ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 925 บุตรเขยตัวร้าย 2
ตอนที่ 925 บุตรเขยตัวร้าย 2
หลี่ฉางอานย่อมหวั่นไหว แต่เขามีภรรยาและบุตรชายอยู่ที่เมืองอู้โจว ไม่มีทางแต่งกับหลานสาวมหาเสนาบดีได้
สุดท้ายหลี่ฉางอานจึงเลือกที่จะเสี่ยง แอบกลับมาเมืองอู้โจววางเพลิงเผาภรรยาและบุตรชายตนเอง
ไม่เพียงแต่เผาภรรยาและบุตรชายตาย ยังเผาบ่าวรับใช้ยี่สิบกว่าคนในจวนไปด้วย นายผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลฉินได้ยินว่าบุตรสาวและหลานชายตาย ก็ทนสะเทือนใจจนทนไม่ไหว หายใจไม่ทันสิ้นใจตายทันที
หลี่ฉางอานได้รับมรดกตระกูลฉินราบรื่น เขาขายสมบัติตระกูลฉิน นำเงินก้อนโตเดินทางเข้าเมืองหลวงไปแต่งกับหลานสาวมหาเสนาบดี ด้วยเงินเบิกทางทำให้เขามีตำแหน่งมั่นคงในเมืองหลวง สุดท้ายได้ก้าวถึงตำแหน่งเสนาบดี
แต่หลี่ฉางอานไม่รู้ว่าบุตรชายเขายังไม่ตาย ตอนเขาวางเพลิงเผาตระกูลฉิน ฉินเหยาตื่นขึ้นมาในตอนสุดท้าย นางดิ้นรนส่งบุตรชายเข้าไปในช่องลับเรือนด้านข้าง เดิมช่องลับนั้นเป็นที่เก็บซ่อนของตระกูลพวกเขา ปรากฏกลับกลายเป็นที่ซ่อนตัวของฉินม่อบุตรชายนาง
ฉินม่อหลบอยู่ในช่องได้สามวันจึงได้ออกมา พออกมาพบว่าบ้านถูกเผา ไม่มีท่านแม่ ท่านตาและท่านยายแล้ว เขามองบ้านเก่าตระกูลฉินประดับประดาไปด้วยผ้าขาว มองดูบรรดาลุงและอาตระกูลฉินพวกนั้นแย่งสมบัติกัน ถึงกับยังได้ยินคนพวกนั้นบอกว่าตระกูลฉินตกต่ำถึงวันนี้เป็นเพราะหลี่ฉางอานให้ร้าย
ฉินม่อแตกตื่นตกใจ ไม่เชื่อความจริงเช่นนี้ เขาวิ่งกลับไปคิดหาท่านพ่อเขา ปรากฏระหว่างทางได้เห็นท่านพ่อเร่งขี่ม้าเดินทางกลับมา และไม่ได้มีท่าทางปวดใจ แม้ว่าดูแล้วเสียใจ แต่ฉินม่อรู้ว่าความจริงเขาไม่ได้เสียใจ
ในนาทีนี้ฉินม่อเชื่อคำพูดคนพวกนั้นแล้ว ท่านแม่เขา ท่านตาและท่านยายล้วนตายเพราะท่านพ่อเขาเขาต้องแก้แค้นให้ท่านแม่ ท่านตาและท่านยาย
ฉินม่อห้าขวบออกเดินทางร่อนเร่ใช้ชีวิตยากลำบาก ถูกด่าถูกทุบตี ถูกคนทำทารุณ สุดท้ายเขาคิดหาทางจัดการตนเองเพื่อเข้าวังเป็นขันทีน้อยรับใช้องค์ชายสาม ตอนองค์ชายสามถูกคนรังแก ถูกคนดูหมิ่น ก็อยู่เคียงข้างองค์ชายสาม สุดท้ายองค์ชายสามเป็นผู้กำชัยชนะในบรรดาองค์ชายทั้งหมด ได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้แคว้นอวิ๋นฉิน ฉินม่อจึงได้ขึ้นเป็นหัวหน้าสำนักขันที ผู้คนยกย่องเป็นพระเก้าพันปี
ยามนี้เขาเริ่มลงมือจัดการบิดาตนเอง ขุนนางในราชสำนักที่ทำให้เขาไม่พอใจล้วนถูกเขาจัดการล้างแค้นกำจัดทิ้ง เขากลายเป็นตัวร้ายกังฉินข้างพระวรกายฮ่องเต้ ผู้คนแทบอยากจะสังหารเขาทิ้ง แต่ฮ่องเต้กลับไว้ใจฉินม่อมาก จนกระทั่งฮองเฮามีเรื่องกับฉินม่อ พระเอกในเรื่องนี้ก็คือองค์ชายสามที่ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ นางเอกแต่งเป็นพระชายาองค์ชายสาม
พระชายาองค์ชายสามเป็นสตรีที่กลับมาเกิดใหม่ รู้ว่าสุดท้ายองค์ชายสามจะได้ขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้ ดังนั้นนางยืนยันจะแต่งกับองค์ชายสาม นางกับฉินม่อก็เหมือนมือซ้ายมือขวาขององค์ชายสาม สุดท้ายทั้งสองคนมีเรื่องกัน ฮ่องเต้ค่อนข้างเอียงไปทางนางเอก ลงมือจัดการฉินม่อ
แต่หลังจากจัดการฉินม่อตายไป ในยามค่ำคืนเงียบสงัด ฮ่องเต้กลับคิดถึงความดีต่างๆ ของฉินม่อ ยามที่เขาตกระกำลำบาก ฉินม่อคอยปกป้องเขา ยามที่เขาทนทุกข์ ก็มีฉินม่ออารักขาเขา
ยามเขาป่วย ฉินม่อก็คอยเฝ้าเขาข้างเตียง ดูแลปรนนิบัติเขา ตอนนั้นฮองเฮาอยู่ที่ใด
ฮ่องเต้นึกเสียใจภายหลังแล้ว ยามนี้บังเกิดความเคียดแค้นชิงชังต่อฮองเฮาขึ้นมา สองสามีภรรยาค่อยๆ เหินห่าง สุดท้ายฮ่องเต้ประหารฮองเฮา
ฮองเฮาเป็นนางเอก สุดท้ายพระเอกประหารนางเอก นิยายเล่มนี้ไม่ใช่ว่าพังทลายหรือ
ดังนั้นลู่เจียวถูกเลือกให้มาแก้ไขเรื่องราวในนิยาย
ในห้วงอากาศ ลู่เจียวทำความเข้าใจเรื่องราวแล้วก็ก้มหน้าลงมองประเมินเด็กน้อยที่นอนอยู่บนพื้น เจ้าเด็กนี่แม้ว่าสลบอยู่ แต่วงหน้ากลับยังคงกระจ่าง หน้าตาเฉลียวฉลาดน่ารัก แม้ว่าสลบอยู่ แต่คิ้วก็ยังขมวดแน่น คล้ายทนกับความทุกข์ระทมอันใด ลู่เจียวอดยื่นมือไปลูบคิ้วเขาให้คลายออกไม่ได้ กอดเขาพลางปลอบใจเบาๆ ว่า
“ม่อเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่แล้ว”
เพลิงไหม้ตระกูลฉินหนึ่งคืนเต็มๆ จึงได้สงบลง คนมาช่วยดับไฟก็คือจือฝู่เมืองอู้โจว
คนตระกูลฉินเกือบสามสิบคนถูกเผาตายหมด สภาพพื้นที่น่าอนาถแทบทนดูไม่ไหว
เพลิงลุกไหม้รุนแรงเช่นนี้ แต่บ่าวรับใช้ในจวนมากมายกลับไม่มีผู้ใดรู้ตัว ฟางจือฝู่รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสงสัย เจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพนำศพกลับไปพิสูจน์ที่ที่ทำการ
จวนตระกูลฉินอีกฟาก นายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าฉินเพิ่งจะได้ข่าวว่าบุตรสาวและหลายชายตนเองถูกเผาตายไป สีหน้าสองผู้เฒ่าแทบไม่อยากจะเชื่อ “เจ้า เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด”
นายผู้เฒ่าฉินสะเทือนใจอย่างมาก สั่นเทาไปทั้งตัว ก่อนจะล้มลง ฉินหมินแต่งงานกับภรรยามาหลายปีกว่าจะมีบุตรสาวสักคน บุตรสาวยังให้กำเนิดหลานชาย พวกเขาจะตายได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ๆ
ฉินหมินปฏิเสธความจริงเรื่องนี้
ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ดึงดันไม่ยอมเชื่อเรื่องนี้ “เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด”
นางกล่าวจบหันไปมองฉินหมิน “ท่านพี่ พวกเราไปดูเมืองทางฝั่งใต้กัน เหยาเอ๋อร์กับม่อเอ๋อร์จะไม่เป็นอันใด”
ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งกล่าวจบ นอกประตู บ่าวรับใช้ก็รีบเข้ามารายงาน เอ่ยขึ้นอีกว่า “นายท่าน ฮูหยิน ไม่ได้การแล้ว คุณหนูกับคุณชายน้อยตายแล้ว”
ฉินหมินไหนเลยจะทนรับความสะเทือนใจนี้ได้ ส่งเสียงสะอึกทีหนึ่งก่อนจะกระอักโลหิตผงะหงายหลังล้มลง
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินบุตรสาวกับหลานชายเกิดเรื่องก็หน้ามืด กอปรกับนายผู้เฒ่าก็เกิดเรื่อง ทำให้นางพลันหน้ามืดหมดสติล้มลงทันที
บ่าวรับใช้ตระกูลฉินพลันส่งเสียงร้องตกใจ “นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านอย่าทำให้ข้าตกใจ อย่าทำให้พวกเราตกใจ”
ในห้องโถง เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ระงมขึ้นทันที นอกประตูมีคนเดินเข้ามาอย่างเร่งร้อนใจ คนที่เข้ามาอยู่ในชุดสีคราม เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี คนผู้นี้ก็คือลู่เจียว ลู่เจียวรู้ว่าตามเรื่องราว พอนายผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าได้รับข่าวบุตรสาวกับหลานชายตายไป ก็จะทนรับความสะเทือนใจไม่ไหวสิ้นลมจากไป ดังนั้นนางจึงรีบมา ทันเห็นนายผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าล้มลงพร้อมกันพอดี
ลู่เจียวรีบเดินเข้ามาถึงก็ตะโกนสั่งบ่าวรับใช้ที่กำลังร้องไห้ระงมกันในห้องโถงกลาง “คร่ำครวญอันใด หุบปาก”
ทุกคนถูกนางทำเอาตกใจ แต่ละคนพากันหยุดร้อง
ลู่เจียวเข้าไปตรวจนายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าฉิน นายผู้เฒ่าฉินมีความดันสูง เพราะอารมณ์ที่ไม่อาจระงับ ทำให้เส้นเลือดอุดตัน โชคดีนางมาทันเวลา ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ทันการแล้ว
ลู่เจียวรีบฝังเข็มให้นายผู้เฒ่าฉิน พร้อมกับป้อนยานายผู้เฒ่าฉิน หลายปีมานี้ นางได้วิจัยยาไว้รับมือกับโรคหลอดเลือดของผู้สูงวัยได้หลายอย่าง ขอเพียงทันเวลาหรือไม่รุนแรง กินยานี้ก็จะได้ผลดีมาก
ลู่เจียวรักษาให้นายผู้เฒ่าฉินแล้วก็ไปรักษาให้ฮูหยินผู้เฒ่า เทียบกับนายผู้เฒ่าฉิน ฮูหยินผู้เฒ่าเพียงแค่ร้อนใจจนกระทบจิตใจ จึงได้ทำให้หมดสติไป รักษาง่ายกว่า
ลู่เจียวฝังไปสองสามเข็ม ฮูหยินผู้เฒ่าก็ฟื้น นางลืมตาขึ้นมาเห็นลู่เจียวก็ตกใจ “เจ้า เจ้า…”
ยามนี้ลู่เจียวแปลงโฉมมา คนนอกเห็นนางก็คิดว่านางเป็นชายหนุ่มรูปงาม แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นมารดาฉินเหยา แค่มองก็มองออกว่าคนผู้นี้เหมือนบุตรสาวตนเอง
ลู่เจียวรีบมองฮูหยินผู้เฒ่า กล่าวว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า ข้ามีวาจาจะกล่าวกับท่าน ท่านให้พวกเขาออกไปก่อน”
ฮูหยินผู้เฒ่าฉินมองตานาง ก็ฟังคำนางทันทีด้วยสัญชาตญาณ หันหน้าไปสั่งการว่า “พ่อบ้านหวัง ให้คนออกไป”
พ่อบ้านหวังมองฮูหยินผู้เฒ่าแล้วก็มองลู่เจียว สุดท้ายก็นำคนออกไป
ในห้องโถง นายผู้เฒ่าฉินก็ฟื้นขึ้นมาพอดี พอเขาขยับ ฮูหยินผู้เฒ่ากับลู่เจียวก็รู้ตัว ทั้งสองคนมองไป
ฮูหยินผู้เฒ่ารีบเข้าไปประคองนายผู้เฒ่าฉินขึ้นมา “ท่านพี่ ท่านพี่ไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”
นายผู้เฒ่ากำลังจะเอ่ย แต่พอเห็นฉินเหยาในห้องโถง เพราะเพิ่งจะฟื้น จึงไม่ทันสังเกตท่าทางลู่เจียว เขาเอ่ยอย่างปวดร้าวใจว่า “ข้าไม่เป็นอันใด”
ลู่เจียวไม่คิดเสียเวลาอีก เดินไปมองนายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าฉิน ค่อยๆ หยิบยาน้ำขึ้นทาไปบนใบหน้าล้างแป้งที่พอกไว้ออก เผยใบหน้าฉินเหยาออกมา
นายผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าตกใจมองนาง จากนั้นก็หลุดร้องเรียกเสียงดังขึ้น “เหยาเอ๋อร์”