประโยชน์ เราจะมีรางวัลอย่างงาม”
คนที่คุกเข่าอยู่ นอกจากขันทีข้างกายเขา ยังมีบ่าวรับใช้รัชทายาทและองค์หญิงใหญ่ พร้อมทั้งคนของฮองเฮา
คนเหล่านี้เห็นเซียวเหวินอวี๋สีหน้าเย็นเยียบก็หวาดกลัวจนพูดไม่ออก ในจำนวนนี้มีคนอดเปิดโปงคนข้างกายไม่ได้
“ฝ่าบาท เสี่ยวชิวมักจะรับของจากขันทีรับใช้พระสนมเนี่ยผิน”
“เสี่ยวลวี้มีสัมพันธ์กับขันทีผู้หนึ่ง ขันทีผู้นั้นมักส่งของให้นาง”
“ตำหนักเฉาหยางกง เสี่ยวอวิ๋นฝ่ายซักล้างมักมอบของให้พี่ฮวาเหลียน มีครั้งหนึ่งบ่าวได้ยินเสี่ยวอวิ๋นถามพี่ฮวาเหลียนว่ารัชทายาทจะกลับวังเมื่อใดเพคะ”
นางกำนัลผู้นี้กล่าวจบ แววตาเซียวเหวินอวี๋ก็มุ่งตรงไปที่นาง นางอดตัวสั่นงันงกไม่ได้ “ฝ่าบาท บ่าวพูดจริงเพคะ บ่าวบังเอิญได้ยินเพคะ”
นางกำนัลผู้นี้เพิ่งกล่าวจบ นางกำนัลอีกนางก็ตัวสั่นก้าวออกมา “ฝ่าบาท บ่าว บ่าวไม่ได้ทำอันใดเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋มองไปยังนางกำนัลฮวาเหลียนด้วยแววตาคมกริบ “ว่ามา เจ้าบอกชีวิตประจำวันของรัชทายาทให้นางกำนัลชื่อเสี่ยวอวิ๋นหรือ เจ้าได้บอกหรือไม่ว่า รัชทายาทจะออกจากวังหลวงไปลอยเรือกระดาษขอพรที่แม่น้ำเยว่?”
ฮวาเหลียนมองแววตาเย็นเยียบของฮ่องเต้แล้วก็ตกใจแทบสิ้นสติ แต่สัญชาตญาณทำให้นางไม่กล้าบอกว่าตนเองได้บอกเรื่องนี้ไป
เซียวเหวินอวี๋แววตาดุดัน ตวาดว่า “หากกล้าปิดบังเรา เราจะให้คนแล่เนื้อเจ้าเป็นชิ้นๆ”
ฮวาเหลียนไหนเลยจะกล้าปิดบัง เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าซีดขาวว่า “นางถามบ่าวจริงเพคะ บ่าวก็แค่ตอบไปคำเดียวว่าไม่ทราบเพคะ ฝ่าบาท”
ฮวาเหลียนรู้ว่าตนเองยากหนีความตายนี้พ้น รีบปรี่เข้าไปลงคุกเข่าโขกศีรษะ
เซียวเหวินอวี๋สั่งการโจวโย่วจิ่น “ไปตำหนักเฉาหยางกงนำตัวนางกำนัลฝ่ายซักล้างเสี่ยวอวิ๋นมา”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
โจวโย่วจิ่นออกไปจับกุมคน
นอกพระที่นั่ง มีขันทีเข้ามารายงาน “ฝ่าบาท ใต้เท้าเซี่ยศาลอาญาต้าหลี่ขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท”
“ให้เขาเข้ามา”
เซียวเหวินอวี๋อยากรู้สถานการณ์ทางฝั่งเซี่ยเหวินเหยา รีบให้คนพาเซี่ยเหวินเหยาเข้ามา
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”
เซียวเหวินอวี๋บอกให้เขาลุกขึ้น เซี่ยเหวินเหยารายงานสถานการณ์ทางฝั่งศาลอาญาต้าหลี่ให้เซียวเหวิน อวี๋ฟัง
“เด็กคนนั้นเป็นบุตรหลานราษฎรทั่วไปในเมือง วันนี้ตอนบ่ายมีคนไปตระกูลพวกเขา ให้เสื้อผ้าและรองเท้ากับบุตรชายพวกเขา กำชับพวกเขาว่าคืนนี้ให้แต่งตัวเช่นนี้ ให้พวกเขาให้ความร่วมมือ หลังเสร็จงานจะให้พวกเขาห้าสิบตำลึง พวกเขาไม่รู้อันใดด้วย”
เซียวเหวินอวี๋เม้มปาก คิดถึงว่าตอนนี้รัชทายาทไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ในใจเขาเป็นห่วงอย่างมาก
เซี่ยเหวินเหยาย่อมรู้ความร้อนใจของเซียวเหวินอวี๋ นั่นเป็นบุตรชายคนโตของเขา เป็นรัชทายาท
ตอนนี้ในใจเขาจะไม่ทุกข์ใจได้หรือ
เซี่ยเหวินเหยามองเซียวเหวินอวี๋กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฝ่าบาทอย่าได้ทรงร้อนพระทัยไป คนพวกนั้นจับตัวรัชทายาทไป ย่อมต้องนำไปใช้ประโยชน์ หากไม่เช่นนั้นก็คงไม่ทุ่มเทวางแผนมากมายเช่นนี้ หากคิดสังหารรัชทายาท ตอนกำลังโกลาหลกันก็แทงสังหารรัชทายาทได้ ไม่จำเป็นต้องพาตัวรัชทายาทไป”
“พวกเขาทุ่มเทมากมายเพื่อจับตัวรัชทายาทไปย่อมต้องมีเป้าหมายอื่น แสดงให้เห็นชัดเจนว่าตอนนี้รัชทายาทยังปลอดภัยชั่วคราว”
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังเซี่ยเหวินเหยาก็ผ่อนคลายความกังวลลง
โจวโย่วจิ่นนำคนเข้ามารวดเร็ว “ฝ่าบาท นางกำนัลเสี่ยวอวิ๋นตายอยู่ในห้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ บ่าวนำคนไปจับคนในห้องซักล้างมาหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
พอเซียวเหวินอวี๋กับเซี่ยเหวินเหยาได้ฟังก็รู้ทันทีว่า เสี่ยวอวิ๋นถูกคนฆ่าปิดปากแล้ว
“ไปตรวจค้นคนห้องซักล้าง ปกติเสี่ยวอวิ๋นสนิทกับผู้ใด ไม่ว่าเป็นผู้ใด จับตัวมาสอบปากคำให้หมด ไม่ปล่อยให้เล็ดรอดไปแม้แต่ผู้เดียว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยเหวินเหยาลุกขึ้นทูลลา “กระหม่อมออกจากวังหลวงก่อน หากทางฝ่าบาทมีข่าวใด ก็ส่งคนไปบอกตระกูลเซี่ยสักคำ”
เซียวเหวินอวี๋พยักหน้า เซี่ยเหวินเหยากำลังจะเดินออกจากพระที่นั่ง แต่พอเดินถึงหน้าประตูก็ชะงักหันกลับมามองเซียวเหวินอวี๋ “ฝ่าบาท ท่านพ่อกับท่านแม่รักรัชทายาทมา เกิดเรื่องไม่คาดคิดเช่นนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ท่านพ่อท่านแม่คาดคิด ยามนี้ในใจพวกเขาเองก็เสียใจมาก เกรงว่าไม่ได้น้อยไปกว่าฝ่าบาท”
เซียวเหวินอวี๋พอได้ฟังก็รู้ความหมายของเซี่ยเหวินเหยา เขาไม่อยากให้ตนคับแค้นใจต่อท่านพ่อกับท่านแม่
เซียวเหวินอวี๋ยิ้มเฝื่อน เขาเป็นคนแยกแยะไม่ได้เช่นนั้นหรือ เขารู้ดีว่าเรื่องพวกนี้ไม่อาจตำหนิท่านพ่อกับท่านแม่ ผู้ใดจะคิดว่าในพื้นที่เมืองหลวงนี้ ถึงกับเกิดเหตุจับตัวรัชทายาท จะโทษก็โทษเขาเองที่ไม่ได้จัดการทุกอย่างให้ดี
“พี่ใหญ่กลับไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ เราไม่ตำหนิพวกท่าน”
เซี่ยเหวินเหยาพยักหน้าเดินออกไป
เขาเพิ่งจากไป ฮองเฮาก็นำคนเข้ามา
“ฝ่าบาทเพคะ เป็นอย่างไรบ้าง สืบหาจิ่งเอ๋อร์เจอไหมเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋ยกมือนวดหว่างคิ้ว “ยังหาไม่เจอ เรากำลังให้คนตามหาอยู่”
หวังเมิ่งเหยาได้ยินเซียวเหวินอวี๋ ก็อดร้องไห้อย่างเป็นห่วงไม่ได้ ร้องไปก็มองเซียวเหวินอวี๋ไป ขอร้องว่า “ฝ่าบาท หากจิ่งเอ๋อร์ครั้งนี้ปลอดภัย วันหน้าทรงให้เขาอยู่ข้างกายหม่อมฉันได้ไหมเพคะ อย่าให้เขาไปเมือง หนิงโจวอีก”
เซียวเหวินอวี๋หันไปมองหวังเมิ่งเหยาด้วยสายตาแทบไม่อยากจะเชื่อ เป็นนานก่อนจะค่อยๆ เอ่ยว่า “ในฐานะรัชทายาท ชีวิตนี้เขาต้องพบเจอกับมรสุมขัดเกลาประสบการณ์ชีวิตมากมาย หรือว่าเจ้าจะให้เขาอยู่แต่ในวังไม่ออกไปที่ใดกัน”
หวังเมิ่งเหยาร่ำไห้ส่ายหน้า “ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้ หม่อมฉันเพียงแต่ไม่อยากทนรับเรื่องพวกนี้อีก ทรงรู้ไหม ตอนนี้หม่อมฉันแทบจะขอไปรับทุกข์แทนจิ่งเอ๋อร์เองแล้ว”
เซียวเหวินอวี๋เห็นนางเสียใจเช่นนี้ ก็ไม่คิดทำให้นางสะเทือนใจอีก แต่แน่นอนว่าไม่ได้รับปากนางว่าวันหน้าไม่ให้รัชทายาทไปเมืองหนิงโจว
โจวโย่วจิ่นสืบได้ข่าวที่มีประโยชน์มาอย่างรวดเร็ว นางกำนัลที่ชื่อเสี่ยวอวิ๋นมักจะไปคุยสนิทสนมกับขันทีเหอฝู ทั้งสองคนเป็นคนบ้านเดียวกัน ต่อมาเข้าวังมายังเป็นคู่กันอีก ทั้งสองคนเป็นคนขององค์หญิงหมิงจู
“ฝ่าบาท พวกเขาเดิมเป็นบ่าวรับใช้องค์หญิงหมิงจู”
“ไปนำตัวเหอฝูมาสอบสวน”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ปรากฏโจวโย่วจิ่นนำคนไปจับตัวเหอฝู เหอฝูได้ปลิดชีวิตตนเองไปแล้ว
เส้นทางข่าวสารก็ขาดตอนลงตรงนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรยามนี้เซียวเหวินอวี๋ก็เริ่มสงสัยองค์หญิงหมิงจูเซียวเยว่
องค์หญิงหมิงจูเซียวเยว่เป็นปรปักษ์กับเขามาตลอด ตั้งแต่เขาเข้าวังมานางก็ไม่ชอบเขา ต่อมาเพราะเขาวางยานาง นางแค้นใจเขา
แม้ว่าพวกเขาภายนอกเป็นพี่น้องที่สมัครสมานสามัคคีกัน แต่ในความเป็นจริงต่างรู้ดีว่าอีกฝ่ายเกลียดตนเองเข้ากระดูกดำ แทบจะสังหารอีกฝ่ายได้
ที่เซียวเหวินอวี๋พระราชทานอภิเษกให้เซียวเยว่กับบุตรชายรองโส่วฝู่ ก็เพราะไท่ซั่งหวงให้เขาหาตระกูลที่ดีให้องค์หญิงหมิงจูออกเรือน กอปรกับเขาเองไม่อยากเห็นหญิงผู้นี้ในวัง ดังนั้นจึงได้พระราชทานเซียวเยว่ให้แต่งกับเจียงเทาบุตรชายรองของรองโส่วฝู่
เซียวเยว่ไม่ได้คัดค้าน เซียวเหวินอวี๋เห็นท่าทีนางดีมาก จึงได้สั่งให้กรมคลังสร้างจวนองค์หญิงให้นาง
เขาคิดว่าหญิงผู้นั้นจะสงบเสงี่ยมอยู่ในจวนองค์หญิงไป คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ถึงกับเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องรัชทายาทถูกจับตัวไป
เซียวเหวินอวี๋คิดถึงว่าตอนนี้บุตรชายตกอยู่ในมืออีกฝ่ายก็นั่งไม่ติด รีบนำคนออกจากวังหลวงไปล้อมจวนองค์หญิง มีราชโองการให้คนเข้าตรวจค้นจวนองค์หญิง