ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 928 ไร้ยางอาย
ตอนที่ 928 ไร้ยางอาย
ฟางจือฝู่เงยหน้ามองลู่เจียวทันที “เจ้าคือฉินเหยา?”
ลู่เจียวพยักหน้า
ฟางจือฝู่ไม่ใช่นายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่า ในฐานะจือฝู่ จุดสังเกตของเขากับนายผู้เฒ่าฉินต่างกัน เขานึกแปลกใจว่าตระกูลฉินรู้ได้อย่างไรว่าเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เป็นฝีมือหลี่ฉางอาน
“ท่านพ่อเจ้าเขียนในจดหมายว่า เหตุเพลิงไหม้ตระกูลฉินเป็นฝีมือหลี่ฉางอานหรือ พวกเจ้ารู้ได้อย่างไร อีกอย่าง เพลิงไหม้รุนแรงเช่นนั้น เจ้าหนีออกมาได้อย่างไร”
ลู่เจียวคิดทางออกไว้แล้ว พอได้ยินฟางจือฝู่ถาม นางก็กล่าวน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “กล่าวกับท่านลุงฟางตามตรง ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ ข้าฝันเห็นหลี่ฉางอานสั่งการให้คนมาวางเพลิง ตอนนั้นก็ตกใจตื่นขึ้นมา แต่เดิมข้าไม่เชื่อเรื่องเช่นนี้ แต่ต่อมามีคนวางเพลิงจริงๆ ข้าตกใจรีบอุ้มบุตรชายหนีออกมา ความจริงตอนนั้นข้าก็คิดช่วยบ่าวตระกูลฉิน แต่คนพวกนั้นถูกวางยาไม่รู้ตัวกันแล้ว ดังนั้นข้าได้แต่หนีเอาตัวรอด เพราะคืนนั้นข้าไม่ค่อยสบาย จึงไม่ได้กินอันใดมาก ข้าจึงโดยยาไม่มากนัก แต่ก็ทำให้ร่างกายข้าอ่อนแรง ไม่มีเรี่ยวแรงทำอันใด”
ลู่เจียวกล่าวจบก็พลันชะงัก เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าเสียใจอย่างที่สุดว่า “ข้าอุ้มบุตรชายดิ้นรนหนีออกมาได้ ก็ได้ยินสองโจรที่วางเพลิงกระซิบกันว่าหลี่ฉางอานสอบได้ทั่นฮวา เป็นที่ต้องตาของหลานสาวมหาเสนาบดี ดังนั้นไม่อาจปล่อยพวกเราแม่ลูกไว้ได้”
ฟางจือฝู่เห็นนางเสียใจเช่นนี้ ก็ไม่กล้าถามมากจนทำนางสะเทือนใจอีก คนเมืองอู้โจวไม่น้อยล้วนรู้ว่าคุณหนูตระกูลฉินรักสามีตนเองมาก ความจริงคนไม่น้อยมองออกว่าหลี่ฉางอานเป็นคนไร้คุณธรรม แต่ทำอย่างไรได้ คุณหนูตระกูลฉินคล้ายดังคนตาบอด ต้องการแต่งกับสามีผู้นี้ ผู้อื่นก็ไม่กล้ากล่าวมากอันใด
คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายนางถึงกับถูกคนที่นางรักที่สุดทำร้ายถึงขั้นเอาชีวิต ฟางจือฝู่ไม่กล้าเอ่ยอันใดให้นางสะเทือนใจอีก
“เช่นนั้น ท่านพ่อเจ้าบอกในจดหมายว่าให้เจ้าคารวะข้าเป็นบิดาบุญธรรม พักอยู่ที่บ้านข้าชั่วคราว เจ้าเห็นด้วยหรือ”
ลู่เจียวมองฉินม่อน้อยข้างกายทีหนึ่ง ฉินม่อรีบยื่นมือขึ้นคว้ามือนางไว้ “ท่านแม่”
ลู่เจียวเงยหน้ามองไปยังฟางจือฝู่ แสดงท่าทีเห็นด้วย “หลี่ฉางอานคิดสังหารพวกเรา หากรู้ว่าพวกเรายังไม่ตาย เกรงว่าคงไม่ยอมเลิกรา ตระกูลฉินพวกเราแม้ว่ามีเงินทอง แต่อย่างไรก็ยังไม่อาจต่อกรกับจวนมหาเสนาบดีในเมืองหลวงได้ ดังนั้นตอนนี้ได้แต่ซ่อนตัวรอเวลา ขอท่านลุงฟางช่วยพวกเราสักครั้ง”
ฟางจือฝู่คิดทดแทนบุญคุณคนตระกูลฉินนานแล้ว พอได้ยินลู่เจียวก็ไม่ได้คิดมากอันใด แล้วรับปากทันที “ตกลง พวกเจ้าสองแม่ลูกตามข้ากลับไปก่อน”
“เจ้าค่ะ”
ลู่เจียวพาฉินม่อน้อยตามฟางจือฝู่กลับจวนตระกูลฟาง
ฮูหยินฟางรู้เรื่องที่เกิดกับตระกูลฉิน ก็ด่าเสียงดังขึ้นทันที “เดรัจฉานหลี่ฉางอานถึงกับทำเรื่องชั่วร้ายเลวทรามเช่นนี้ เขามันไม่ใช่คนจริงๆ สองผู้เฒ่าตระกูลฉินดีต่อเขาเพียงใด เขาถึงกับทำกับพวกเจ้าเช่นนี้”
ฮูหยินฟางพูดไปพูดมาก็ถึงกับร้องไห้ขึ้นมา
ลู่เจียวเห็นนางเช่นนี้ก็รู้ว่านางเป็นคนตรงไปตรงมาและมีเมตตา นางกับฉินม่อน้อยอยู่ตระกูลฟางก็ยิ่งวางใจได้
“ท่านอย่าได้เสียใจไป คนเช่นนี้ไม่คู่ควร”
ลู่เจียวพูดไปก็มีสีหน้าปวดใจ ฉินม่อน้อยรีบยื่นมือมากุมมือลู่เจียว “ท่านแม่ ท่านอย่าเสียใจไป ท่านมีข้าอยู่ วันหน้าข้าจะพยายามเป็นคนที่เก่งกาจให้ได้ วันหน้าข้าจะแก้แค้นให้ลุงพ่อบ้านกับพี่เว่ยเหลียง และดีต่อท่านแม่”
ลู่เจียวได้ฟังฉินม่อน้อยก็พยักหน้า “ท่านแม่รู้ ม่อเอ๋อร์จะเป็นเด็กที่เก่งกาจมาก”
ฟางจือฝู่กับฮูหยินฟางได้ฟังฉินม่อ ในใจก็รู้สึกบอกไม่ถูก เด็กน้อยดีเช่นนี้ แต่บิดากลับทำเรื่องเดรัจฉานเช่นนั้น เจ้านั่นมันไม่ใช่คน
ฟางจือฝู่บอกฮูหยินฟางแล้วว่า นายผู้เฒ่าฉินให้บุตรสาวคารวะพวกเขาเป็นบิดามารดาบุญธรรม
ฮูหยินฟางเห็นด้วยทันที รีบสั่งการให้คนเก็บกวาดห้องเตรียมไว้ให้ลู่เจียวกับฉินม่อน้อยอยู่
ฉินม่อน้อยยังเปลี่ยนมาใช้แซ่ฟางชั่วคราว ชื่อว่าฟางม่อ
ตระกูลฟางไม่ได้จัดงานใหญ่โตประกาศเรื่องรับบุตรสาวบุญธรรม สถานะฉินเหยาไม่อาจเปิดเผย พวกนางสองแม่ลูกหากเผยตัว ย่อมต้องถูกหลี่ฉางอานตามมาจัดการ
วันเวลาในตระกูลฟาง ลู่เจียวไม่ได้สนใจเรื่องภายนอก แต่ทุ่มเทอบรมฉินม่อน้อยดังเช่นดูแลเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เมื่อก่อน เพียงแต่เมื่อก่อนนางต้องออกไปรักษาคนหาเงิน แต่ตอนนี้ทุ่มเทอบรมดูแลฉินม่อน้อยอย่างเดียว
เริ่มแรกเพราะท่านพ่อต้องการสังหารพวกเขา ทำให้ในใจฉินม่อน้อยมีความเคียดแค้น แต่หลังจากได้อยู่ร่วมกับลู่เจียว
เขาก็มองโลกแง่ดีขึ้นมา ในใจรู้สึกแอบดีใจ หากไม่ใช่ท่านพ่อทำเช่นนี้ ท่านแม่คงไม่มาอยู่เป็นเพื่อนเขาเช่นทุกวันนี้
ทุกวันฉินม่อน้อยล้วนเบิกบานใจ เรียนคัมภีร์สามอักษร หนังสือร้อยแซ่ ตำราพันอักษร สี่ตำราห้าคัมภีร์กับลู่เจียว ยังได้เล่นของเล่นแปลกใหม่หลายอย่าง ท่านแม่มีความรู้มากจริงๆ
ตระกูลฟาง ปกติฮูหยินฟางไม่ค่อยได้มารบกวนสองคนแม่ลูก แต่บุตรสาวฟางจือฝู่กับฮูหยินฟางชอบมาเล่นที่นี่ ของที่ลู่เจียวสอนฉินม่อน้อย นางเองก็สนใจมาก อีกอย่างของเล่นที่ลู่เจียวทำให้ฉินม่อน้อย นางอายุสิบสี่สิบห้าก็ยังเล่นอย่างเบิกบานใจยิ่ง
ฟางเหลียนเยว่เป็นคนชอบเคลื่อนไหว มักมาเล่นกับลู่เจียว ไม่มีอันใดก็ชอบออกไปเดินเล่น ทุกวันนางออกไปข้างนอกก็จะนำเรื่องข้างนอกมาเล่าให้ลู่เจียวฟัง
ดังนั้นลู่เจียวแม้ว่าหลบอยู่ในตระกูลฟาง แต่ก็รู้ความเป็นไปในเมืองอู้โจว
หลี่ฉางอานกลับมาหลังจากตระกูลฉินถูกเผาไปได้ครึ่งเดือน พอกลับมาก็แล่นไปคุกเข่าร่ำไห้ที่หน้าประตูตระกูลฉินที่ถูกเผาราบไปหมดแล้ว ร้องไห้สะเทือนลั่นฟ้าดิน แลดูน่าสงสารมาก ชาวบ้านที่มามุงดูไม่น้อยพากันบอกว่าหลี่ฉางอานมิใช่คนแล้งน้ำใจ
แต่มีคนส่วนหนึ่งรู้สึกว่าตระกูลฉินเกิดเพลิงไหม้นั้นน่าสงสัย ไม่แน่ว่าอาจเป็นทั่นฮวาท่านนี้วางเพลิงเองก็เป็นได้ ไม่เช่นนั้นหลายปีมานี้ก็ไม่ได้มีเหตุอันใด ไยพอทั่นฮวาสอบได้ ตระกูลฉินก็เกิดเพลิงไหม้
ฟางเหลียนเยว่เอ่ยถึงหลี่ฉางอานก็โมโหด่าทอว่า “พี่ฉิน พี่ไม่รู้ว่าเจ้าคนเลวนั่นเสแสร้งเพียงใด ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลพราก น่าสะอิดสะเอียนจริงๆ ข้าไม่เห็น ถ้าข้าเห็นก็จะวิ่งเข้าไปกระชากหน้ากากจอมปลอมของเขาทิ้ง”
ฟางเหลียนเยว่พูดไปก็คิดได้ว่า นี่คือบิดาของฉินม่อน้อย นางรีบมองไปยังฉินม่อน้อย ฉินม่อน้อยคล้ายไม่ได้ยิน ยังคงก้มหน้าคัดอักษร
ฟางเหลียนเยว่พลันโล่งอก หรี่เสียงลงทันทีด้วยสัญชาตญาณ
“พี่ฉินรู้ไหม คนข้างนอกต่างคิดว่าพวกท่านสองแม่ลูกตายไปแล้ว คนตระกูลฉินทางนั้นก็คิดเช่นกัน บรรดาท่านลุงท่านอาของพี่ฉินวิ่งมาหาท่านพ่อท่านแม่พี่แล้วบอกว่าจะยกหลานชายมาจดทะเบียนเป็นหลานชายสืบทอดตระกูลพี่”
ลู่เจียวกระตุกมุมปากแค่นหัวเราะ แต่โบราณกาลมาไม่เคยขาดแคลนพวกเห็นเงินตาโต ยิ่งเป็นญาติกัน บางครั้งก็ยิ่งละโมบ
โชคดีที่นายผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าพวกนางยังไม่ตาย ย่อมไม่มีทางรับหลานชายผู้อื่นมาสืบทอดวงศ์ตระกูล
แต่เพราะมยังมีหลี่ฉางอาน ทำให้บรรดาลุงและอาคิดจะส่งหลานชายมาสืบทอดวงศ์ตระกูลก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ หลี่ฉางอานยังกำลังรอเงินก้อนโตเพื่อเดินทางไปเมืองหลวง
ตกค่ำ นายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าฉินนำเงินก้อนโตมาให้ลู่เจียวกับฉินม่อน้อย
เห็นบุตรสาวกับหลานชายสบายดี สองผู้เฒ่าก็โล่งอก ขอเพียงยังมีชีวิตก็พอ
นายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าฉินขายสมบัติตระกูลฉินไปเกินครึ่งแล้ว ที่เหลือก็เป็นเพียงแค่สมบัติที่ไม่มีค่าเท่าไร
“เหยาเอ๋อร์ พ่อมีเรื่องอยากคุยกับเจ้าหน่อย”