ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 941 ท่อนขาทองคำ
ตอนที่ 941 ท่อนขาทองคำ
ลู่เจียวไม่คิดสนใจนาง บัญชีตระกูลตู้เจ้าเกี่ยวอันใดกับข้า ไม่ใช่อยากดูแลตระกูลหรือ เช่นนั้นก็ดูแลไปสิ
นางกินอาหารค่ำเสร็จ ก็พาตู้เยี่ยนไปตรวจสอบสามร้านค้าที่ก่อนหน้านี้โยกไปเป็นกิจการจวนป๋อ
สามร้านค้านี้ไม่เพียงแต่เนื้อที่กว้างขวางแต่กิจการการค้าก็ยังทำเงินได้มาก ร้านแรกคือร้านเครื่องประดับและเครื่องประทินผิว เพราะเป็นร้านเก่าแก่ ของที่ขายก็ดี ดังนั้นจึงทำเงินได้มาก อีกร้านก็คือร้านอาหาร การค้าก็ไม่เลว ร้านที่สามก็คือร้านสมุนไพร ไม่เพียงแต่ขายสมุนไพรสูงค่า ที่สำคัญที่สุดก็คือมีหมอนั่งประจำ มีชื่อเสียงมาก เชี่ยวชาญในการรักษาสตรีไม่ตั้งครรภ์ เก่งกาจมาก ดังนั้นจึงทำเงินได้มากเช่นกัน
ความจริงสามร้านค้านี้เป็นสินออกเรือนมีค่าที่สุดของเจ้าของร่างเดิม แต่นางไม่ลังเลที่จะยกสามกิจการทำเงินนี้ให้กับจวนป๋อ ทำให้จวนป๋อมีกิจการทั้งสาม รวมกับกิจการเดิมของจวนป๋อเอง พร้อมทั้งเงินที่เจ้าของร่างเดิมแบ่งเข้าบัญชีจวนป๋อทุกเดือน ดังนั้นจวนจงอี้ป๋อจึงได้มีชีวิตที่มีหน้ามีตาในแวดวงระดับสูงของเมืองหลวง
แต่ปรากฏว่ากินดื่มทรัพย์สินของเจ้าของร่างเดิมไม่พอ ยังถึงกับรังแกนาง เลี้ยงสุนัขยังดีกว่าเลี้ยงเจ้าพวกเนรคุณพวกนี้
ลู่เจียวยึดสามร้านคืนมาได้ ต้องขอบคุณจวนป๋อที่ไม่ได้ให้เจ้าของร่างเดิมเปลี่ยนชื่อเจ้าของร้านทั้งสาม ยังคงอยู่ในชื่อของเจ้าของร่างเดิม ตอนนี้ลู่เจียวคิดยึดกลับมาก็ง่ายดายอย่างยิ่ง
คนจวนป๋อนึกเสียใจภายหลังแต่ก็ทำอันใดไม่ได้
ลู่เจียวพาตู้เยี่ยนเดินวนดูรอบหนึ่ง พบว่าผู้จัดการร้านเครื่องประดับและเครื่องประทินผิวกับผู้จัดการร้านอาหาร ถึงกับถูกปรับเปลี่ยนเป็นญาติของเฝิงเจิน
ลู่เจียวจึงไล่ผู้จัดการทั้งสองออกทันที จากนั้นก็สั่งคนไปตามผู้จัดการคนเดิมกลับมา
พอมาถึงสมุนไพร ก็พบว่าร้านเหมือนเกิดเรื่องอันใดขึ้น หน้าประตูร้านไม่เพียงแต่มีรถม้าจอดอยู่คันหนึ่ง ยังมีคนยืนอยู่เต็มพร้อมกับชาวบ้านมามุงดูกัน มีบ่าวรับใช้แต่งกายเป็นระเบียบเดียวกันอีกกลุ่มหนึ่ง
ลู่เจียวลงจากรถม้าจูงตู้เยี่ยนเดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงคนวิพากษ์วิจารณ์ “ยามนี้เกรงว่าจวนจงอี้ป๋อคงมีเรื่องยุ่งยากแน่แล้ว”
“ใช่ องค์หญิงเจ้าเหอไม่ใช่คนที่ผู้ใดจะมีเรื่องได้ง่าย ได้ยินว่าแม้แต่โอรสฝ่าบาทเองยังทำอันใดพระมาตุจฉาท่านนี้ของตนเองไม่ได้”
“คนตระกูลตู้ทำลายโฉมองค์หญิงเจ้าเหอ นางไหนเลยจะยอมเลิกรา”
องค์หญิงเจ้าเหอเป็นพระขนิษฐาฝ่าบาท แต่พระขนิษฐาผู้นี้เป็นพระธิดาที่อดีตฮ่องเต้ได้มาในวัยชรา ก่อนอดีตฮ่องเต้สวรรคตได้ฝากพระธิดาไว้กับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ดังนั้นแม้ว่านางเป็นพระขนิษฐา แต่ฝ่าบาทเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ ไม่เพียงแต่นิสัยเอาแต่ใจ แต่ยังเป็นคนทำตามอำเภอใจตนเอง เพราะราชบุตรเขยมีภรรยาลับอยู่นอกจวน จึงลงแส้หญิงผู้นั้นจนตาย ยังปลดตำแหน่งราชบุตรเขย ก่อนหน้านี้ยังได้เขียนหนังสือหย่าร้างกับราชบุตรเขยอีกด้วย
ประเด็นสำคัญก็คือนางทำเช่นนี้ ฝ่าบาทก็ไม่ได้ลงโทษนาง
ตอนนี้องค์หญิงเจ้าเหออยู่ในเมืองหลวง เป็นคนที่ผู้ใดก็ไม่อาจล่วงเกิน เทียบกับองค์ชายแล้ว ยังเหิม เกริมยิ่งกว่า นางไม่เพียงแต่เลี้ยงดูอนุชาย ยังเลี้ยงไว้หลายคนและมักพาอนุชายทั้งกลุ่มออกมาเดินไปมาตามท้องถนน จวนองค์หญิงเองก็มักจะจัดงานเลี้ยง แต่บรรดาฮูหยินแต่ละตระกูลในเมืองหลวงไม่ค่อยชอบสมาคมกับนางมากนัก แน่นอนว่านางไม่เห็นหญิงเหล่านั้นอยู่ในสายตา
แต่ไม่ว่าฮูหยินในเมืองหลวงไม่คิดสนใจอย่างไร ก็ยังไม่มีผู้ใดกล้าหาเรื่ององค์หญิงเจ้าเหอ วันนี้คนจวนป๋อถึงกับทำลายโฉมหน้าองค์หญิง แค่คิดก็รู้ว่าตระกูลตู้ต้องประสบกับหายนะเช่นไร
หน้าประตู คนไม่น้อยอดจุปากเป็นห่วง ไม่ได้
ลู่เจียวเดินแยกจากกลุ่มเข้าไป คนที่มุงดูกันอยู่พอเห็นนางย่อมจำได้ แต่ละคนเอ่ยอย่างเป็นห่วงว่า “ฮูหยินจงอี้ป๋อ ท่านรีบเข้าไปดูเร็ว หากยังไม่เข้าไปจัดการอีก เกรงว่าองค์หญิงคงพังร้านสมุนไพรท่านแล้ว”
“พังร้านสมุนไพรทิ้งเกรงว่าคงยังไม่พอ หากไม่อาจรักษาพระพักตร์องค์หญิงให้หายดีได้ จวนป๋อย่อมต้องจบสิ้นแน่แล้ว”
ลู่เจียวไม่ได้สนใจคนเหล่านี้ ก้าวเข้าไปก็พบว่าในร้านสมุนไพรมีคนอัดกันแน่นเต็มไปหมด โถงกลางมีสตรีนั่งอยู่นางหนึ่ง นางรูปร่างท้วม โครงหน้าเปลี่ยนรูปไปเพราะความอ้วน แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่ใบหน้านางยามนี้เต็มไปด้วยตุ่มหนอง ดูแล้วน่าสะอิดสะเอียนมาก
นางกำลังจ้องมองผู้จัดการร้านกับชายชราผมและเคราขาวอย่างดุดัน กล่าวว่า “วันนี้หากพวกเจ้าไม่มีคำตอบให้ข้า ข้าไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปง่ายๆ เป็นแน่”
ลู่เจียวเดินเข้าไปเอ่ยว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
หมอข้างกายองค์หญิงรีบเอ่ยว่า “ฮูหยิน ท่านมาได้เสียที ข้าถูกพวกเจ้าทำร้ายแล้ว”
ลู่เจียวอ่านความคิดก็รู้ว่า หมอผู้นี้แซ่อาน คนเรียกเขาว่าท่านหมออาน ตอนยังหนุ่มล้มป่วยเกือบตาย แต่ท่านปู่ของเจ้าของร่างเดิมช่วยเขาไว้ ต่อมาเขามาอยู่ประจำร้านตระกูลหลิ่วเพื่อตอบแทนบุญคุณ ร้านนี้กิจการดีมากก็เพราะมีเขาอยู่
“ท่านหมออานเป็นอันใดหรือ”
ท่านหมออานหันไปมองชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดสีเทาด้วยท่าทางเอน็จอนาถยิ่ง กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ตั้งแต่พวกเจ้าเปลี่ยนผู้จัดการ ร้านนี้ก็มีแต่เรื่องไม่หยุด คนงานไม่มีความรู้เรื่องสมุนไพรแม้สักนิด หยิบยาก็หยิบผิด มักจะหยิบยาผิด สมุนไพรในร้านก็มีสมุนไพรปลอมไม่น้อย ข้าบอกหลายครั้งแล้วก็ไร้ความหมาย”
ลู่เจียวหันไปมองชายวัยกลางคนในชุดเทาผู้นั้นทีหนึ่ง กล่าวว่า “ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเอง ตั้งแต่นี้ไป จะไม่มีเรื่องเช่นนี้อีก ข้าจะให้ผู้จัดการคนเดิมกลับมา”
ผู้จัดการชุดเทาได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็มีสีหน้าแปรเปลี่ยน “ฮูหยิน วาจาท่านหมายความเยี่ยงไร”
ลู่เจียวกำลังอยากจะเอ่ย องค์หญิงเจ้าเหอทนไม่ไหวเอ่ยขึ้นก่อนว่า “ฮูหยินจงอี้ป๋อหรือ ข้าต้องการคำตอบจากเจ้า ข้ามารักษาดีๆ พวกเจ้ารักษาใบหน้าช้าจนเน่าเฟะเช่นนี้ได้”
องค์หญิงเจ้าเหอนึกเสียใจภายหลังอย่างที่สุด ตนเองออกมาหาหมอรักษาใบหน้าตามใจตนเอง
ที่นางไม่ตามหมอหลวงในวังมารักษาให้นางก็เพราะกลัวคำบ่นของเสด็จพี่ ทุกครั้งที่เห็นนางก็จะทรงบ่นไม่หยุด
ตอนนี้นางไม่ชอบเข้าวังมาก ดังนั้นเห็นพอใบหน้ามีผดผื่น ก็คิดมาหาที่รักษาสักหน่อย
ปรากฏคิดไม่ถึงว่าจะทำใบหน้านางเสียโฉม
ลู่เจียวมองไปยังท่านหมออาน ถามว่า “เกิดอันใดขึ้นกับพระพักตร์องค์หญิงหรือ”
“พระพักตร์องค์หญิงเป็นเพราะร่างกายภายในสั่งสมความร้อนไว้มากเกินไป ดังนั้นจึงมีผื่นผดผุดขึ้นมา เดิมไม่ใช่โรคร้ายแรงอันใด ข้าเขียนเทียบยาให้องค์หญิงแล้ว เดิมขอเพียงกินยาสองสามชุดก็จะหายดีได้ ปรากฏสมุนไพรไม่เพียงแต่มีของปลอม ยังจัดยาผิด สุดท้ายทำให้พระพักตร์องค์หญิงเป็นตุ่มหนอง”
ท่านหมออานยิ่งคิดก็ยิ่งนึกเสียใจภายหลัง หากรู้อย่างนี้พอเปลี่ยนคนคุมร้าน เขาก็ควรไปด้วย
องค์หญิงเจ้าเหอได้ฟังท่านหมออานกล่าวจบก็จ้องมองลู่เจียว “ฮูหยินจงอี้ป๋อคิดจัดการเรื่องนี้เยี่ยงไร”
ลู่เจียวเดินเข้าไปถวายคำนับองค์หญิงก่อน จากนั้นไม่รอให้องค์หญิงสั่งการ นั่งลงตรงข้ามองค์หญิง “องค์หญิงยื่นมือออกมาให้ข้าจับชีพจรองค์หญิงสักหน่อย”
องค์หญิงเจ้าเหอนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็แค่นเสียงยิ้มเยาะ “ข้าไม่ยักรู้ว่าฮูหยินจงอี้ป๋อเป็นวิชาแพทย์ด้วย ยังคิดรักษาให้ข้าอีกด้วยตนเองอีกด้วย”
ลู่เจียวมองไปยังองค์หญิงเจ้าเหอ แววตาลุ่มลึกยิ่งขึ้น
แม้ว่านางเป็นบุตรีเหวินชางโหว แต่เพราะมารดาเจ้าของร่างเดิมจากไปเร็ว ตอนนี้ฮูหยินปกครองจวนเหวินชางโหวก็คือฮูหยินที่แต่งมาเป็นคนที่สอง จวนเหวินชางโหวทั้งครอบครัวล้วนอยู่ในกำมือนางควบคุม ดังนั้นจวนเหวินชางโหวไม่อาจเป็นที่พึ่งให้นางได้ นางจำเป็นต้องหาที่พึ่งดังเกาะท่อนขาทองคำไว้
องค์หญิงเจ้าเหอท่อนขาทองคำนี้ก็ไม่เลวอย่างมาก
ลู่เจียวคิดเสร็จก็มองไปยังองค์หญิงเจ้าเหอ ค่อยๆ กล่าวว่า “หม่อมฉันไม่เพียงแต่รักษาพระพักตร์องค์หญิงให้หายได้ ยังทำให้องค์หญิงผอมลง ทำให้องค์หญิงงดงามกว่าเดิม สีหน้าดียอ้งกว่าเดิมได้อีกด้วย”
พอลู่เจียวเอ่ยจบ องค์หญิงเจ้าเหอก็เลิกคิ้ว แววตามีความคุกรุ่นอยู่มาก
ตอนนี้นางอายุไม่มาก เพียงแต่ยี่สิบแปด แต่เพราะเลี้ยงดูอนุชายไว้หลายคน ทำกิจกรรมในร่มมากมาย ไม่เพียงแต่ทำให้เรี่ยวแรงไม่กระปรี้กระเปร่า แต่ยังอ้วนมีไขมัน ใบหน้าซีดเหลืองและมีฝ้ากระ สรุปตอนนี้นางไม่มีทางเทียบกับเมื่อก่อนได้
นี่เป็นเรื่องแสลงใจของนาง นางหาหมอหลวงมาหลายคนก็รักษาไม่หาย
ตอนนี้ได้ยินลู่เจียวเอ่ยเช่นนี้ องค์หญิงเจ้าเหอไม่เชื่อ ได้แต่โมโหมาก
ลู่เจียวไม่รอให้นางเอ่ย ก็เอ่ยก่อนว่า “องค์หญิง ไยไม่ทรงลองสักหน่อย”
“หากรักษาไม่ได้เล่า”
“หม่อมฉันให้องค์หญิงลงโทษเช่นไรก็ได้”