ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 930 เลื่อนตำแหน่งขุนนาง
ตอนที่ 930 เลื่อนตำแหน่งขุนนาง
ระบบ 211 ฟังออกว่าลู่เจียวเป็นห่วง จึงตอบกลับ ว่า [ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง จะไม่เป็นเช่นนั้น เวลาในการทำภารกิจท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อเวลาภายนอก ระยะเวลาทำภารกิจสิบกว่าปีของท่าน จะเทียบเท่ากับเวลาไม่กี่เดือนของภายนอกเท่านั้น ]
ลู่เจียวพลันโล่งอก หากเป็นเช่นนี้ นางทำหลายภารกิจ อย่างมากก็คงผ่านไปไม่กี่ปี ลูกๆ นางน่าจะยังสบายดีอยู่
เอ่ยถึงลูกๆ นางก็เริ่มคิดถึงพวกเขา โดยเฉพาะซื่อเป่า เกรงว่าในใจเขาคงคับแค้นฮองเฮา ฮองเฮาเอาแต่ตำหนิพวกเขาเพราะรัชทายาทถูกจับไป ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่แล้ว ในใจซื่อเป่าจะไม่ตำหนิฮองเฮาได้หรือ
ลู่เจียวคิดถึงฮองเฮา ในใจก็บอกไม่ถูก เดิมนางสนับสนุนหวังเมิ่งเหยามาก ปรากฏว่าเพราะนางได้เป็น ฮองเฮาจึงได้เปลี่ยนไปเป็นเช่นตอนนี้ แม้ว่าหลายครั้งนางไม่ได้แสดงออก แต่ลู่เจียวรู้ว่าฮองเฮาเห็นซื่อเป่าดีกับพวกนางแล้วไม่พอใจอย่างมาก
น่าจะเพราะซื่อเป่ามอบความรักให้นางคนเดียว ทำให้นางคิดครอบครองทั้งใจของซื่อเป่า หรืออาจเพราะดำรงตำแหน่งสูงส่งมานาน ทำให้คิดไปเองว่าตนเองเก่งกาจ ดังนั้นผู้คนจึงได้กล่าวว่า วังหลวงดังถังย้อมสี คนดีๆ เข้าไปก็ย้อมจนดำได้
ลู่เจียวคิดถึงสุดท้าย ในใจก็ปวดใจอย่างยิ่ง ซื่อเป่าเป็นคนที่นางรักที่สุดในบรรดาแฝดสี่ ปรากฏเส้นทางความรักของเขากลับไม่ราบรื่นที่สุด
แม้ว่าเขาเป็นฮ่องเต้และมีบุตรหลายคน แต่กลับไม่ได้รับความจริงใจจากคนข้างกาย ลู่เจียวอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก
ในห้องฉินม่อน้อยเห็นท่านแม่ตนไม่เอ่ยอันใดก็คิดว่าท่านแม่ไม่เชื่อเขา เขายื่นมือน้อยไปเกี่ยวมือลู่เจียวกล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านไม่เชื่อข้าหรือ ข้าเกี่ยวก้อยสัญญากับท่านแม่ รอให้ข้าโตขึ้น ข้าจะต้องดีต่อท่านแม่ ไม่ดีต่อผู้อื่น”
วาจาฉินม่อน้อยดึงความคิดลู่เจียวกลับคืนมา นางมองเขาแล้วก็คิดถึงซื่อเป่า
นางโน้มตัวลงกอดฉินม่อน้อย กระซิบอ่อนโยนว่า “เสี่ยวม่อดีกับแม่หรือไม่ไม่สำคัญ ความปรารถนาของแม่ก็คือฉินม่อน้อยสุขสบายและเบิกบานใจ”
ฉินม่อน้อยได้ฟังคำพูดลู่เจียว ในใจก็หวานล้ำอย่างไม่อาจเอ่ย เรียวตากระจ่างใสโค้งยิ้ม เขายื่นมือออกไปโอบลำคอลู่เจียว “ท่านแม่ ท่านแม่เชื่อข้า ข้าจะดีต่อท่าน ดีต่อท่านไปชั่วชีวิต”
ลู่เจียวหัวเราะดังขึ้น “ตกลง แม่เชื่อเจ้า”
เห็นฉินม่อน้อยคล้ายได้เห็นซื่อเป่าตอนเด็ก ทำให้นางอดใจอ่อนยวบไม่ได้ อยากจะดีต่อเขาให้มาก
ลู่เจียวโน้มตัวลงหอมแก้มฉินม่อน้อย
เด็กน้อยพลันดีใจส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ระยะนี้มีท่านแม่เป็นเพื่อนเขา เขาเบิกบานใจมาก ไม่เคยเบิกบานใจเช่นนี้มาก่อน
ครั้งนี้เขาไม่ได้บอกกับลู่เจียว แต่แอบสาบานในใจ รอให้เขาโตขึ้น จะต้องพยายามเป็นขุนนาง นำตำแหน่งฮูหยินตราตั้งมามอบให้ท่านแม่ให้ได้ ให้นางได้เป็นที่อิจฉาของทุกคน
สองคนแม่ลูกอาศัยอยู่เรือนด้านหลังตระกูลฟางอย่างสงบสุข ไม่ได้สนใจความเคลื่อนไหวของโลกภายนอก
แต่ความเคลื่อนไหวของหลี่ฉางอานกลับมาถึงหูลู่เจียวเป็นระยะ
เขาเอ่ยอันใด นายผู้เฒ่าฉินก็ไม่ได้เปลี่ยนความตั้งใจ นายผู้เฒ่าฉินยังคงบริจาคทรัพย์สินเงินทองก้อนโตให้แก่ชาวเมืองอู้โจว ฟางจือฝู่ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังชาวบ้านในแต่ละตำบล แต่ละหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
ชาวเมืองอู้โจวได้รู้ว่าเพราะบุตรสาวและหลานชายตายในกองเพลิง คหบดีเมืองอู้โจวจึงได้บริจาคทรัพย์สมบัติทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ จัดจั้งสถานศึกษาอี้เสวียเรียนโดยไม่ต้องเสียเงินสิบแห่ง ขอเพียงเด็กอายุครบหกปีบริบูรณ์ ก็เข้าเรียนที่สถานศึกษาอี้เสวียได้
พอประกาศคำสั่งนี้ออกไป ราษฎรทุกคนต่างปรบมือแซ่ซ้องสรรเสริญนายผู้เฒ่าตระกูลฉินว่าเป็นผู้ใจบุญยิ่งใหญ่แห่งยุค
หลี่ฉางอานเห็นว่าตนเองไม่อาจเก็บเกี่ยวประโยชน์อันใดได้อีกแล้ว ก็ไม่คิดอยู่เมืองอู้โจวต่อ รีบนำคนออกจากเมืองอู้โจวกลับเมืองหลวงไปทันที
ก่อนหน้านี้ที่เคยกล่าวว่า เห็นนายผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าเป็นดังบิดามารดาแท้ๆ ล้วนแต่สุนัขผายลม
สุดท้ายไม่เห็นพานายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าฉินไปเมืองหลวงด้วย
แน่นอนว่านายผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ได้นึกเสียดายอยากเป็นบิดามารดาเขา
หลี่ฉางอานออกจากเมืองอู้โจวไปแล้ว ลู่เจียวก็โล่งอก ด่านนี้อย่างไรก็ผ่านไปแล้ว นางรู้สึกว่าครั้งนี้หลี่ฉางอานไปแล้ว ย่อมไม่ส่งคนมาจับจ้องนายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าฉินอีก จากนี้พวกนางก็สบายใจได้แล้ว
แน่นอนว่าลู่เจียวไม่ได้คลายความระวังตัวลงทั้งหมด ตอนนี้ทุกคนจึงยังอยู่แต่ในตระกูลฟาง
วันนี้ลู่เจียวนำเคล็ดลับการทำน้ำตาลทรายขาวกับการทำกระดาษมามอบให้ฟางจือฝู่
“ท่านลุงฟาง นี่คือเคล็ดลับการทำน้ำตาลทรายขาวกับการทำกระดาษ ท่านนำสองอย่างนี้เปิดทางเข้าสู่เมืองหลวงได้”
ฟางจือฝู่มองเคล็ดลับสองอย่างด้วยแววตาเปล่งประกายตื่นเต้นอย่างมาก ไม่ใช่เพราะจะได้เข้าเมืองหลวง แต่เพราะจะได้สร้างวาสนาสุขให้แก่ราษฎรแคว้นอวิ๋นฉิน
“เหยาเอ๋อร์ เจ้าเอาเคล็ดลับพวกนี้มาจากที่ใด”
ลู่เจียวยิ้มบางกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าให้ช่างไม้คิดค้นออกมา บิดาบุญธรรมวางใจได้ ทำการทดลองแล้ว เคล็ดลับนี้ได้ผลจริง”
ฟางจือฝู่ดีใจยิ่งนัก แต่รู้สึกว่าของสองสิ่งนี้สูงค่าเกินไป ถือแล้วลวกมือ จึงรีบมอบคืนให้ลู่เจียว “สูงค่าเกินไป เจ้าถือไว้ดีกว่า”
ลู่เจียวยิ้ม “ท่านพ่อบุญธรรมไยพูดจาห่างเหินเช่นนี้ ทำเอาข้าละอายแล้ว ครั้งนี้พวกเราสองแม่ลูกได้รับความคุ้มครองจากท่าน ยังต้องขอบคุณท่าน พวกเราควรเป็นหนึ่งเดียวกับท่านพ่อบุญธรรม หากท่านเกรงใจ ก็นำสองเคล็ดลับนี้เปิดทางเข้าเมืองหลวงก่อน ค่อยหาโอกาสช่วยข้าจัดการหลี่ฉางอานก็ได้”
ฟางจือฝู่ได้ฟังก็เงียบไป ลู่เจียวเอ่ยขึ้นอีกว่า “ที่ข้ายินยอมมอบของสองสิ่งนี้ให้ท่านพ่อบุญธรรม ก็เพราะเชื่อในคุณธรรมของท่านพ่อบุญธรรม คนเช่นท่านพ่อบุญธรรมควรก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงส่ง สร้างวาสนาสุขให้แก่ราษฎร แคว้นอวิ๋นฉินต้องการคนตั้งใจซื่อสัตย์ดังเช่นท่านพ่อบุญธรรม”
ฟางจือฝู่ได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็คล้ายตัวลอยขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง เขาฟังคำลู่เจียวแล้วก็เข้าใจ ใช่ เขาต้องก้าวขึ้นไป เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ราษฎรแคว้นอวิ๋นฉิน ถึงตอนนั้นเขาย่อมปกป้องฉินเหยากับฉินม่อน้อยได้ หากเป็นไปได้ เขาจะได้จัดการหลี่ฉางอาน แก้แค้นให้ฉินเหยากับม่อเอ๋อร์ด้วย
“ตกลง เช่นนั้นท่านพ่อบุญธรรมก็จะหน้าหนาหยิบของเจ้าแล้ว แต่ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง ไม่นึกเสียใจภายหลังใช่หรือไม่”
ของสองสิ่งนี้ราคาแม้แต่ทองคำก็แลกไม่ได้
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “บอกว่ามอบให้ท่านพ่อบุญธรรมแล้วจะนึกเสียใจภายหลังได้อย่างไร”
ไม่นานฮูหยินฟางกับฟางเหลียนเยว่ก็รู้ว่าลู่เจียวมอบของสองสิ่งนี้ให้ฟางจือฝู่ รู้ว่าหากมีของสองสิ่งนี้ และเงินจากนายผู้เฒ่าฉินที่มอบให้ก่อนหน้านี้ ครั้งนี้หากไม่เหนือความคาดหมายพวกเขาต้องได้เข้าเมืองหลวงราบรื่น และยังอาจได้เลื่อนตำแหน่ง ทุกคนในตระกูลฟางต่างสำนึกบุญคุณลู่เจียวอย่างมาก ยิ่งดีกับนางมากขึ้น
ลู่เจียวกับฉินม่อน้อยอยู่ตระกูลฟางก็ยิ่งราวกับมัจฉาได้วารี มีชีวิตที่มีความสุขมาก
หลายปีมานี้ฟางจือฝู่ไม่ได้เป็นขุนนางเสียเปล่าแล้ว ไม่นานก็หาทางนำของสองสิ่งนี้ส่งเข้าเมืองหลวง สุดท้ายของนี้ถึงกับส่งไปถึงหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ ฮ่องเต้ดีพระทัยมาก รีบให้คนทำการทดลอง ไม่นานน้ำตาลทรายขาวกับกระดาษก็ทำสำเร็จ ท้องพระคลังในวังก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น
ฮ่องเต้ทรงดีพระทัย มีราชโองการลงไปว่า ฟางจือฝู่เจ้าเมืองอู้โจวเป็นขุนนางซื่อสัตย์ รักใคร่ราษฎร เป็นขุนนางซื่อสัตย์ภักดีของแคว้นอวิ๋นฉิน ให้ย้ายเข้าเมืองหลวงมาดำรงตำแหน่งจิงจ้าวฝูอิ่น ขุนนางระดับสี่