ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 935 พระสนมนางจิ้งจอก
ตอนที่ 935 พระสนมนางจิ้งจอก
ลู่เจียวคิดถึงเรื่องนี้ก็ถอนหายใจ เจ้าของร่างเดิมช่างตาบอดเสียจริง ในจวนป๋อกว้างใหญ่นี้ถูกอนุระดับหนึ่งหรือที่เรียกว่าฮูหยินรองคุมไว้แล้ว ตอนนี้ข้างกายนางมีคนสนิทที่สุดก็คือหมัวมัว[1]คนเดียวแล้ว
ลู่เจียวกำลังคิดอยู่ หรงหมัวมัวก็เอ่ยเตือนอย่างไม่ยอมละความพยายามอีกว่า “ฮูหยิน ท่านให้คุณหนูกลับมาเถอะนะเจ้าคะ นางอายุน้อยเช่นนั้น คุกเข่าในศาลบรรพชนย่อมต้องหวาดกลัวมาก”
ลู่เจียวคิดถึงเรื่องราวในนิยายทันที เด็กน้อยเหมือนสลบไปเพราะเป็นไข้ เกือบเอาชีวิตไปทิ้ง
ลู่เจียวร้อนใจมองไปยังหรงหมัวมัว “หรงหมัวมัว รีบไปศาลบรรพชนพาเยี่ยนเอ๋อร์กลับมา”
หรงหมัวมัวคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ตนเอ่ยเตือน ฮูหยินถึงกับไม่โมโห แต่ยังฟังคำพูดนาง จึงรับคำอย่างดีใจยิ่ง “เจ้าค่ะ ๆ บ่าวจะรีบไปพาคุณหนูกลับมา”
ผู้ใดจะรู้ว่านางเพิ่งจะหันหลัง ก็มีมือหนึ่งมาขวางทางนางไว้
หรงหมัวมัวโมโหเงยหน้ามองปี้เยว่ “เจ้าจะทำอันใด”
ปี้เยว่ไม่สนใจหรงหมัวมัว หันหน้าไปมองลู่เจียว กล่าวว่า “ฮูหยิน คุณหนูล่วงเกินผู้อาวุโส ท่านไม่อบรมนางให้ดี เกรงว่าวันหน้านางจะยิ่งไม่รู้ธรรมเนียมและไม่รู้ความ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป จวนจงอี้ป๋อเราคงเสียหน้า”
หรงหมัวมัวรีบตวาดว่า “เจ้ากล่าวเหลวไหลอันใด คุณหนูน้อยแค่ห้าขวบ จะรู้อันใด อีกอย่าง นางเป็นคุณหนูจวนป๋อ ตามหลักก็ควรดูแลนางให้ดี”
วันนี้ที่เกิดเรื่องก็เพราะฤดูร้อนแล้ว ควรตัดเสื้อผ้าใหม่ให้เด็กๆ ปรากฏครั้งนี้ก็เหมือนที่ผ่านมา ตู้เยี่ยนได้เลือกเป็นคนสุดท้าย ประเด็นก็คือตู้หลิงซียังหัวเราะเยาะตู้เยี่ยน ไม่ใช่ว่าเป็นการยั่วโมโหนางหรอกหรือ ตู้ เยี่ยนพุ่งเข้าไปกระชากผมตู้หลิงซี ปรากฏกลับถูกตู้หลิงซีสองพี่น้องรุมกลับ
ห้าปีมานี้ตู้เยี่ยนไม่เป็นที่รัก มักจะโดนรังแก ของกินของใช้ก็ไม่ดี แม้ว่าห้าขวบ ความจริงดูแล้วเหมือนสามสี่ขวบ ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของตู้หลิงซีกับตู้จั๋วสองคนพี่น้องหญิงชาย ปรากฏถูกลงมือตบตีรุนแรง พอกลับมา เจ้าของร่างเดิมยังว่าบุตรสาว ทำให้ตู้เยี่ยนโมโหมาก นางโมโหหันมาตะโกนใส่เจ้าของร่างเดิม ท่านไม่ใช่ท่านแม่ข้า
เจ้าของร่างเดิมโมโห ลงโทษตู้เยี่ยนไปคุกเข่าที่ศาลบรรพชน ลู่เจียวคิดถึงเรื่องเหล่านี้ก็ด่าเจ้าของร่างเดิมโง่เง่าไร้สมองอีกครั้ง
ลู่เจียวครุ่นคิดเงยหน้ามองไปยังหรงหมัวมัวไปที่ห้ามปี้เยว่ “เจ้า มานี่”
ปี้เยว่คิดว่าลู่เจียวมีอันใดสั่งการ ก็รีบเข้ามาอย่างดีใจ ลู่เจียวยกมือตวัดตบหน้านางทีหนึ่ง
การตบนี้ทั้งดังทั้งแรง ปี้เยว่ถูกตบจนผงะถอยหลังไปสองก้าวก่อนจะยืนนิ่งได้
สมองพลันอื้ออึงตั้งสติไม่ได้เป็นนาน
ลู่เจียวส่งเสียงเยียบเย็นราวกับน้ำแข็ง “ข้าเป็นนายเจ้า หรือเจ้าเป็นนาย”
สายตาและน้ำเสียงตวาดเยียบเย็นทำเอาปี้เยว่ตกใจนิ่งอึ้ง ไม่กล้าแม้แต่จะร้องไห้
หรงหมัวมัวเองก็ตกใจกับท่าทีหญิงสาวเช่นนี้ แต่ลู่เจียวมองไปยังนางอีกครั้ง สายตาพลันอ่อนโยนลง “หมัวมัวไปพาเยี่ยนเอ๋อร์กลับมา”
ได้ยินเช่นนี้ หรงหมัวมัวดีใจ “เจ้าค่ะ ฮูหยิน”
หันหลังเดินไปยังศาลบรรพชนพานางกลับมา
ในที่สุดปี้เยว่ก็ร้องไห้ขึ้นมา
ลู่เจียวกำลังอยากจะเอ่ย นอกประตูมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ทุกคนเดินเข้ามา คนที่เดินนำเข้ามาก็คือเฝิงเจินน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของจงอี้ป๋อตู้ถิง เฝิงเจินเป็นอนุระดับหนึ่งในจวน คนเรียกว่าฮูหยินรอง
เฝิงเจินเพิ่งจะเดินเข้ามา ก่อนหน้านี้ปี้เยว่ไม่กล้าร้องไห้ก็ร้องไห้ดังขึ้นมา ร้องไปก็มองไปยังเฝิงเจิน “ฮูหยินรอง ช่วยด้วย ฮูหยินตบข้า”
เฝิงเจินนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้าวเข้ามารวดเร็ว สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน มองไปยังลู่เจียว “ฮูหยิน มีเรื่องอันใดหรือ”
ลู่เจียวเหลือบตาขึ้นมองไปยังเฝิงเจิน กล่าวตามตรงหญิงผู้นี้นับว่าไม่งามมาก กลับกัน เจ้าของร่างเดิมงามกว่า จึงได้เป็นมารดาของพระสนมนางจิ้งจอกที่งดงามล้ำเลิศได้ นางย่อมงามอยู่แล้ว
แต่เพราะการหลอกลวงของเฝิงเจิน กอปรกับการชี้แนะของฮูหยินผู้เฒ่าจวนป๋อ เจ้าของร่างเดิมอายุยี่สิบกว่า ก็แต่งตัวราวกับอายุสี่ห้าสิบ สวมเสื้อผ้าสีจืดชืด เกล้ามวยผม ท่าทางเหมือนหญิงสูงวัย ทำให้คนเห็นแล้วก็รู้สึกน่าเบื่อ
กลับกัน เฝิงเจินที่อายุไล่เลี่ยกับนาง กลับสวมเสื้อผ้าที่ค่อนข้างสีอ่อนสว่างตา เสื้อผ้าทำให้นางแลดูงดงามอ่อนหวานไม่อาจบรรยาย
ลู่เจียวมองประเมินเฝิงเจินเป็นนานไม่กล่าวอันใด เฝิงเจินนิ่งอึ้งมองนาง แต่ก็มิได้คิดสนใจนาง หญิงผู้นี้ช่างโง่เขลา เห็นผู้ชายเป็นดังฟ้าเบื้องบนของนาง เห็นบุตรผู้อื่นดังบุตรตนเอง ยังทำท่าทางเหมือนตนเองเป็นนายหญิงดูแลตระกูลเช่นนี้ เหอะๆ
เฝิงเจินคิดไปก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นว่า “ท่านพี่ ปี้เยว่ไม่ใช่หัวหน้าสาวใช้ท่านหรือ เหตุใดท่านจึงลงมือกับนางได้ลงคอ”
ลู่เจียวมองปี้เยว่ทีหนึ่ง เห็นแววตาได้ใจของนางคล้ายมีคนให้ท้าย ลู่เจียวอดหัวเราะขำไม่ได้ เจ้าของร่างเดิมโง่เขลาจริง หญิงผู้นี้ก็โง่เขลากระมัง จะอย่างไร นางก็เป็นฮูหยินดูแลจวนป๋อ จัดการสาวใช้สักคนต้องคิดมากหรือ
“หัวหน้าสาวใช้อันใดกล้าล่วงเกินนาย โง่เง่า แต่นี้ต่อไป ไปทำงานขัดล้างและซักเสื้อผ้าที่ห้องซักล้าง”
ทุกคนในห้องพากันอึ้งไปทันที ปี้เยว่ตกใจนิ่งอึ้ง ร้องไห้ไปคร่ำครวญไปว่า “ฮูหยินรอง ช่วยบ่าวด้วยเจ้าค่ะ”
ลู่เจียวยิ้มมองไปยังเฝิงเจิน “เจ้าต้องการหรือ หากต้องการ ข้ามอบนางให้เป็นหัวหน้าสาวใช้ของเจ้า”
เฝิงเจินอึ้งไปทันที รู้สึกหมือนว่าหญิงตรงหน้าเเปลี่ยนไป ไม่ได้อ่อนแอดังเดิม ดูแล้วเข้มแข็งมาก
แต่นางไม่ต้องการปี้เยว่ผู้นี้ นางมีคนสนิทของตนเองแล้ว จะรับหญิงผู้นี้ไปเป็นหัวหน้าสาวใช้ตนได้อย่างไร
“ท่านพี่ นางเป็นหัวหน้าสาวใช้ท่าน ข้าจะแย่งคนของท่านได้อย่างไร”
ลู่เจียวหัวเราะ “แค่สาวใช้คนเดียว แม้แต่ผู้ชายข้า เจ้าก็แย่งไปแล้ว นับประสาอันใดกับแค่บ่าวคนเดียว”
ครั้งนี้เฝิงเจินถึงกับตกใจอึ้งไปทันที
ในห้องพลันเงียบกริบ จนกระทั่งหรงหมัวมัวพาตู้เยี่ยนกลับมา
ยามนี้ตู้เยี่ยนตัวน้อยอายุเพียงแค่ห้าขวบ แต่ดูแล้วเหมือนสามสี่ขวบ ผอมและแคระแกร็น เห็นได้ชัดว่าขาดสารอาหาร แต่ลู่เจียวเห็นนางแล้วก็ยังต้องทอดถอนใจ เด็กคนนี้หน้าตาดีจริงๆ มิน่าสุดท้ายจึงทำให้ฮ่องเต้หลงใหลจนไม่ลืมหูลืมตาได้ แม้ว่าตอนนี้ร่างนางผอมเล็ก แต่โครงหน้างามราวกับพู่กันวาด โดยเฉพาะเรียวตาหงส์คู่นี้ คล้ายกับมีประกายแสงงดงาม รูปโฉมเช่นนี้น่าจะมีเพียงซื่อเป่าที่คู่ควรกับนาง
หากสองเด็กน้อยได้ยืนคู่กัน ย่อมต้องดูดซับแสงสว่างใต้หล้ามารวมเอาไว้หมดสิ้น
แต่ลู่เจียวไม่ได้มองข้ามสายตาเยียบเย็นพร้อมกับแววตาคับแค้นใจของเด็กน้อยยามนี้
นางเหมือนเกลียดนาง
แต่พอคิดถึงสิ่งที่เจ้าของร่างเดิมทำ ลู่เจียวก็เข้าใจ
นางกำลังมองประเมินตู้เยี่ยน ในห้องเฝิงเจินเอ่ยขึ้นว่า “เหตุใดถึงนำตัวคุณหนูใหญ่กลับมา ไม่ใช่ว่าท่านพี่ลงโทษนางไปคุกเข่าที่ศาลบรรพชนหรือ”
นางกล่าวจบถลึงตาใส่หรงหมัวมัว “เจ้าเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการพานางกลับมาใช่หรือไม่ เจ้าบังอาจมาก แม้แต่คำสั่งเจ้านายก็กล้าไม่เชื่อฟัง บ่าวเหิมเกริมเช่นเจ้าบังอาจมากเกินไปแล้วกระมัง”
หรงหมัวมัวกำลังคิดเอ่ย แต่ลู่เจียวเอ่ยขึ้นก่อนว่า “ข้าสั่งให้นางไปพากลับมาเอง”
เฝิงเจินยังตั้งสติไม่ทัน หรงหมัวมัวรุนหลังตู้เยี่ยน “เร็ว รีบขอโทษท่านแม่”
น่าเสียดายตู้เยี่ยนไม่ขยับ ลู่เจียวเองก็ไม่โทษนาง แต่มองไปยังหรงหมัวมัว สั่งการว่า “ไป แจ้งพ่อบ้านเรียกบ่าวรับใช้ในจวนป๋อมารวมตัวกันที่เรือนด้านหน้า ข้าจะเปิดประชุม”
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”
หรงหมัวมัวรับคำเสียงหนึ่ง แต่ก็มองตู้เยี่ยนทีหนึ่งอย่างไม่วางใจ เกรงว่าตู้เยี่ยนจะโดนรังแกอีก
ลู่เจียวเอ่ยน้ำเสียงเยียบเย็น “ยังไม่รีบไป”
หรงหมัวมัวรีบวิ่งออกไป เฝิงเจินขมวดคิ้ว เอ่ยถามว่า “ท่านพี่ ท่านพี่เรียกประชุมบ่าวรับใช้ทำอันใดหรือ”
วันนี้หญิงผู้นี้เป็นอันใดไป ลมพัดลมเพจนเสียสติหรือ
[1] คำเรียกขานบ่าวหญิงสูงวัย