ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 931 ที่พึ่งใหญ่
ตอนที่ 931 ที่พึ่งใหญ่
ตระกูลฟางได้รับราชโองการก็ดีใจมาก แม้ว่าขุนนางระดับสี่สูงกว่าตำแหน่งจือฝู่แค่หนึ่งระดับ แต่การได้ไปเมืองหลวง ทั้งยังได้ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมศาลจิงจ้าวฝู่ เป็นตำแหน่งขุนนางกุมอำนาจปฏิบัติงานจริง ดังนั้นแม้ว่าเป็นเพียงขุนนางระดับสี่ แต่ก็ได้ทำงานจริง
ฮูหยินฟางกับฟางเหลียนเยว่ดีใจดึงมือลู่เจียวมาเอ่ยว่า “ขอบคุณเหยาเอ๋อร์ ขอบคุณเจ้าแล้ว เจ้าช่างเป็นดาวแห่งวาสนาของตระกูลฟางเราจริงๆ”
ฟางจือฝู่พยักหน้าเห็นด้วย มองลู่เจียวกล่าวว่า “เหยาเอ๋อร์ เจ้าเองก็เก็บของตามพวกเราเข้าเมืองหลวง ในเมืองมีอาจารย์มีชื่อเสียงมากมาย ถึงตอนนั้นหาอาจารย์ดีๆ ให้ม่อเอ๋อร์สักคน เจ้าก็จะได้วางใจ มีข้าอยู่ด้วย ไม่ต้องกลัวคนรังแกม่อเอ๋อร์”
“เจ้าค่ะ ขอบคุณบิดาบุญธรรม”
ฉินม่อน้อยเองก็ปากหวาน เอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณท่านปู่”
ฟางจือฝู่กับฮูหยินฟางหัวเราะดัง ทุกคนเบิกบานใจอย่างมาก
ตอนออกจากเมืองอู้โจวมาได้ นายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าฉินก็มาส่งด้วยตนเอง
สองผู้เฒ่าเห็นบุตรสาวกับหลานชายจะจากไป ในใจก็อาลัยอาวรณ์ไม่อาจบรรยาย พร้อมกับนึกเป็นห่วงขึ้นมาว่าหลี่ฉางอานก็อยู่เมืองหลวง
ลู่เจียวรู้ว่าพวกเขาเป็นห่วง จึงเอ่ยปลอบใจอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านพ่อกับท่านแม่วางใจได้ ข้าจะระมัดระวังตัวเอง พวกท่านอยู่เมืองอู้โจวอย่าได้เป็นห่วงพวกเรา ครั้งนี้ข้าไปเมืองหลวง ประการแรกเพื่อหาอาจารย์มีชื่อให้ม่อเอ๋อร์ ประการที่สองคิดหาทางรับมือหลี่ฉางอาน รอให้ข้าจัดการหลี่ฉางอานได้ ก็จะให้คนมาเมืองอู้โจวรับท่านพ่อกับท่านแม่เข้าเมืองหลวง ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะได้อยู่พร้อมหน้ากันแล้ว”
นายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าฉินพยักหน้าหงึกๆ “ตกลง”
พวกเขาสองคนเชื่อลู่เจียว เพราะพวกเขาได้ยินฟางจือฝู่บอกว่า ครั้งนี้ที่เขาได้เข้าเมืองหลวงราบรื่นก็เพราะฉินเหยามอบเคล็ดลับทั้งสองให้พวกเขา สองผู้เฒ่าภาคภูมิใจในตัวบุตรสาวมาก นางถึงกับมีความสามารถเช่นนี้ พวกเขาเชื่อว่า นางจะต้องกลับมารับพวกเขาเข้าเมืองหลวงในอีกไม่นานนี้
ฉินม่อน้อยเห็นว่าต้องไปจากท่านปู่ท่านย่าตนเองแล้วก็อดกอดพวกเขาไม่ได้ “ท่านปู่ท่านย่า พวกท่านรอนะ ข้าจะสอบตำแหน่งขุนนางมาให้ได้ ถึงตอนนั้นจะมารับพวกท่านเข้าเมืองหลวง ข้าจะไม่ให้ผู้ใดมารังแกพวกท่านได้อีก”
เด็กน้อยหน้าตาเฉลียวฉลาดเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แววตาส่องประกายวาวอย่างไม่เคยมีแววตาเช่นนี้มาก่อน
ระยะนี้ได้รับการอบรมจากลู่เจียว เขาก็ยิ่งฉลาดเฉลียวและมีความสุขุม
สองผู้เฒ่าเห็นหลานชายเช่นนี้ ในใจก็ดีใจจนพูดไม่ออก “ดี ดี พวกเราจะรอม่อเอ๋อร์สอบขุนนางได้”
อีกสามปี เมืองหลวงก็มีโรงบ้านไป้เยว่ที่มีชื่อเสียงไปทั่วแคว้นอวิ๋นฉิน เจ้าของโรงบ้านไป้เยว่เป็นเจ้าของโรงบ้านหญิงที่งดงามราวเทพธิดา ผู้คนเรียกนางว่าเหยาเหนียง สตรีผู้นี้ไม่เพียงแต่หน้าตางดงามและมีความสามารถ ยังมีวิชาการแพทย์ลึกล้ำ บรรดาฮูหยินแต่ละตระกูลในเมืองต่างคบหากับนางสนิทสนม ชนชั้นสูงศักดิ์เองก็มักไปเยือนโรงบ้านไป้เยว่ ทุกวันมีแขกไปเยือนมากมาย
ข่าวนี้ได้ยินไปถึงอ๋องฉินจ้าวเซียวพระอนุชาร่วมอุทรของฮ่องเต้ เขาชอบสตรีผู้นี้มาก คิดจะแต่งสตรีผู้นี้เป็นพระชายาอ๋องฉิน น่าเสียดายนางปฏิเสธ
ข่าวนี้ไม่เพียงแต่คนเมืองหลวงรู้ แม้แต่ฮ่องเต้ในวังก็ได้ข่าว จึงเรียกตัวอ๋องฉินเข้าวัง
“น้องเจ็ด เราได้ยินว่าเจ้าชอบสตรีนางหนึ่ง มีเรื่องนี้เช่นนี้หรือไม่”
อ๋องฉินจ้าวเซียวยืดอก ใบหน้ารูปงามเป็นที่หมายปองของบรรดาสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวง น่าเสียดายอ๋องฉินเป็นคนอุปนิสัยเย็นชา ไม่เข้าใกล้ผู้ใดง่ายๆ
แต่มีเพียงพระเชษฐาที่เขายังคงแสดงท่าทีอ่อนโยนด้วย
“เสด็จพี่ ท่านอย่าฟังคนพวกนั้นพูดจาเหลวไหล ข้ากับฉินเหยาเป็นเพียงสหาย พวกเราทำการค้าร่วมกัน โรงบ้านไป้เยว่ข้ามีส่วนร่วมอยู่สามส่วนจากสิบส่วน”
เอ่ยถึงเรื่องนี้จ้าวเซียวก็เม้มปากแย้มยิ้ม “นอกจากโรงบ้านไป้เยว่ พวกเรายังร่วมมือกันทำโรงผลิตสุรา ร้านอาหารและสนามแข่งม้า”
ฮ่องเต้จ้าวฉีได้ฟังคำน้องชายก็แปลกใจอย่างมาก ยิ่งรู้สึกสนใจในสตรีงดงามในตำนานผู้นี้มากยิ่งขึ้น
“หญิงผู้นี้งามเป็นหนึ่งไม่มีสองดังตำนาน มากความสามารถและหน้าตาดีจริงหรือ”
จ้าวเซียวพอได้ฟังพี่ชายถามเช่นนี้ ก็รู้ว่าเขาสนใจฉินเหยา รีบยกมือห้ามเสด็จพี่ตนไม่ให้คิดไปไกล
“เสด็จพี่ อย่าได้เอาฉินเหยาไปเทียบกับสตรีทั่วไป นางไม่ใช่สตรีในวังหลังเสด็จพี่ นางไม่เหมือนกับสตรีอื่น และนางแต่งงานแล้ว”
ฮ่องเต้ไม่ได้เลิกคิดสนใจนางเพราะคำห้ามของน้องชาย แต่กลับเห็นท่าทางของจ้าวเซียวก็ยิ่งอยากพบเหยาเหนียงในตำนานผู้นี้แล้ว
อ๋องฉินจ้าวเซียวเห็นเสด็จพี่ตนไม่คิดสนใจฉินเหยาแล้วก็โล่งอก
น่าเสียดายเขาวางใจเร็วเกินไป วันรุ่งขึ้นฮ่องเต้ก็แต่งกายเป็นสามัญชนนำองครักษ์ออกจากวังไปโรงบ้านไป้เยว่
ได้ยินว่าชนชั้นสูงศักดิ์ในเมืองทั้งนายท่านและฮูหยิน ไม่มีอันใดก็มักชอบมานั่งเล่นที่โรงบ้านไป้เยว่ ได้ยินว่าโรงบ้านไป้เยว่มีของแปลกมากมาย คนที่ได้เข้าไปล้วนไม่อยากกลับ ฮ่องเต้ได้ยินชื่อเสียงที่นี่ก็คิดจะมาชมบ้าง
พอหลายคนปรากฏตัว ก็มีสตรีงามในชุดครามออกมาต้อนรับให้เข้าไปด้านใน พวกนางแต่ละคนล้วนไม่ได้งามน้อยไปกว่านางในวัง แต่พวกนางเป็นเพียงแค่บ่าวหญิงโรงบ้านไป้เยว่
ฮ่องเต้ยิ่งรู้สึกสนใจเหยาเหนียงแห่งโรงบ้านไป้เยว่ “พวกเราต้องการพบเหยาเหนียง”
บ่าวหญิงหัวหน้าย่อตัวลงกล่าวอย่างสุภาพว่า “คุณชายมาครั้งแรกกระมัง หากต้องการพบเจ้านายเรา ต้องนัดล่วงหน้า ไม่ใช่ว่าเจ้านายเราไม่รับแขก แต่เพราะมีคนมารอเข้าพบทุกวัน ตอนนี้ต่อคิวไปจนเดือนหน้าแล้ว”
จ้าวเซียวแปลกใจ หญิงผู้นี้ยุ่งกว่าเขาผู้เป็นฮ่องเต้เสียอีก ยากจะพบเสียยิ่งกว่าฮ่องเต้เช่นเขาอีกด้วย
องครักษ์ฮ่องเต้ได้ฟังวาจาบ่าวหญิง ก็สีหน้าเย็นเยียบทันที ก้าวเข้าไปตะคอกเสียงดังว่า “เจ้านายเราต้องการพบเจ้านายพวกเจ้า นางกล้าไม่พบหรือ”
จ้าวเซียวยกมือห้ามปรามองครักษ์ ยิ้มมองบ่าวหญิงตรงหน้า “ข้ามาเยี่ยมคารวะเหยาเหนียงด้วยความจริงใจ ขอแม่นางช่วยไปบอกกล่าวสักคำ จะพบหรือไม่เป็นเรื่องของเจ้านายเจ้า”
บ่าวหญิงหงซิ่งได้รับการอบรมจากลู่เจียว ตอนนี้สายตาเฉียบคมมาก นางมองปราดเดียวก็มองออกว่าเป็นคนผู้นี้ไม่ธรรมดา กิริยาท่าทางก็ดูมีสง่าราศีอย่างยิ่ง เกรงว่าคนผู้นี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา นางเองก็ไม่ควรดึงดันต่อ ดังนั้นก็ย่อกายลงคำนับเอ่ยว่า “ทุกท่านโปรดรอสักครู่”
นางกล่าวจบก็เรียกหลันซิ่งมาบอกว่า “พาทุกท่านไปต้อนรับที่เรือนหย่าหรง”
“เจ้าค่ะ พี่หงซิ่ง”
หลันซิ่งหันไปคำนับพวกจ้าวเซียว พาพวกเขาไปยังเรือนหย่าหรง
บ่าวหญิงพูดจาทำงานได้คล่องแคล่วว่องไว กิริยาท่าทางก็สุภาพเรียบร้อย ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย พวกนางเช่นนี้ยิ่งทำให้จ้าวเซียวสนใจเหยาเหนียงนายของนางมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจ้าวเซียวคิดเช่นไร หงซิ่งก็นำบ่าวหญิงสองคนไปพบลู่เจียว นำความที่จ้าวเซียวต้องการพบนางไปรายงาน
ลู่เจียวได้ฟังหงซิ่งรายงาน ถามว่า “คนผู้นี้เจ้าเคยพบหรือไม่”
สามปีมานี้ นางสมาคมกับบรรดาฮูหยินชนชั้นสูงศักดิ์ในเมืองหลวง สร้างโรงบ้านไป้เยว่ ยังได้ร่วมกับคนบางกลุ่มทำการค้าอื่นอีก ในบรรดาคนเหล่านี้ ที่สูงศักดิ์ที่สุดก็คืออ๋องฉินจ้าวเซียว ท่านนี้เป็นพระอนุชาร่วมอุทรฮ่องเต้ ลู่เจียวย่อมต้องเกาะที่พึ่งนี้ไว้ให้แน่นหนา
นางใช้เวลาสามปีสานสัมพันธ์กับชาวเมืองหลวง ตอนนี้ตระกูลขุนนางหลายตระกูลต่างคบหาสมาคมกับนางอย่างดี
ผ่านมาสามปี นางเตรียมการไว้พร้อมแล้ว พอจะรับมือหลี่ฉางอานได้แล้ว
ลู่เจียวคิดไปพลางมองหงซิ่ง หงซิ่งล้วนได้พบเห็นมาชนชั้นสูงในเมืองหลวงมาไม่น้อย
เพราะชื่อเสียงโรงบ้านไป้เยว่ คนเมืองหลวงต่างพากันมาเที่ยว หงซิ่งในฐานะหัวหน้าบ่าวหญิงโรงบ้านไป้เยว่จึงได้พบผู้คนมากมาย
หงซิ่งย่อตัวลงรายงานว่า “คนผู้นั้น บ่าวไม่เคยพบ แต่ดูสง่าราศีไม่น้อยไปกว่าอ๋องฉิน และยังดูทรงสง่าราศียิ่งกว่า”
หงซิ่งเอ่ย ลู่เจียวก็ยิ้ม หากไม่เหนือความคาดหมาย น่าจะเป็นพระเชษฐาอ๋องฉิน ฮ่องเต้เหวินหวาตี้องค์ปัจจุบัน
คิดไม่ถึงว่าท่านนี้ถึงกับสนใจโรงบ้านไป้เยว่ เช่นนี้ก็ควรไปพบสักครั้ง ดูว่าจะได้ที่พึ่งยิ่งใหญ่หรือไม่ หากมีที่พึ่งนี้ วันหน้าทำอะไรก็จะยิ่งสะดวก
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็ลุกขึ้นพาหงซิ่งเดินออกไป