ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 926 พระเก้าพันปี
ตอนที่ 926 พระเก้าพันปี
ลู่เจียวรีบทำท่าจุปากบอกให้สองผู้เฒ่าอย่าได้เอ่ยอันใด
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านอย่าได้เอ่ยอันใด ฟังข้าพูดก่อน ข้ากับม่อเอ๋อร์ยังไม่ตาย แต่ตอนนี้พวกเราสองคนไม่สะดวกเปิดเผยตัวตน เพราะกลัวท่านพ่อกับท่านแม่เกิดเรื่อง ข้าจึงได้แปลงโฉมกลับมาบ้านครั้งนี้”
นายผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็มองนางด้วยสีหน้าตื่นตกใจ “เหยาเอ๋อร์ วาจาเจ้านี้หมายความเยี่ยงไร”
ลู่เจียวมองนอกห้องทีหนึ่ง รีบกล่าวว่า “มีคนคิดเอาชีวิตข้ากับม่อเอ๋อร์ หากพวกเราปรากฏตัว คนพวกนั้นก็จะไม่ยอมรามือ ยังคิดหาทางสังหารพวกเรา”
นายผู้เฒ่ามองลู่เจียวด้วยสีหน้าตกใจ กล่าวว่า “ผู้ใดต้องการชีวิตพวกเจ้า”
ลู่เจียวสีหน้าเคร่งเครียด เอ่ยขึ้นว่า “หลี่ฉางอาน เขาสอบได้ทั่นฮวา หลานสาวมหาเสนาบดีต้องตาต้องใจเขา เขาสังหารภรรยาและบุตรแล้วก็จะได้แต่งสตรีตระกูลสูงศักดิ์เป็นภรรยาได้ เหตุเพลิงไหม้ตระกูลฉินเมื่อคืนก็เพราะเขาสั่งการให้คนวางเพลิง”
ยามนี้นายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่ากำลังความคิดสับสน ไม่ทันได้คิดว่าบุตรสาวตนรู้รายละเอียดพวกนี้ได้อย่างไร สองผู้เฒ่าได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็มีสีหน้าโกรธแค้น กัดฟันด่าทอว่า “เจ้าเดรัจฉาน พวกเราไม่ปล่อยเขาไปแน่”
ลู่เจียวรีบห้ามสองผู้เฒ่า “พวกเราตอนนี้สู้เขาไม่ได้ เขาเป็นทั่นฮวาคนใหม่ ที่สำคัญที่สุดก็คือเบื้องหลังเขามีจวนมหาเสนาบดีให้ความช่วยเหลือ”
แม้ว่าในนิยายไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้ แต่ลู่เจียวคาดเดาได้ว่าเรื่องหลี่ฉางอานมีภรรยาและบุตรชายแล้วนั้น ไม่แน่ว่าหลานสาวมหาเสนาบดีอาจรู้ หลี่ฉางอานให้คนกลับมาวางเพลิงที่เมืองอู้โจว อาจเป็นฝีมือของหลานสาวมหาเสนาบดีด้วย ตระกูลฉินพวกเขาเป็นเพียงแค่พ่อค้า ต่อกรกับมหาเสนาบดีไม่ได้
สรุป ตอนนี้นางไม่อาจเปิดเผยตัวตน
นายผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็อึ้งไปทันที พวกเขารู้สภาพตนเองว่าตอนนี้สู้หลี่ฉางอานไม่ได้
“เช่นนั้นทำอย่างไรดี”
ลู่เจียวมองนายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าฉินเอ่ยขึ้นว่า “ข้ากลับมาครั้งนี้ก็เพื่อจัดการเรื่องที่เหลือให้เรียบร้อย ท่านพ่อกับท่านแม่อย่าได้ให้ผู้ใดรู้ว่าข้ากับม่อเอ๋อร์ยังไม่ตาย อีกอย่างพวกท่านขายสมบัติตระกูลฉินทิ้งให้หมด ของพวกนี้ไม่ขายก็ต้องถูกหลี่ฉางอานหมายปองนำเงินนี้ไปเบิกทาง เขาทำได้ ข้าก็ทำได้ ตอนนี้พวกเราไม่รีบร้อนแก้แค้น หาทางหนีก่อนค่อยว่ากัน”
ยามนี้นายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าฉินสงบจิตใจลงได้แล้ว
ฉินหมินในฐานะคหบดีเมืองอู้โจว เป็นคนฉลาดมาแต่วัยหนุ่ม หลายปีมานี้เพราะอายุมากจึงได้มอบกิจการในจวนให้กับฉินเหยาจัดการดูแลทรัพย์สินตระกูลฉิน
ยามนี้เขาพอเขาตั้งสติได้ก็คิดการได้เรียบร้อย บุตรสาวกับม่อเอ๋อร์ยังไม่ตายเป็นเรื่องดียิ่ง เงินทองไม่อาจสู้กับอำนาจ ดังนั้นเขาจึงฟังคำบุตรสาว ขายสมบัติทิ้งก่อนดีกว่า ให้ม่อเอ๋อร์ได้เอาไปเรียนหนังสือเข้าสอบขุนนาง
เพียงแต่สถานะม่อเอ๋อร์อาจทำให้หลี่ฉางอานรู้ได้ง่าย ฉินหมินคิดแล้วก็รีบกล่าวว่า
“เหยาเอ๋อร์ พ่อมีความคิดหนึ่ง เจ้าฟังดูว่าได้หรือไม่”
ลู่เจียวมองนายผู้เฒ่าทีหนึ่ง พบว่ายามเขาตั้งสติได้ แลดูฉลาดมีไหวพริบมาก ในฐานะคหบดีเมืองอู้โจวเขาย่อมไม่ได้ฐานะนี้มาอย่างไรเหตุผล
“ท่านพ่อเชิญกล่าว”
“พ่อเคยช่วยฟางจือฝู่เอาไว้ เขาติดค้างบุญคุณตระกูลฉินเรา แม้ว่าหลายปีมานี้พวกเราไม่ได้ไปมาหาสู่ แต่บุญคุณนั้นยังคงอยู่มาตลอด พ่อจะเขียนจดหมายให้เจ้านำไปให้เขา เจ้าคารวะฟางจือฝู่เป็นบิดาบุญธรรม พวกเจ้าแม่ลูกวันหน้าก็อยู่ตระกูลฟาง เปลี่ยนแซ่ให้ม่อเอ๋อร์ รอวันหน้าม่อเอ๋อร์สอบได้ ก็ค่อยเปลี่ยนเป็นแซ่ฉิน เจ้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
ลู่เจียวครุ่นคิดรวดเร็ว ก็เป็นหนทางที่ดีไม่เลว
นางไปอยู่ตระกูลฟาง จากนั้นก็คิดหาทางช่วยฟางจือฝู่ให้ก้าวขึ้นไป แล้วค่อยหาทางลงมือจัดการหลี่ฉางอาน ฉินม่อเป็นตัวร้ายในนิยายก็ไม่ต้องตกระกำลำบากมากมายเช่นนั้น กอปรกับนางผู้เป็นมารดาทุ่มเทอบรมสั่งสอน เขาน่าจะไม่กลายเป็นตัวร้าย เช่นนั้นนางก็ทำภารกิจสำเร็จแล้ว
ลู่เจียวคิดได้ แล้วก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที “ตกลง ทำตามท่านพ่อว่า”
ฉินหมินรีบตะกายลุกขึ้นไปเขียนจดหมาย ลู่เจียวแปลงโฉมกลับอีกครั้งเป็นดังคนก่อนหน้านี้ ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นนางก็อดหลั่งน้ำตาไม่ได้ แต่ก็คิดถึงฉินม่อขึ้นมาทันที อดถามไม่ได้ว่า “เหยาเอ๋อร์ ม่อเอ๋อร์เล่า”
ลู่เจียวรีบตอบว่า “ข้าเอาเขาไปซ่อนไว้แล้ว ท่านแม่ ท่านวางใจได้”
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่พูดอันใดอีก นายผู้เฒ่าฉินเขียนจดหมายมามอบให้ลู่เจียวรวดเร็ว “เหยาเอ๋อร์ นำจดหมายไป”
ลู่เจียวแปลงโฉมเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นรับจดหมาย หันกลับมามองนายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าฉินทีหนึ่ง “ท่านพ่อ ท่านแม่ รักษาสุขภาพด้วย รอข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็จะกลับมารับพวกท่าน”
“อืม ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่เป็นอันใด เจ้าระวังหน่อย”
สองผู้เฒ่ากล่าวจบก็ร่ำไห้เสียงดัง ตระกูลฉินพวกเขาแท้จริงโชคร้ายเพียงใดกัน จึงได้นำพาหมาป่าโหดเหี้ยมเข้ามาสู่ตระกูลได้
ลู่เจียวนำจดหมายเดินออกไป พอคิดถึงว่าตระกูลฉินอาจมีคนของหลี่ฉางอาน นางก็หันกลับไปมองไปยังนายผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านพ่อท่านแม่ ตระกูลเราอาจมีคนของหลี่ฉางอาน พวกท่านระวังตัวด้วย”
“ได้ พวกเรารู้แล้ว”
สองผู้เฒ่าน้ำตาไหลรินเงียบๆ มองส่งลู่เจียวออกไป จากนั้นฮูหยินผู้เฒ่าก็แผดเสียงร้องไห้ดังจนแทบขาดใจ “บุตรสาวที่น่าสงสารของข้า หลานชายที่น่าสงสารของข้า ไยต้องพบเจอคนชั่วเช่นนั้น พวกเขาน่าสงสารจริงๆ”
นายผู้เฒ่ามองบุตรสาวจากไป พอคิดถึงว่าบุตรสาวรักหลี่ฉางอานเพียงนั้น ในใจเขาก็รู้สึกเคียดแค้นชิงชัง แต่เขารู้ว่าตอนนี้พวกเขาแสดงท่าทีอันใดออกมาไม่ได้
“เจ้าจดจำไว้ว่าเรื่องเหยาเอ๋อร์กับม่อเอ๋อร์ยังไม่ตาย อย่าได้ให้หลี่ฉางอานรู้เด็ดขาด พวกเราจะต้องแสร้งทำเป็นว่าเหยาเอ๋อร์กับม่อเอ๋อร์ตายแล้ว”
“ข้ารู้แล้ว”
สองผู้เฒ่ากล่าวจบก็กุมขมับแผดเสียงร้องไห้ดังลั่น
พวกเขาเห็นใจบุตรสาวกับหลานชายที่ต้องประสบเหตุเช่นนี้ บ่าวรับใช้ตระกูลฉินด้านนอกกลับคิดว่าสองผู้เฒ่าร่ำไห้เจียนตายเพราะบุตรสาวและหลานชายตายจากไป
ลู่เจียวออกจากตระกูลฉินมาได้ไม่ไกลก็แปลงโฉมกลับ จากนั้นก็เดินไปยังพื้นที่ลับตาผู้คน อุ้มฉินม่อ ออกมาจากห้วงอากาศ
ฉินม่อห้าขวบหน้าตารูปงามกระจ่าง น่ารักเฉลียวฉลาด แม้ว่าอายุยังน้อย แต่ก็เปล่งรัศมีความรูปงามและเฉลียวฉลาดเหนือสามัญ ลู่เจียวคิดถึงเรื่องราวในนิยายเดิมขึ้นมา
แม้ว่าใต้เท้าพระเก้าพันปีรอบกายเต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิต แต่ก็มีความสง่างาม ยามอยู่ในชุดขาวปักลายเมฆาก็ราวกับเทพเซียนไร้ฝุ่นโลกิยะ แววตาเขาอ่อนโยนและรอยยิ้มสดใส ราวกับเทพสวรรค์เหนือมนุษย์สามัญ
ลู่เจียวก้มหน้ามองเด็กน้อยในอ้อมกอด เป็นเด็กน้อยหน้าตารูปงามกระจ่างจริง ในนิยายเขาทนกับความลำบากมากมาย ครั้งนี้นางจะปกป้องเขา อบรมเขา ให้เขาเติบโตเป็นคนดีมีคุณธรรมและมองโลกแง่ดี
ขณะลู่เจียวกำลังคิดอยู่ เด็กน้อยในอ้อมกอดก็ขยับตัว จากนั้นก็ลืมตา แววตาดำขลับกระจ่างใสอย่างไม่อาจบรรยาย พอเห็นลู่เจียว เขาก็ส่งเสียงร้องดีใจขึ้นทันที “ท่านแม่”
ท่านแม่กอดเขาไว้ สบายจริงๆ
ท่านแม่ไม่ได้กอดเขานานแล้ว
เด็กน้อยยื่นมือออกไปกอดลู่เจียวไว้แน่น ส่งเสียงร้องเรียกอย่างดีใจ “ท่านแม่”