ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 915 ร่องรอย
ตอนที่ 915 ร่องรอย
ความจริงเซียวเหวินอวี๋ค้นพบมานานแล้วว่าตั้งแต่ฮองเฮาขึ้นเป็นฮองเฮาแห่งแคว้นต้าโจว ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเมื่อก่อน อาจเพราะอำนาจทำให้คนเปลี่ยนไป ฮองเฮามักจะเรียกบรรดาฮูหยินตราตั้งเข้าเฝ้า ฮูหยินพวกนั้นก็ย่อมนอบน้อมยกย่องนาง พระสนมในวังก็ไม่กล้าหาเรื่องนาง ทำให้ความคิดนางเปลี่ยนไป
เซียวเหวินอวี๋กำลังคิดอยู่ ฮองเฮามีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ สะอื้นมองเซียวเหวินอวี๋
“ฝ่าบาทตำหนิหม่อมฉันหรือเพคะ”
หากเป็นเมื่อก่อน จะทรงปลอบใจนางอย่างอ่อนโยนไหม
เซียวเหวินอวี๋ไม่อยากมีเรื่องกับฮองเฮาต่อหน้าท่านพ่อกับท่านแม่ หันไปมองพวกท่าน “ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านอย่าได้เป็นห่วง คนบงการทุ่มเทกำลังจับตัวรัชทายาทไปย่อมต้องมีจุดมุ่งหมายอันใด พวกเขาจะไม่ทำอันใดรัชทายาทในตอนนี้แน่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพยักหน้า แต่ยังคงไม่กล้าประมาท ทั้งสองคนหันหน้าไปมององค์หญิงเซียวเยว่
“เรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับองค์หญิง”
เซียวเหวินอวี๋เล่าเรื่องคนอยู่เบื้องหลังที่มาขอความร่วมมือจากเซียวเยว่ให้ลงมือในวัง
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นดำทะมึนไม่อาจบรรยาย เขาเดินไปตรงหน้าเซียวเยว่ ยืนนิ่งถามว่า “องค์หญิง หากรัชทายาทเกิดเรื่องอันใดขึ้น ท่านก็คือคนบาปแห่งแคว้นต้าโจว ย่อมต้องตายไร้ที่ฝัง”
เซียวเยว่สีหน้าซีดเผือด ยามนี้นางรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว น้ำตาไหลรินอย่างไม่อาจระงับ “ข้าผิดไปแล้ว”
ฮองเฮาได้ฟังเซียวเยว่ ก็โมโหพุ่งเข้าไปคว้าตัวนางเขย่าไปมา “เหตุใดเจ้าทำเช่นนี้ รัชทายาทเรียกเจ้าว่าเสด็จอา เขายังเล็กเช่นนั้น เจ้าถึงกับทำร้ายเขาได้ลง เจ้าต้องไม่ตายดี”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วมองไปยังฮองเฮาเอ่ยขึ้นว่า “ฮองเฮา สงบสติลงหน่อย”
ฮองเฮาร่ำไห้คร่ำครวญ “ตอนนี้ไม่รู้ว่าจิ่งเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง จะให้ข้าสงบสติ ข้าจะทำได้อย่างไร”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ท่านทำเช่นนี้ทำให้เสียเวลาตามหารัชทายาท ไม่ได้ช่วยรัชทายาท ตอนนี้พวกเราต้องหาตัวรัชทายาทให้พบ ต้องหาทางช่วยรัชทายาทออกมา ร้องไห้ไปก็แก้ไขปัญหาไม่ได้”
เซียวเหวินอวี๋เริ่มรำคาญ ออกคำสั่งทันที “พวกเจ้า ส่งฮองเฮากลับเข้าวัง”
ฮองเฮารีบคัดค้าน “ข้าไม่ไป”
เซียวเหวินอวี๋มองด้วยสีหน้าเย็นเยียบนาง “นี่คือราชโองการ”
ฮองเฮาเงียบงัน มีเพียงแววตาที่มีแต่ความคับแค้นฉาบไว้ชั้นหนึ่ง
โจวโย่วจิ่นเข้ามาเชิญนาง นางหันหลังนำคนออกไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไปถามเซียวเยว่ “องค์หญิง คนที่มาหาท่านหน้าตาเป็นอย่างไร มีลักษณะเด่นอันใดหรือไม่ ยามพูดจามีติดสำเนียงใด หรือดูท่าทางเขาเป็นชนชั้นสูงศักดิ์ในเมืองหลวงหรือราษฎรทั่วไป”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ก็ค่อยๆ กล่าวว่า “องค์หญิงคิดให้ดีๆ ค่อยตอบ หากช่วยรัชทายาทออกมาได้ ก็ถือว่าท่านได้ไถ่โทษความผิดตนเอง”
เซียวเยว่รู้ว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้ มีเพียงช่วยรัชทายาทออกมา นางจึงจะไม่ต้องรับโทษผิดมากมาย
นางพยายามย้อนระลึกกลับไปตอนที่สนทนากับคนผู้นั้น “คนผู้นั้นรูปร่างสูงสวมชุดดำ ปิดหน้าด้วยผ้าดำ แต่ข้าเดาอายุเขาได้ว่าไม่มาก อย่างมากก็ยี่สิบกว่า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินเซียวเยว่เอ่ยเช่นนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ คนเช่นนี้มีมากมายในเมืองหลวง ไม่ได้มีลักษณะเด่นอันใด
เซียวเยว่เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วก็พยายามนึกต่อ ทันใดนั้นนางนึกได้เรื่องหนึ่ง จึงส่งเสียงร้องดังขึ้น “ข้านึกออกแล้ว คนผู้นั้นนิ้วก้อยขาดไปหนึ่งข้อ คล้ายว่านิ้วขาด และข้ารู้สึกว่าเขาไม่เหมือนชนชั้นสูงศักดิ์ในเมืองหลวง ไม่เหมือนราษฎรทั่วไป แต่เหมือนว่าเป็น…”
เซียวเยว่พยายามนึก พลันเอ่ยขึ้นว่า “เหมือนว่าเป็นคนในยุทธภพ”
นางกล่าวจบ ก็แน่ใจพยักหน้า “ใช่ เขาเหมือนว่าเป็นคนในยุทธภพ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเซียวเหวินอวี๋ได้ฟังหันขวับไปมองอีกฝ่าย “คนในยุทธภพ?”
คนจับตัวรัชทายาทเป็นคนในยุทธภพ? แต่ไรมาคนพวกนั้นไม่ล้ำเส้นราชสำนัก เหตุใดจึงเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
เซียวเหวินอวี๋มีราชโองการ “ทหาร นำตัวองค์หญิงไปขังไว้”
โจวโย่วจิ่นรีบให้คนนำตัวเซียวเยว่ไปคุมขัง ยามนี้เซียวเยว่ไม่กล้าขัดขืน อย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่ได้สั่งโบยนางให้ตาย
แต่องค์หญิงเพิ่งจะถูกนำตัวออกไป รองโส่วฝู่ตระกูลเจียงก็พาบุตรชายคนโตกับบุตรชายรองเข้า
“ถวายบังคมฝ่าบาท”
เซียวเหวินอวี๋มองพวกเขาทีหนึ่ง บอกให้พวกเขาลุกขึ้น
ยามนี้พ่อลูกตระกูลเจียงได้รู้เรื่องรัชทายาทถูกจับตัวไป ตอนนี้ฝ่าบาทมาจวนองค์หญิง เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับองค์หญิง
พ่อลูกสีหน้าซีดเผือดอย่างที่สุด “ฝ่าบาท สะใภ้กระหม่อมทำอันใดหรือ กระหม่อมไม่รู้อันใดทั้งสิ้น”
เจียงหลิวสามีเซียวเยว่รีบกล่าวว่ า“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่รู้อันใดทั้งสิ้น องค์หญิงปกติอารมณ์ร้อน ไม่ได้ดังใจก็ไล่กระหม่อมออกจากจวนองค์หญิง ระยะนี้กระหม่อมถูกนางขับไล่ออกไป ไม่ได้อยู่ที่จวนองค์หญิง”
เจียงหลิวท่าทางทนทุกข์ทรมานอย่างมาก เป็นราชบุตรเขยแต่น่าสงสารจริง องค์หญิงอารมณ์ร้ายมาก หากไม่ได้ดังใจก็จะระเบิดโทสะ ปกติเจียงหลิวอยากอยู่จวนตระกูลเจียงมากกว่า ไม่อยากมาอยู่จวนองค์หญิง
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังพ่อลูกตระกูลเจียงก็หรี่ตามองพวกเขา พบว่าสีหน้าพวกเขาซีดเผือด แววตาไม่รู้เรื่องจึงได้โบกมือ “ไว้เราจะตรวจสอบให้ละเอียด หากตรวจแล้วพบว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า พวกเจ้าก็ไม่ต้องพลอยโดนลงโทษเพราะองค์หญิงไปด้วย”
นี่นับว่าให้ยาสบายใจให้พวกเขาแล้ว พ่อลูกตระกูลเจียงพลันโล่งอก
เซียวเหวินอวี๋และพวกรองโส่วฝู่รอการค้นหาของเซี่ยวั่งเทียนและอู่เฉิงปิงหม่าซือในเมืองหลวง
ปรากฏเซี่ยวั่งเทียนหาทั่วเมืองหลวงก็ไม่พบ
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมนำทหารค้นหาทั่วทั้งเมืองหลวง แต่ก็ไม่พบร่องรอยรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเหวินอวี๋สีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “หรือว่ารัชทายาทถูกพวกเขานำตัวออกไปแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นปฏิเสธทันที “เป็นไปไม่ได้ ตอนรัชทายาทหายตัวไป กระหม่อมสั่งให้คนไปแจ้งผู้บัญชาการเซี่ยที่อู่เฉิงปิงหม่าซือแล้ว อีกฝ่ายไม่มีทางมีโอกาสนำรัชทายาทออกจากเมืองหลวงไปได้ ตอนนี้รัชทายาทย่อมต้องยังอยู่ในเมืองหลวง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปยังเซี่ยวั่งเทียน ถามทันทีว่า “เจ้าค้นหาทุกที่ละเอียดแล้วหรือ”
“ค้นหาหมดแล้ว ไม่มีร่องรอยน่าสงสัยอันใดพ่ะย่ะค่ะ”
ในห้องโถง ทุกคนพลันเงียบงัน เซี่ยอวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วครุ่นคิดครู่หนึ่งก็มองไปยังเซี่ยวั่งเทียน “แถบตะวันออกของเมืองเป็นเขตชาวบ้านสามัญ ตรวจละเอียดแล้วหรือ ที่เช่นนั้นเป็นพื้นที่ซับซ้อนวุ่นวายอยู่มาก”
พื้นที่คนรวยตรวจค้นง่าย เพราะแต่ละตระกูลล้วนมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง นำคนตรวจค้นค่อนข้างง่าย และสืบคนตามทะเบียนบ้านได้ง่ายมาก แต่แถบตะวันออกของเมืองเป็นเขตชาวบ้านสามัญ ค่อนข้างวุ่นวายซับซ้อน ผู้คนจำนวนมากอาศัยอยู่ ตรวจค้นทีก็ชุลมุนวุ่นวาย แอบซ่อนคนได้ง่าย
หากเขาเป็นอีกฝ่าย เขาย่อมต้องพาตัวรัชทายาทไปซ่อนไว้ที่เขตชาวบ้านสามัญในแถบตะวันออกของเมือง
เซี่ยวั่งเทียนได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รีบประสานมือรายงานว่า “ทูลฝ่าบาท เพราะว่าคนในแถบตะวันออกของเมืองมีมากเกินไป ค้นหามากไปอาจทำให้ชาวบ้านแตกตื่น ดังนั้นกระหม่อมจึงได้ค้นหาตามทะเบียนราษฎร์ ไม่ได้ค้นหาละเอียดถึงในห้องด้านใน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบมองไปยังเซียวเหวินอวี๋กล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมเสนอให้ตรวจค้นแถบตะวันออกของเมือง แน่นอนย่อมไม่อาจลงมือเอิกเกริกค้นหาถึงในห้อง เพราะจะทำให้ราษฎรแตกตื่นตกใจ พวกเราส่งคนอู่เฉิงปิงหม่าซือปะปนลงไปสืบข่าวได้ คนพวกนั้นจับตัวรัชทายาทไปย่อมต้องส่งคนมาเฝ้ารัชทายาท เขตชาวบ้านสามัญในแถบตะวันออกของเมืองเช่นนั้น คนทั่วไปที่ไม่มีอันใด ไม่ควรมีผู้คุ้มกัน แต่หากพบความผิดปกติ ก็ย่อมเห็นความผิดปกติได้ง่ายเช่นกัน”
เซียวเหวินอวี๋แววตาส่องประกาย ไม่ผิด เขตชาวบ้านสามัญแถบตะวันออกของเมือง หากมีบ้านใดมีผู้คุ้มกัน ย่อมต้องผิดปกติ