ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 919 โมโหมาก
ตอนที่ 919 โมโหมาก
โจวเส้ากงคิดอยู่ครู่หนึ่งรีบกล่าวว่า “พวกเจ้าไปหาคนชื่อโจวอวี้ อย่าให้เจ้าหมอนั่นปรากฏตัวเด็ดขาด หากอีกฝ่ายรู้ว่ามีโจวอวี้อีกคน นายท่านย่อมตกอยู่ในอันตราย ส่วนข้าจะกลับไปตระกูลเซี่ย รายงานเรื่องที่นายท่านเข้าไปให้ฮูหยินทราบ”
ถงอี้เอ่ยว่า “แต่ใต้เท้าบอกว่าไม่ให้ฮูหยินรู้”
โจวเส้ากงกล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เรื่องใหญ่เพียงนี้ จะปิดบังฮูหยินได้อย่างไร และฮูหยินก็ฉลาดมาก ไม่แน่ว่านางอาจมีวิธี”
ถงอี้กับหร่วนไคไม่พูดอะไรต่ออีก โจวเส้ากงมองพวกเขา “พวกเจ้ารีบหาตัวโจวอวี้ ในเวลานี้นายท่านจะยังไม่เป็นอันใด”
ด้วยความสามารถใต้เท้า จัดการคนพวกนั้นย่อมไม่ใช่ปัญหา
ถงอี้กับหร่วนไครีบไปหาตัวโจวอวี้ โจวเส้ากงกลับไปตระกูลเซี่ย
ตระกูลเซี่ย
ยามนี้ลู่เจียวกำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ ไม่รู้เหตุใดครั้งนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไปตามหาคน นางจึงมักเอาแต่เป็นห่วง มักรู้สึกว่าจะเกิดเรื่อง เมื่อก่อนไม่เคยมีอาการหัวใจเต้นสับสนเช่นนี้
ในห้อง ตันเอ๋อร์ถามอย่างห่วงใยว่า “ฮูหยิน เป็นอันใดหรือ”
ลู่เจียวส่ายหน้า “ไม่มีอันใด เจ้าออกไปได้ ข้าจะพักผ่อนแล้ว”
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”
ตอนลู่เจียวนอนไม่ต้องการให้คนมาคอยเฝ้า พวกตันเอ๋อร์ที่เป็นสาวใช้รับหน้าที่เฝ้าตลอดคืน ไปนอนอยู่ห้องด้านข้างได้ หากต้องการเรียกใช้ ลู่เจียวก็ส่งเสียงเรียก พวกนางได้ยินก็ค่อยเข้ามาปรนนิบัติ
ตันเอ๋อร์เพิ่งจะปรนนิบัติลู่เจียวนอนลง นอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าดังมา ติงเซียงเดินเข้ามารายงานว่า
“ฮูหยิน ท่านอาโจวกลับมาแล้ว”
ลู่เจียวรีบพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง “เขาได้กล่าวอันใดหรือไม่”
“เขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญรายงานฮูหยิน”
ในใจลู่เจียวกระตุกเล็กน้อย หากไม่เหนือความคาดหมายย่อมเกี่ยวข้องกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ติงเซียงเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลู่เจียว ทั้งสองคนเดินออกไปที่เรือนด้านหน้า
โจวเส้ากงเห็นลู่เจียวมาก็รีบรายงานเรื่องของเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ลู่เจียวได้ยินแล้ว ในใจพลันเคร่งเครียดขึ้นมาทันที จิตใจก็ยิ่งเต้นแรงไม่สงบ นางมักรู้สึกว่าครั้งนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นอาจพบเจอกับอันตราย
ลู่เจียวตั้งสตินิ่งลงแล้วก็เงยหน้ามองไปยังโจวเส้ากง “เจ้านำของสิ่งนี้ของข้าไปเข้าวัง ทูลรายงานฝ่าบาทเรื่องเซี่ยอวิ๋นจิ่น ให้ฝ่าบาทส่งคนมาเฝ้าอยู่ห่างๆ หากเกิดเหตุอันใด ก็ให้รีบบุกเข้าไปช่วยใต้เท้ากับรัชทายาทในทันที”
“ขอรับ”
โจวเส้ากงรีบนำของจากลู่เจียวเข้าวังไปรายงานฝ่าบาท
ยามนี้เซียวเหวินอวี๋กำลังฟังรายงานจ้าวเหิง “กระหม่อมกับผู้บัญชาการเซี่ยแยกกันค้นหา กระหม่อมนำคนค้นหาเมืองหลวงแถบตะวันออกส่วนใต้ ยังไม่พบอันใดผิดปกติ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวจากทางผู้บัญชาการเซี่ย”
เซียวเหวินอวี๋ขมวดคิ้วแน่น สามวันแล้ว รัชทายาท?
เซียวเหวินอวี๋คิดถึงแล้วก็รู้สึกเคร่งเครียดอัดอั้นในใจ
พอดียามนี้โจวโย่วจิ่นนำคนเข้ามารายงาน “ฝ่าบาท ฮูหยินโจวกั๋วให้คนเข้าวังมาทูลรายงานพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเหวินอวี๋พลันคิดถึงว่าท่านพ่อนำคนไปค้นหาเมืองแถบตะวันออก หรือค้นพบอันใด ร้อนใจเอ่ยทันที “ให้เขาเข้ามาได้”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
โจวโย่วจิ่นรีบนำโจวเส้ากงเข้ามา สองพ่อลูกตอนเดินเข้ามาไม่ได้กล่าวอันใด ตอนนี้รัชทายาทตกอยู่ในอันตราย ผู้ใดจะมีอารมณ์คุยกัน
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”
เซียวเหวินอวี๋ร้อนใจเรื่องรัชทายาท เร่งโจวเส้ากงอย่างร้อนใจ “ลุกขึ้นได้ ท่านแม่ให้เจ้าเข้าวังมา หรือว่ามีข่าวรัชทายาท”
“ใต้เท้าพบสถานที่น่าสงสัยแห่งหนึ่ง จึงเข้าไปสืบ ฮูหยินให้บ่าวมาทูลรายงานฝ่าบาท ขอให้ฝ่าบาทส่งทหารไปเฝ้าบ้านหลังเล็กนั้นไว้ หากด้านในมีความเคลื่อนไหวอันใดก็ให้รีบเข้าไปช่วยใต้เท้ากับรัชทายาท”
เซียวเหวินอวี๋อึ้งไปทันที ท่านพ่อเข้าไปสืบ นี่ถึงกับนำตนเองเข้าไปเสี่ยงภัยหรือ
สมองเซียวเหวินอวี๋อื้ออึงไปหมด ท่านพ่อเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงภัยได้อย่างไร
เป็นครั้งแรกที่เซียวเหวินอวี๋รู้กระจ่างว่ารัชทายาทประสบอันตราย ท่านพ่อกับท่านแม่แบกรับภาระหนักหน่วง เซียวเหวินอวี๋นั่งนิ่งเป็นนานไม่เอ่ยอันใด แววตาเริ่มแดงก่ำ
เขานึกถึงตอนเด็ก ท่านพ่อรักเขามาก ท่านแม่อบรมเขามา พอคิดถึงฝันที่เขาเคยฝันถึง หากไม่ใช่ท่านพ่อกับท่านแม่ทุ่มเทอบรมสั่งสอน เขาก็คงไม่ได้ความเหมือนในความฝัน เป็นที่หัวเราะเยาะของชาวแคว้นต้าโจว มีชีวิตดังสุนัขตัวหนึ่ง วันนี้เขาได้นั่งตำแหน่งสูงส่งนี้ได้ ไม่ใช่เพราะผู้ใด แต่เพราะท่านพ่อกับท่านแม่ ปรากฏว่า เพราะรัชทายาทถูกจับตัวไป ถึงกับทำให้ท่านพ่อกับท่านแม่ต้องแบกรับภาระใหญ่หลวงเช่นนี้
เซียวเหวินอวี๋แววตายิ่งแดงก่ำ
ทว่าในยามนั้นเอง นอกพระที่นั่ง ฮองเฮานำคนเดินเข้ามา พอเข้ามายังร้อนใจถามว่า “ฝ่าบาท มีข่าวรัชทายาทแล้วหรือเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋เงยหน้าจ้องมองฮองเฮาด้วยแววตาแดงก่ำ มีแต่ความรังเกียจดุดัน เดิมท่านพ่อกับท่านแม่ตำหนิตนเองเพราะรัชทายาทหายตัวไปอยู่แล้ว แต่ฮองเฮากลับยังตำหนิพวกเขา ทำให้ในใจพวกเขายิ่งต้องแบกรับหนักหน่วง
เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้อ่อนโยนกับฮองเฮาดังเช่นเมื่อก่อนอีกแล้ว วาจาระเบิดราวอสุนีบาตพายุฝนกระหน่ำ “พวกเจ้า ลากตัวขันทีเฝ้าด้านนอกออกไปโบยสามสิบไม้ วันหน้าไม่ว่าผู้ใดมาตำหนักเราก็ต้องรายงาน”
โจวโย่วจิ่นหันไปมองฮองเฮาทันที เขารู้แล้วว่าจากนี้ไปฮองเฮาได้สูญเสียความโปรดปรานไปแล้ว ฝ่าบาทเอาใจออกหากจากนางแล้ว
สีหน้าฮองเฮาแทบไม่อยากจะเชื่อ เมื่อก่อนนางมาตำหนักเซียวเหวินอวี๋ แต่ไรมาไม่จำเป็นต้องรายงาน ตอนนี้ฝ่าบาทถึงกับมีรับสั่งเช่นนี้ เขาต้องการตบหน้านางอย่างเปิดเผยหรือ สีหน้าฮองเฮาย่ำแย่ไม่อาจบรรยาย นางมองเซียวเหวินอวี๋ ส่งเสียงแหวดังขึ้น “ฝ่าบาททรงหมายความอย่างไรเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋ไม่อยากพูดกับนางอีก สั่งการว่า “ฮองเฮากลับไปได้แล้ว เรายังมีงานที่ต้องจัดการอีก”
ขอบตาฮองเฮาค่อยๆ แดงก่ำ ท่าทางน่าสงสารเหมือนโดนรังแก นี่คือชายที่บอกว่าจะอยู่กับนางไปชั่วชีวิตหรือ น่าขำสิ้นดี นางมีบุตรให้เขาถึงสามคน ชายสองหญิงหนึ่ง ปรากฏว่านางกลับได้รับการปฏิบัติเยี่ยงนี้
“เหตุใดฝ่าบาททรงทำกับหม่อมฉันเช่นนี้ หม่อมฉันทำอันใดผิดกันแน่”
ฮองเฮากล่าวจบ พลันคิดถึงว่าเพราะรัชทายาทหายไป นางตำหนิเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว หรือว่าเพราะนางตำหนิบิดามารดาบุญธรรมเขา ดังนั้นจึงโมโหใส่นาง
ความจริงตอนแรกฮองเฮาให้ความเคารพต่อเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมาก เพียงแต่พอนานวันเข้า นางรู้สึกว่าฝ่าบาทให้ความเคารพเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมากเกินไป แม้ว่าพวกเขาเลี้ยงดูฝ่าบาทมาจนเติบใหญ่ แต่ฮ่องเต้ก็พระราชทานให้พวกเขาไปไม่น้อยแล้ว ไม่เพียงแต่ให้บุตรชายตระกูลเซี่ยได้ดำรงตำแหน่งขุนนางใหญ่ ยังพระราชทานแต่งตั้งลู่เจียวเป็นฮูหยินโจวกั๋ว แม้แต่ฮองเฮาเช่นนางยังต้องให้ความเคารพนาง
ไม่เพียงแต่นาง แม้แต่ท่านแม่นางยังต้องให้ความเคารพฮูหยินโจวกั๋ว ไม่กล้าล่วงเกินนาง ทำให้ในใจฮองเฮารู้สึกไม่ยุติธรรมมาโดยตลอด ท่านแม่นางเป็นถึงมารดาฮองเฮา ปรากฏกลับต้องยอมลงให้กับมารดาบุญธรรมฝ่าบาท ฝ่าบาทยังส่งลูกชายของนางไปให้ตระกูลเซี่ยอบรมเลี้ยงดู รัชทายาทถูกเลี้ยงดูเติบใหญ่เช่นนี้จะไม่ใกล้ชิดกับตระกูลเซี่ยได้หรือ เขาจะไม่มีทางใกล้ชิดกับตระกูลหวัง ก็เหมือนฝ่าบาทที่ไม่ใกล้ชิดสนิทกับตระกูลเฉิน แต่กลับใกล้ชิดสนิทกับตระกูลเซี่ย
ทุกครั้งที่ฮองเฮาคิดถึงเรื่องพวกนี้ ในใจก็ไม่พอใจอย่างมาก ครั้งนี้รัชทายาทหายตัวไป ในที่สุดนางก็ทนต่อไปไม่ได้ แต่ฝ่าบาทกลับโมโหนางเพราะเรื่องนี้
ฮองเฮาอดมองเซียวเหวินอวี๋ไม่ได้ ส่งเสียงดังขึ้น “ฝ่าบาท หรือว่าเพราะหม่อมฉันตำหนิใต้เท้าเซี่ยกับฮูหยินโจวกั๋ว ดังนั้นจึงทรงกริ้วหม่อมฉัน แต่คนที่ถูกจับตัวไปเป็นโอรสหม่อมฉันนะเพคะ”
สุดท้ายหวังเมิ่งเหยาก็ร้องไห้ดังขึ้น
เซียวเหวินอวี๋มองนางด้วยแววตาเย็นเยียบ กล่าวว่า “เจ้าเป็นมารดารัชทายาท รัชทายาทถูกจับตัวไป เจ้าทำอันใดบ้าง นอกจากร้องไห้เอาเรื่องตำหนิผู้อื่น เจ้าเคยพยายามทำอันใดบ้าง ท่านพ่อข้า เพื่อช่วยรัชทายาท ไม่สนใจนำตนเองเข้าไปเสี่ยงภัย เจ้าเป็นมารดา เหตุใดไม่พาตนเองไปเสี่ยงภัยเล่า”