ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 922 ตาย
ตอนที่ 922 ตาย
เซียวจิ่งเรียกขึ้นด้วยสัญชาตญาณ เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงเขา รีบปีนบันไดไม้ลงไป จากนั้นก็เห็นเซียวจิ่งขดตัวอยู่บนเตียงไม้ที่มุมห้อง พอเห็นเขา เซียวจิ่งพลันตื่นเต้นตกใจส่งเสียงร้องไห้ดังลั่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลัวเขาร้องไห้ดังไป ทำให้คนด้านบนรู้ตัว ก็สั่งน้ำเสียงเข้มว่า “อย่าร้องไห้ รีบตามปู่ขึ้นไป”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบเข้าไปดึงเซียวจิ่ง พร้อมกับยื่นมือไปหยิบขนมข้างเตียงมายัดใส่มือเซียวจิ่ง
“กินอะไรหน่อย ไม่เช่นนั้นไม่มีแรงวิ่ง”
เซียวจิ่งได้ยินเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ไม่ปฏิเสธ ยื่นมือไปคว้าขนมมากินก่อนจะปีนบันไดไม้ตามเซี่ยอวิ๋นจิ่นขึ้นไป
เขาปีนไปก็พยายามกินไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นเขาติดคอ ก็กล่าวน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เจ้าค่อยๆ กิน อย่าติดคอเอา”
“อืม”
ทั้งสองคนปีนบันไดไม้ออกจากห้องลับรวดเร็ว
ยามนี้หลายคนในห้องยังคงหลับสนิท เซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันโล่งอก ดึงเซียวจิ่งวิ่งออกไปรวดเร็ว “พวกเราไปกันเร็ว”
ทั้งสองคนเพิ่งจะวิ่งออกจากห้องโถงกลาง ประตูลานก็ถูกคนผลักออก เงาร่างชุดดำสองคนเดินเข้ามา สองฝ่ายเผชิญหน้ากัน อีกฝ่ายรู้ได้ถึงความผิดปกติ ทั้งสองคนรีบวิ่งหนีทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นใช้แรงผลักเซียวจิ่ง ออกคำสั่งดังว่า “วิ่งไปทางตะวันตก”
เขากล่าวจบ ก็หันไปตะโกนยังกำแพงสูงด้านข้าง “ทหาร ช่วยรัชทายาท ช่วยรัชทายาท”
ยามค่ำคืนเงียบสงบ เสียงเซี่ยอวิ๋นจิ่นดังก้องฝ่าม่านรัตติกาลออกไปด้านนอก
ชายชุดดำสองคนหน้าประตูรีบไล่ตามรัชทายาทไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบพุ่งเข้าไปขวางทั้งสองคน
น่าเสียดายฝีมือเขาไม่สูงนัก ไม่อาจขวางทั้งสองคนได้
หนึ่งในชายชุดดำยกเท้าเตะเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นพุ่งเข้าไปกอดรัดขาอีกฝ่ายไว้ พร้อมกับกระแทกใส่อีกคน
ทั้งสองคนถูกขวางไว้ก็โมโหอย่างมาก
คนที่ถูกกอดรัดขาไว้ก็ยกมือฟาดใส่แผ่นหลังเซี่ยอวิ๋นจิ่นเต็มแรง อีกคนยกมือฟาดใส่หน้าอกเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกได้ถึงแรงลมจากฝ่ามือปะทะหน้าผากเขารุนแรง แต่เขายังคงฝืนเฮือกสุดท้าย
ก่อนจะมีเสียงดังขึ้น สองฝ่ายปะทะกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหมดแรงต่อต้าน ถูกอีกฝ่ายฟาดกระเด็น
เซียวจิ่งไม่ไกลนักเห็นภาพนี้ ขอบตาก็แดงก่ำ ส่งเสียงร้องเรียกดัง “ท่านปู่”
เงาร่างนอกกำแพงมากมายพากันพุ่งเข้ามา มีถงอี้และหร่วนไค ด้านหลังยังมีคนพากันเข้ามาอีก
เซียวจิ่งร้องไห้ตะโกนเรียกไม่หยุด “รีบไปช่วยท่านปู่ รีบไปช่วยท่านปู่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมีโลหิตไหลออกมาจากทั้งทางปากและทางจมูก เขารู้สึกว่าตนเองเริ่มสติเลือนราง แต่พอได้เห็นรัชทายาทถูกคนช่วยไปแล้ว เขาก็โล่งอก โชคดีรัชทายาทไม่เป็นอันใด ดีมากจริงๆ
เจียวเจียว ครั้งนี้เกรงว่าข้าคงไม่อาจอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้อีกแล้ว แต่มีลูกๆ เป็นเพื่อนเจ้า ข้าก็วางใจ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นค่อยๆ หลับตาลง
โจวเส้ากงพุ่งเข้าไปหาเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยอาการลนลานไม่อาจควบคุมตนเอง ยื่นมือไปอุ้มเขาขึ้นมา “ใต้เท้า ใต้เท้า”
ยามนี้ทั้งในและนอกบ้านล้วนมีแต่เสียงต่อสู้ โจวเส้ากงไม่สนใจผู้ใด อุ้มเซี่ยอวิ๋นจิ่นตรงกลับตระกูลเซี่ย
เดิมลู่เจียวกำลังนอนอยู่บนเตียง พลันหัวใจเต้นแรง หลั่งเหงื่อเย็นโทรมกาย นางเบิกตาโพลงตื่นขึ้น
ก่อนหน้านี้นางเหมือนฝันไป ฝันเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมา เขามายืนข้างเตียงกล่าวอำลากับนาง ขอโทษนางที่ครั้งนี้ไม่อาจอยู่เคียงข้างนางได้อีกต่อไปแล้ว
ลู่เจียวคิดคว้าเขาไว้ด้วยสัญชาตญาณ น่าเสียดายเขาค่อยๆ ถอยห่างออกไป
ลู่เจียวตื่นขึ้นจากฝัน น้ำตานองหน้า ในใจเจ็บปวดรวดร้าวอย่างที่สุด
ไม่ เป็นไปไม่ได้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นจะไม่เป็นอันใด
ในเวลานี้นางจึงได้รู้กระจ่างว่า เขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตนางอย่างแยกไม่ออก เริ่มตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่อาจรู้ได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าอย่าได้เกิดเรื่องอย่างเด็ดขาด
ลู่เจียวเพิ่งคิดจบ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาด้านนอก พร้อมกับเสียงตะโกนดังตามมาด้วย
“ท่านพ่อ ท่านพ่อเป็นอันใดหรือ ท่านพ่อฟื้นสิ ท่านพ่อ”
“ฮูหยิน รีบมาเร็ว ช่วยใต้เท้าด้วย ช่วยใต้เท้าด้วย”
ลู่เจียวรีบลงจากเตียงสวมเสื้อพุ่งออกไป เห็นโจวเส้ากงอุ้มเซี่ยอวิ๋นจิ่นพุ่งเข้ามา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ หน้าผาก ดวงตา จมูกและปากล้วนมีโลหิตไหลออกมา
ลู่เจียวสมองอื้ออึงไปหมด ตกใจจนไม่อาจตั้งสติได้ นางนิ่งมองภาพตรงหน้า
โจวเส้ากงรีบตะโกนเรียกนาง “ฮูหยิน รีบช่วยใต้เท้า ช่วยใต้เท้าด้วย”
ลู่เจียวได้สติ “ใช่ ช่วยเขา ข้าต้องมีทางช่วยเขาได้”
นางพุ่งเข้าไปบอกให้โจวเส้ากงวางเซี่ยอวิ๋นจิ่นลงบนพื้น นางยื่นมือออกไปที่มุมปากเซี่ยอวิ๋นจิ่น ในเวลานี้นางลืมสนใจเรื่องของตนเองไปหมดสิ้น
น้ำพุจิตวิญญาณจากนิ้วมือนางหยดลงปากเซี่ยอวิ๋นจิ่น น่าเสียดายเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้กลืนลงไป
น้ำพุจิตวิญญาณไหลร่วงจากมุมปากเขา
ลู่เจียวอดร้องไห้ขึ้นมาไม่ได้
“เซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าฟื้นสิ”
พวกเซี่ยเหวินเหยา เซี่ยเหวินเซ่ากับเซี่ยเหวินอวี้พากันคุกเข่าลง ทั้งลานมีแต่คนลงคุกเข่า “ท่านพ่อ”
ในวัง เซียวเหวินอวี๋ได้รับข่าวคนของจ้าวเหิงที่ส่งเข้าวังมารายงานว่าช่วยรัชทายาทออกมาได้แล้ว
เซียวเหวินอวี๋ตกใจอย่างที่สุด เขารีบนำคนออกจากวังด้วยตนเอง พอเห็นรัชทายาทไม่เป็นอันใด เซียวเหวินอวี๋เดินเข้าไปกอดเขาไว้ “เอาละ ไม่เป็นอันใดแล้ว ไม่เป็นอันใดแล้ว”
เซียวจิ่งหลุดส่งเสียงร้องไห้ไปสะอื้นไห้ไปแทบขาดใจว่า “เสด็จพ่อ ท่านปู่เขา เขา…”
เซียวเหวินอวี๋ตกใจปล่อยเซียวจิ่ง “เจ้าบอกว่าท่านปู่เป็นอันใดหรือ ท่านปู่เป็นอันใดหรือ”
“ท่านปู่น่าจะไม่ไหวแล้ว”
เซียวจิ่งไม่อาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไป ส่งเสียงร้องไห้ดังลั่น
เซียวเหวินอวี๋พลันสีหน้าไร้สีโลหิต เขาปล่อยรัชทายาททันที ผงะถอยหลังก้าวหนึ่งส่ายหน้าเต็มแรง “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้อย่างไร”
เขาเงยหน้ามองไปยังจ้าวเหิงทันที “ใต้เท้าเซี่ย ไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”
จ้าวเหิงขอบตาแดง ลงคุกเข่า “ฝ่าบาท ใต้เท้าเซี่ย น่าจะไม่ค่อยดี”
เซียวเหวินอวี๋ไม่อาจระงับใจตนเองได้อีกต่อไป เขาส่ายหน้าสูญเสียการควบคุมตนเอง “ไม่ ไม่ เป็นไปไม่ได้”
เขากล่าวจบก็ไม่สนใจรัชทายาทอีก รีบก้าวเท้าออกไป โจวโย่วจิ่นกับจ้าวเหิงรีบตามออกไป ทุกคนเพิ่งจะเดินถึงหน้าประตูตำหนัก ก็เห็นฮองเฮาวิ่งเข้ามา สีหน้านางยินดีส่งเสียงดีใจว่า “ฝ่าบาท จิ่งเอ๋อร์ไม่เป็นอันใดแล้ว เขาไม่เป็นอันใดแล้วใช่หรือไม่”
เซียวเหวินอวี๋มองสีหน้าดีใจของนาง รู้สึกเพียงแค่รังเกียจอย่างที่สุด เขามองนางเย็นเยียบ “ไสหัวไปให้พ้น”
ฮองเฮาถูกเขารังเกียจเช่นนี้ก็ตกใจ นางยังตั้งสติไม่ทัน เซียวเหวินอวี๋ก็พาโจวโย่วจิ่นกับพวกจ้าวเหิงไปแล้ว ฮองเฮาจึงได้สติคืนมา เหตุใดฝ่าบาทมองนางเช่นนั้น นางไปทำอันใดเขาหรือ รัชทายาทกลับมาไม่ใช่เรื่องน่าดีใจหรือ
ขณะฮองเฮากำลังคิดอยู่ รัชทายาทก็วิ่งออกมาเห็นฮองเฮา รัชทายาทอดร้องไห้ขึ้นอีกครั้งไม่ได้ “เสด็จแม่ ท่านปู่เขา เพื่อช่วยข้า เขา…”
ฮองเฮานิ่งอึ้งไปทันที ดังนั้นที่เซียวเหวินอวี๋รังเกียจนางเช่นนั้น เพราะนางเพิ่งจะแสดงท่าทางดีใจหรือ แต่นางไม่รู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเกิดเรื่องนี่ นางเพียงแต่ดีใจที่บุตรชายกลับมา เขารังเกียจนางเช่นนั้นทำไมกัน