ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 920 เป็นห่วง
ตอนที่ 920 เป็นห่วง
ฮองเฮาฟังที่เซียวเหวินอวี๋พูดไม่เข้าใจ อึ้งถามว่า “ฝ่าบาทหมายความอย่างไรเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋ไม่คิดเอ่ยอันใดกับฮองเฮาอีก หันหน้าไปสั่งการโจวโย่วจิ่น “ทูลเชิญฮองเฮากลับตำหนักเฉาหยางกง”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
โจวโย่วจิ่นเข้าไปทูลเชิญฮองเฮากลับ ฮองเฮาอ้าปากคิดจะเอ่ยต่อ
โจวโย่วจิ่นเอ่ยเตือนอ่อนโยน “ฮองเฮา ฝ่าบาทกำลังคิดหาทางช่วยรัชทายาท ท่านอย่าได้ทำให้ฝ่าบาทเสียสมาธิ”
ฮองเฮาคิดถึงว่าคำพูดเซียวเหวินอวี๋ก่อนหน้านี้ว่านางได้แต่ร้องไห้โวยวาย ในที่สุดนางได้แต่อดกลั้นเอาไว้ เดินออกไปด้วยขอบตาแดงก่ำ
เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้สนใจฮองเฮาอีก รีบมองไปยังจ้าวเหิง “เจ้านำลูกน้องไปซุ่มอยู่นอกบ้าน คิดหาทางสืบดูให้กระจ่างว่า รัชทายาทอยู่ในนั้นจริงหรือไม่ จำไว้จะต้องอารักขาใต้เท้าเซี่ยกับรัชทายาทให้ดี”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
อย่างไรหาที่เจอ ก็นับว่าดีมากแล้ว
จ้าวเหิงรีบตามโจวโย่วจิ่นออกไป ในพระที่นั่ง เซียวเหวินอวี๋คิดถึงท่านพ่อตนเองเอาตัวเข้าไปเสี่ยงภัยในรังโจร เขาเป็นห่วงอย่างมาก ร้อนใจอย่างที่สุด ตอนนี้ในใจเขาแทบจะไม่สนใจรัชทายาทอีกแล้ว เขาเป็นห่วงท่านพ่อตนเองมาก หากท่านพ่อเกิดเรื่อง ท่านแม่กับต้าเป่าเอ้อร์เป่าต้องเสียใจมากเป็นแน่
เซียวเหวินอวี๋เดินไปเดินมา ก็ไม่สบายใจ สุดท้ายพาพวกม่อเป่ยแอบออกจากวังหลวงไปจวนตระกูลเซี่ย
ยามนี้ลู่เจียวกำลังนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง แต่นางนอนไม่หลับ
สรุปครั้งนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไปทำงาน ในใจนางไม่สบายใจอย่างมาก มักรู้สึกว่าครั้งนี้จะมีเรื่อง นี่เป็นความรู้สึกที่นางไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ทำให้ลู่เจียวเป็นห่วงมาก ยามนี้ร้อนใจจนนอนอย่างไรก็นอนไม่หลับ
จนกระทั่งนอกประตูมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ลู่เจียวพลิกตัวขึ้นนั่ง นอกประตูมีเสียงรายงานขึ้น “ฮูหยิน ฝ่าบาทออกมาจากในวังเจ้าค่ะ”
ลู่เจียวเลิกคิ้ว ฝ่าบาทอยู่ดีๆ ออกจากวังมาทำอันใด
นางพลิกตัวลงจากเตียง ติงเซียงกับตันเอ๋อร์สองคนเดินเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นาง พอนางสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย ทั้งสามก็เดินออกไป ฝ่าบาทกำลังยืนอยู่ในลานด้านหน้า
ลู่เจียวเพิ่งจะเดินมา เซียวเหวินอวี๋ก็เข้ามารับ เขาเข้ามาถึงก็ลงคุกเข่า
“ท่านแม่ ล้วนเป็นความผิดข้า”
ลู่เจียวยื่นมือไปประคองเซียวเหวินอวี๋ให้ลุกขึ้น “เจ้าเป็นอันใดหรือ”
เซียวเหวินอวี๋ไม่ยอมลุก คุกเข่าสะอื้นไห้ กล่าวว่า “ข้าไม่ควรส่งรัชทายาทไปไว้ข้างกายท่านพ่อกับท่านแม่ หากไม่ทำเช่นนี้ก็คงไม่ต้องทำให้ท่านพ่อกับท่านแม่ต้องมาอยู่ในสภาพเช่นตอนนี้”
ลู่เจียวยื่นมือไปดึงเขาขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “วันๆ เอาแต่พูดจาเหลวไหลอันใด แม้ตอนนั้นเจ้าไม่ได้ส่งรัชทายาทมาอยู่กับพวกเรา รัชทายาทก็ตามพวกเราไปเที่ยวแม่น้ำเยว่อยู่ดี หรือว่าพวกเราจะไม่พาเขาไป ครั้งนี้เป็นเหตุเหนือความคาดหมาย ผู้ใดก็คิดไม่ถึง อย่าได้แบกรับความผิดนี้ไว้ที่ตนเอง ตอนนี้พวกเราต้องคิดหาทางช่วยรัชทายาทออกมา เป็นเรื่องที่เร่งด่วนที่สุดในยามนี้”
ลู่เจียวกล่าวจบ นอกประตู เซี่ยเหวินเหยา เซี่ยเหวินเซ่ากับเซี่ยเหวินอวี้ก็เดินเข้ามา
เซี่ยเหวินเหยาเอ่ยก่อนว่า “ท่านแม่กล่าวได้ถูกต้อง พวกเราตอนนี้ควรคิดหาทางช่วยรัชทายาทออกมา เรื่องอื่นเป็นเรื่องรอง”
เซี่ยเหวินเซ่าเอ่ยต่อว่า “รัชทายาทเป็นเด็กดี ตอนนี้เขาตกอยู่ในมือโจร พวกเราต่างก็เป็นห่วงมาก เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญ”
ความจริงบุตรชายทุกคนล้วนรู้ว่าบิดาตนพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงภัย ในใจต่างก็เป็นห่วงมาก แต่ตอนนี้ทำอย่างไรได้ ได้แต่รอท่านพ่อ
เซี่ยเหวินอวี้เดินเข้ามามองเซียวเหวินอวี๋ กล่าวว่า “ท่านพ่อฉลาดเช่นนั้น แม้ไปคนเดียวก็จะไม่เป็นอันใด พี่สี่อย่าได้เป็นห่วง ท่านพ่อเป็นถึงใต้เท้าโส่วฝู่ จะไม่เป็นอันใด ขอเพียงพวกเราเตรียมพร้อมรับมือให้ดี ก็ย่อมไม่เกิดเรื่อง”
เซียวเหวินอวี๋เห็นลู่เจียวกับพี่น้องไม่ได้ตำหนิเขา ในใจก็พลันโล่งอก
แม้เขาเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจว แต่ก็ไม่ได้คิดอยากอยู่ตัวคนเดียวโดดเดี่ยว นับประสาอันใดกับญาติพี่น้องเขาก็รักเขามาก เขาไม่อยากเดินคนละเส้นทางกับพวกเขา
“ขอบคุณท่านแม่ ขอบคุณพี่น้องทุกคน ทุกคนวางใจ ข้าจะต้องให้คนอารักขาท่านพ่อให้ดี ไม่ให้ท่านพ่อเกิดเหตุอันใดอย่างแน่นอน”
พวกเซี่ยเหวินเหยาสามพี่น้องเดินเข้ามาตบไหล่เซียวเหวินอวี๋ “เอาละ ท่านพ่อเก่งกาจเพียงใด เจ้าไม่รู้หรือ นั่นคือจิ้งจอกเฒ่าฉลาดเป็นกรดเชียวนะ จะต้องไม่เป็นอันใด”
เซียวเหวินอวี๋สงบจิตใจลงได้แล้ว เขาพูดคุยกับลู่เจียวและพี่น้องอีกสองสามคำก็นำคนกลับ
เพียงแต่พอเขากลับวัง ลู่เจียวกับบรรดาบุตรชายก็เงียบกริบ พวกนางล้วนเป็นห่วงมากว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะเกิดเรื่อง
แต่พวกเซี่ยเหวินเหยารู้ว่าท่านพ่อกับท่านแม่รักกันมาก เกรงว่าในใจท่านแม่ก็คงแทบทนรับไม่ไหว แต่ละคนปลอบลู่เจียวอย่างห่วงใย
“ท่านแม่ ท่านพ่อจะไม่เป็นอันใด ท่านแม่อย่าได้เป็นห่วง”
“ใช่ ท่านพ่อเป็นโส่วฝู่ จะปล่อยให้ตนเองเกิดเรื่องได้อย่างไร ท่านแม่ ข้าพาท่านแม่ไปนอนนะ”
อู่เป่ายื่นมือไปประคองมารดาตน ส่งนางเข้าห้อนนอน พอลู่เจียวลงนอน เขาก็ยังไม่จากไป แต่คุยกับลู่เจียวเรื่องพี่น้องตอนเด็กๆ เดิมลู่เจียวไม่ได้สนใจฟัง แต่พอฟังไปๆ ก็เริ่มผ่อนคลาย สุดท้ายหลับตาลงหลับไป
อู่เป่าไม่ได้ออกไป แต่นั่งเฝ้าอยู่ในห้อง แน่ใจว่าท่านแม่หลับสนิทแล้ว เขาจึงได้ลุกขึ้นออกไป
ณ บ้านหลังเล็กในแถบตะวันออกของเมืองหลวง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังง่วนกับการงาน แต่เขาทำงานได้เปะปะมาก ไม่ยอมให้เรียบร้อย ตอนมีคนก็ตั้งใจทำงาน พอไม่มีคนเขาก็แอบขี้เกียจ ทำให้พวกที่ลอบจับจ้องมองเขาอยู่รู้สึกว่าเขาเป็นอันธพาลโจวอวี้ไม่เอาไหนจริงๆ ไม่ใช่ผู้ใดปลอมตัวมา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นใช้เวลาสองวันก็คุ้นเคยกับทุกซอกมุมในบ้านหลังนี้ ที่นี่มีกันทั้งหมดสี่คน ล้วนมีทะเบียนราษฎร์ คนที่เป็นหัวหน้าอายุไล่เลี่ยกับเขา และเพราะเป็นเช่นนี้ ยามตรวจสอบคนทางแถบตะวันออกของเมืองหลวงนี้จึงไม่พบความผิดปกติใด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคุ้นเคยกับในบ้านนี้แล้ว แต่สามห้องกลางก็ยังเข้าใกล้ไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่ารัชทายาทถูกพวกเขาขังไว้ในห้องใด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นว่าวันเวลาผ่านไปทุกวันๆ ยังไร้ร่องรอยรัชทายาท ในใจเขาเริ่มร้อนใจ ยิ่งนานวัน รัชทายาทก็ยิ่งอันตราย
ดังนั้นเขาจะต้องหาโอกาสวางยาตอนคนพวกนั้นไม่รู้ตัว จากนั้นก็หาตัวรัชทายาทและช่วยเขาออกไป
ไม่รู้ว่าเพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นแสดงได้ดีจนคนเหล่านี้ผ่อนคลายความระแวงลง หรือว่าพวกเขาถูกขังอยู่ในบ้านเล็กๆ นี่จนทนไม่ไหวแล้ว ดังนั้นคนพวกนี้จึงไม่ได้ระวังตนเองดังก่อนหน้านี้แล้ว
“นายท่าน พวกเราจะออกนอกเมืองกันเมื่อใด หากเอาแต่อยู่กันอย่างนี้ต่อไปคงไม่ได้การแน่”
คนที่ถูกเรียกว่านายท่านก็คือชายหนุ่มนิ้วก้อยขาดชื่อว่าเผิงอิง อายุไม่มาก แต่เป็นหัวหน้าคนได้ ประการแรก เพราะคนผู้นี้มีวิทยายุทธ์ร้ายกาจมาก ประการที่สอง คนผู้นี้ฉลาดมาก
เขาได้ยินเฮ่อซานพูดก็หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นทันที พบว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังกวาดพื้นอย่างเกียจคร้าน ไม่ได้สนใจฟังพวกเขา เผิงอิงก็คลายความระแวงลง หันไปตำหนิเฮ่อซาน “หุบปาก พูดจาเหลวไหลอันใดกัน”
เฮ่อซานไม่ได้ตกใจ เขาเป็นคนสนิทเผิงอิง เขารีบเขยิบเข้าไปใกล้เผิงอิงกระซิบว่า “นายท่าน หากพวกเรายังไม่กลับไป ตำแหน่งประมุขสำนักใต้ เกรงว่าคงถูกชิงไปแล้ว ท่านทำใจได้หรือ”