ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 927 สอนบุตร
ตอนที่ 927 สอนบุตร
ลู่เจียวเห็นท่าทางเรียกร้องหาความรักจากมารดาของเขาแล้วก็อดลูบศีรษะเขาไม่ได้
นางรู้ว่าเหตุใดเขาจึงตกใจเช่นนี้ เรื่องของหลี่ฉางอานทำให้เจ้าของร่างเดิมลืมเหลียวแลบุตรชายตนเอง หลายเดือนมานี้เพราะหลี่ฉางอานเข้าไปสอบที่เมืองหลวง เจ้าของร่างเดิมเป็นห่วงหลี่ฉางอานสอบไม่ได้ และก็เป็นห่วงหลี่ฉางอานสอบได้แล้วจะรังเกียจพวกนาง จึงทำให้นางละเลยบุตรชายไป
ลู่เจียวสงสารฉินม่อมาก ไร้วาจาจะกล่าวกับเจ้าของร่างเดิมจริงๆ บุตรชายไม่ดีหรือ ต้องการชายชั่วไปทำไมกัน ทุ่มเทใจรักบุตรชายไม่ดีหรือไร แต่เจ้าของร่างเดิมสุดท้ายน่าจะได้สติแล้ว ดังนั้นจึงได้ดิ้นรนพยายามส่งบุตรชายเข้าไปในช่องลับ
ลู่เจียวครุ่นคิดถอนหายใจ กอดฉินม่ออยู่ครู่หนึ่งค่อยปล่อยลง
“ม่อเอ๋อร์ แม่มีเรื่องหนึ่งจะบอกเจ้า”
ฉินม่อมองมารดาตนเองที่มองตนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทำเอาเขาตื่นเต้น แต่ก็นิ่งรับฟังลู่เจียว
ลู่เจียวมองออกว่าแม้เด็กน้อยจะแค่ห้าขวบ แต่เป็นเด็กฉลาดมาก
“ท่านแม่ ท่านว่ามาเถิด”
“พวกเราไม่มีบ้านแล้ว บ้านเราถูกเผาแล้ว”
สีหน้าฉินม่อสงสัยไม่เข้าใจ ลู่เจียวไม่ได้เอ่ยอันใดกับเขาอีก แต่พาเขาไปยังที่ลับตาผู้คน สองคนแม่ลูกเริ่มแปลงโฉม ทั้งสองคนหน้าตาไม่เหมือนเดิมอย่างเห็นได้ชัดในทันที
ฉินม่อน้อยมองมารดาตนเองอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอันใด
ลู่เจียวกอดเขาไว้ ทั้งสองคนขึ้นรถม้าที่ลู่เจียวเช่าไว้ก่อนหน้านี้สั่งให้คนขับรถม้าแล่นไปทางใต้ของเมือง
รถม้าแล่นผ่านบ้านตระกูลฉินที่ถูกไฟเผาไปเมื่อคืน
ยามนี้ทั้งจวนล้วนมีแต่เศษซากน่าอนาถ หน้าประตูมีผ้าขาวห่อศพวางเรียงราย มีคนกำลังสั่งการเคลื่อนย้ายศพไปยังโรงตั้งศพ
ลู่เจียวพาฉินม่อไปยืนห่างจากหน้าประตูตระกูลฉิน คนไม่น้อยล้อมมุงดู ดังนั้นจึงไม่มีคนสนใจพวกเขา สองคน
ลู่เจียวย่อลงกอดฉินม่อ กล่าวว่า “ม่อเอ๋อร์ เมื่อคืนมีคนวางเพลิงเผาบ้านเราหมดแล้ว บ่าวรับใช้ในบ้านตายหมดแล้ว”
ที่ลู่เจียวบอกเรื่องพวกนี้กับฉินม่อก็เพราะไม่อยากให้เขาได้ยินเรื่องเหลวไหลจากปากผู้อื่น แม้ว่าห้าขวบ แต่ก็รู้ความมากแล้ว นางบอกกับเขา เขาก็เข้าใจ ไม่ให้เขามีความแค้นในใจเพราะบิดาชั่วร้ายเช่นนั้น บิดาโฉดชั่วทำลายชีวิตบุตรชายดีๆ ไม่คุ้มค่า
ยามนี้ฉินม่อน้อยกำลังตกใจ น้ำตาคลอเบ้าทันที เพราะจวนนี้เป็นสถานที่ที่เขาเกิดและเติบโตมา ลุงพ่อบ้าน ท่านป้าและท่านน้าที่ดูแลเขา พี่เว่ยเหลียงที่เล่นกับเขาล้วนถูกเผาตายหมด
ฉินม่อน้อยคิดถึงเรื่องพวกนี้แล้วก็อดส่งเสียงร้องดังไม่ได้ หันกลับไปกอดคอลู่เจียวไว้
“ท่านแม่”
ลู่เจียวลูบหลังฉินม่อน้อย กล่าวน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ม่อเอ๋อร์ มีคนจงใจวางเพลิงบ้านเรา คนผู้นั้นคิดสังหารแม่กับเจ้า พวกเขาล้วนตายหมดแล้ว”
ฉินม่อน้อยตกใจสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ มองมารดาตนไปร้องไห้เอ่ยถามไปว่า “ผู้ใดคิดสังหารพวกเรา”
ลู่เจียวไม่ปิดบังแม้แต่น้อย “ท่านพ่อเจ้า”
ฉินม่อน้อยคิดว่าตนเองฟังผิด “ท่านแม่ ท่านบอกว่าผู้ใดนะ”
“ท่านพ่อเจ้าคิดสังหารพวกเรา” ลู่เจียวยืนยันก่อนจะค่อยๆ กล่าวว่า “เพราะข้ากับเจ้าขวางทางเขา ดังนั้นเขาคิดกำจัดพวกเรา แต่แม่พบเข้า จึงได้พาเจ้าหนี น่าเสียดายแม่ไม่อาจช่วยเหลือคนอื่นๆ ได้”
ฉินม่อน้อยได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ลืมร้องไห้ ไม่เข้าใจว่าบิดาจะสังหารพวกเขาทำไมกัน
“เหตุใด เหตุใดเป็นเช่นนี้ ท่านแม่ดีกับท่านพ่อเช่นนั้น เหตุใดท่านพ่อคิดสังหารข้ากับท่านแม่”
“เพราะเขาเป็นคนเลว คนเลวที่คิดก้าวขึ้นไปสู่ตำแหน่งขุนนางใหญ่ ไม่นึกเสียดายที่ต้องเสียสละผู้อื่น”
ฉินม่อน้อยได้ฟังคำพูดลู่เจียว ในใจก็ค่อย ๆ เกิดความเคียดแค้นชิงชัง เขาไม่ได้มีความผูกพันฉันบิดาและบุตรชายกับหลี่ฉางอานสักเท่าไร เพราะหลี่ฉางอานไม่รักบุตรชายคนนี้ของเขา เพราะเขาแซ่ฉิน หลี่ฉางอานรู้สึกว่าบุตรชายคนนี้คือความอัปยศของเขา โดยเฉพาะมีครั้งหนึ่งหลี่ฉางอานถามฉินม่อ
“ม่อเอ๋อร์ จะเปลี่ยนมาใช้แซ่ท่านพ่อไหม”
ฉินม่อน้อยรีบปฏิเสธทันที ยืนยันว่า “ข้าไม่เปลี่ยนแซ่ ข้าแซ่ฉิน ข้าเป็นคนตระกูลฉิน”
ตั้งแต่เขากล่าวเช่นนั้น หลี่ฉางอานก็ไม่สนใจเขาอีก ปกติเห็นเขาก็ทำเป็นไม่เห็น
สำหรับฉินม่อน้อยแล้ว หลี่ฉางอานยังสู้ลุงพ่อบ้านกับพี่เว่ยเหลียงที่เล่นกับเขามาไม่ได้
ลู่เจียวมองความเคียดแค้นชิงชังในใจฉินม่อน้อยออก จึงได้ลูบศีรษะเขา กล่าวว่า “แม่บอกเจ้าเรื่องนี้ ก็เพราะไม่อยากให้เจ้าไม่รู้ความจริง ความต้องการของแม่ก็คือพวกเราอย่าได้เป็นแบบเขา พวกเราต้องเป็นคนดีมีคุณธรรมทำการเปิดเผย รอให้วันหน้าม่อเอ๋อร์มีความสามารถ อย่าได้ลืมแก้แค้นให้คนตระกูลฉินเหล่านี้ แม้บิดาเจ้าก็ห้ามปล่อยเขาไปง่ายๆ แต่พวกเราตอนนี้ยังแค้นใจเขาไม่ได้ เพราะเขาไม่คู่ควรให้พวกเราแค้นใจ พวกเราต้องพยายามพัฒนาตนเองให้เข้มแข็ง จนกระทั่งต่อกรกับเขาได้”
น้ำเสียงลู่เจียวอ่อนโยนคล้ายมนตร์สะกด ฉินม่อน้อยฟังคำนางแล้วก็ค่อยๆ สงบจิตใจลง น้ำเสียงอ่อนลงรับคำว่า “ท่านแม่ ข้าทราบแล้ว”
เขากล่าวจบพลันคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ยื่นมือขึ้นโอบรอบคอลู่เจียว “ท่านแม่ ท่านอย่าไปจากข้า”
“ไม่ไป แม่จะอยู่กับม่อเอ๋อร์จนม่อเอ๋อร์เติบใหญ่”
ฉินม่อน้อยได้ฟังคำพูดลู่เจียว รีบเลิกคิ้วยิ้มเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ดีเลย ข้าขอเพียงท่านแม่ก็พอ ข้าไม่ต้องการท่านพ่อ”
สองคนแม่ลูกกอดกันครู่หนึ่ง ลู่เจียวก็พาบุตรชายขึ้นรถม้า สองคนแม่ลูกเดินทางจากทางใต้ของเมืองไปยังจวนฟางจือฝู่
เพราะเรื่องตระกูลฉินถูกวางเพลิง ตอนนี้ฟางจือฝู่ก็ยังไม่กลับมา ฮูหยินฟางได้ยินว่าลู่เจียวต้องการพบฟางจือฝู่ ก็ให้พวกนางไปพบที่ที่ทำการ
ลู่เจียวเอ่ยลาฮูหยินฟาง พาฉินม่อน้อยเดินทางไปที่ทำการ
ทุกคนในที่ทำการกำลังทำงานกันชุลมุน
ฟางจือฝู่อายุราวสี่สิบแปดได้ รูปร่างสูงใหญ่ คนผู้นี้เป็นคนตรงไปตรงมา และเพราะเขาตรงเกินไป จึงได้ล่วงเกินคนง่าย ดังนั้นอายุสี่สิบแปดแล้วก็ยังเป็นเพียงแค่จือฝู่ระดับห้า แต่เขาไม่สนใจ ดำรงตำแหน่งจือฝู่ เมืองอู้โจวของตนเองต่อไป ทุ่มเทดูแลราษฎรเมืองอู้โจว
ลู่เจียวคิดถึงหลี่ฉางอานในนิยายที่อาศัยเงินตระกูลฉินและวาจาเฉียบคม ตะกายขึ้นสู่ตำแหน่งเสนาบดีได้ ก็รู้สึกเสียดายฟางจือฝู่ผู้นี้ ทำงานจริงจังกลับได้แต่นั่งประจำตำแหน่งเล็กๆ นี้ คนชั่วโหดเหี้ยมเช่นนั้นสุดท้ายกลับตะกายขึ้นสู่ตำแหน่งสูงส่งได้
ลู่เจียวตัดสินใจช่วยฟางจือฝู่ให้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น
ลู่เจียวกำลังคิดอยู่ ฟางจือฝู่ก็ถามอย่างแปลกใจ “เจ้ามาหาข้า มีเรื่องอันใดหรือ”
ลู่เจียวประสานมือคารวะฟางจือฝู่ จากนั้นก็ก้าวเข้าไปกระซิบว่า “ฟางจือฝู่ ข้ามีข่าวเงื่อนงำคดีวางเพลิงบ้านตระกูลฉินมารายงาน ใต้เท้าจือฝู่มาคุยทางนี้สักหน่อยได้หรือไม่”
ที่นี่คนพลุกพล่าน อาจมีคนรู้เข้าได้ง่าย ฟางจือฝู่ได้ยินว่าเกี่ยวกับคดีตระกูลฉินทางทิศใต้ของเมือง ก็รีบแสดงท่าทางบอกให้ลู่เจียวตามเขาเข้าไปในห้องโถง
เขาติดค้างบุญคุณตระกูลฉิน คิดทดแทนคุณมาตลอด ตอนเขาเพิ่งจะมาถึงเมืองอู้โจว ยังคิดช่วยตระกูลฉิน แต่ฉินหมินปฏิเสธว่าตอนนั้นที่ช่วยเขาก็เพราะน้ำใจ ไม่ควรให้เขาต้องตอบแทนอันใด
แต่ฟางจือฝู่บอกกับฉินหมินไว้แล้วว่าเขาจดจำบุญคุณนี้ไว้แล้ว หากวันหน้าตระกูลฉินต้องการความช่วยเหลือก็ให้มาหาเขา
คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ตระกูลฉินจะเกิดเหตุเพลิงไหม้น่าอนาถ ฟางจือฝู่ตัดสินใจจะสืบหาความจริงให้พวกเขา
ยามนี้ได้ยินลู่เจียวบอกว่ามีข่าวเงื่อนงำของคดีวางเพลิงตระกูลฉิน เขารีบนำลู่เจียวเข้าไปในห้องโถง
พอเข้ามาในห้องโถง ลู่เจียวก็นำจดหมายฉินหมินออกมามอบให้ฟางจือฝู่
ฉินหมินบอกฟางจือฝู่ในจดหมายถึงเรื่องราวเบื้องหลังที่ตระกูลฉินถูกวางเพลิง ให้เขารับดูแลบุตรสาวกับหลายชายไว้
ฟางจือฝู่อ่านจดหมายแล้วก็มีสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ โลกนี้ถึงกับมีคนโหดเหี้ยมเช่นนี้ เขายังเป็นคนอยู่อีกหรือ