ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 942 เลี่ยน
ตอนที่ 942 เลี่ยน
ลู่เจียวกล่าวจบ องค์หญิงเจ้าเหอยิ้ม “วาจานี้เจ้าพูดเองนะ”
เห็นใบหน้างามกระจ่างของลู่เจียว นางก็นึกอิจฉา หากหญิงผู้นี้รักษาใบหน้านางไม่หาย นางก็จะทำลายใบหน้าอีกฝ่ายทิ้ง ป้อนยาให้นางกลายเป็นเหมือนกับนาง
ลู่เจียวหัวเราะ “ใช่ หม่อมฉันพูดเอง หากรักษาองค์หญิงไม่หาย องค์หญิงก็มาเอาชีวิตหม่อมฉันไปได้เลย หม่อมฉันประคองน้อมให้ด้วยสองมือนี้”
ลู่เจียวกล่าวจบ ตู้เยี่ยนก็ยื่นมือมาดึงนาง
ลู่เจียวหันไปเห็นแววตาตกใจหวาดกลัวของเด็กน้อย ลู่เจียวรีบลูบแก้มนาง “อย่าได้เป็นห่วง แม่จะไม่เป็นอันใด”
องค์หญิงเจ้าเหอมองตู้เยี่ยนทีหนึ่ง ยิ้มเอ่ยว่า “เจ้าเด็กนี่หน้าตาเหมือนเจ้า ล้วนเป็นสาวงาม เพียงแต่…”
นางกล่าวจบมองไปยังลู่เจียวกล่าวอย่างรังเกียจว่า “เจ้าอายุเท่าไรเอง เหตุใดแต่งตัวเช่นนี้”
ลู่เจียวยิ้มบางกล่าวว่า “องค์หญิง พวกเรารักษาใบหน้ากันก่อน รักษาใบหน้าเสร็จ ก็ค่อยทำให้ผิวขาวใส จากนั้นก็ลดน้ำหนัก ใช้เวลาสามเดือน จะทำให้องค์หญิงกลับมางามดังเดิม”
ลู่เจียวกล่าวจบ องค์หญิงเจ้าเหอเอ่ยขึ้นว่า “หลิ่วเสียน หากเจ้าทำให้ข้ากลับเป็นดังเดิมได้ วันหน้าเจ้าก็คือสหายข้า หากมีคนในเมืองหลวงกล้ารังแกเจ้า ข้าก็จะจัดการเขา”
ลู่เจียวได้ฟังองค์หญิงเจ้าเหอก็พลันหัวเราะ นี่คือเป้าหมายของข้า
“ตกลง เช่นนั้นก็เริ่มได้”
นางตรวจพระพักตร์องค์หญิง จากนั้นก็ฝังเข็ม จ่ายยา ยังให้สมุนไพรอบใบหน้า
“องค์หญิง ขอเพียงสามวัน ท่านก็จะหายดี”
“ได้ อีกสามวันหากข้าหาย จะส่งคนไปจวนป๋อรับเจ้ามาจวนองค์หญิงรักษาโรคอื่นให้ข้า”
“ตกลง”
เพราะสมุนไพรในร้านไม่ดี ลู่เจียวเขียนสั่งยาให้องค์หญิงแล้วก็ไม่ได้ให้นางจัดยาที่ร้าน แต่ให้ไปจัดยาร้านอื่น
พอองค์หญิงเจ้าเหอไปแล้ว ลู่เจียวรีบสั่งการให้คนไปตามผู้จัดการกับคนงานชุดเดิมกลับมา จากนั้นก็สั่งให้ผู้จัดการตรวจสอบบัญชี ดูว่าเงินทองในร้านถูกผู้จัดการคนใหม่อมไปเท่าไร สืบได้เท่าไรก็ให้เขาชดใช้เท่านั้น หากไม่ชดใช้ก็จับส่งทางการ
พอจัดการทุกอย่างทางนี้เรียบร้อยก็พาตู้เยี่ยนกลับจวน ขี้เกียจจะสนใจผู้จัดการที่แผดเสียงร่ำไห้คร่ำครวญ
ตลอดทางมา ตู้เยี่ยนมองนางอย่างไม่สบายใจมาตลอด
ลู่เจียวมองนาง “เป็นอันใดหรือ”
นางยื่นมือมากุมมือลู่เจียว “ท่านแม่ ข้ากลัว”
พอนางกล่าว ลู่เจียวก็รู้ว่านางกลัวว่านางจะรักษาใบหน้าองค์หญิงไม่หาย
ลู่เจียวยิ้มอุ้มนางมานั่งบนตัก หอมแก้มนาง ปลอบใจอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่มีอันใด แม่ร้ายกาจมาก รักษาใบหน้าให้นางได้ เยี่ยนเอ๋อร์อยากเรียนวิชาแพทย์กับแม่หรือไม่ แม่สอนเจ้าดีหรือไม่”
ตู้เยี่ยนได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็เคลิบเคลิ้ม พยักหน้าเต็มแรง “เรียน เรียนกับท่านแม่”
ลู่เจียวเห็นนางตั้งใจเช่นนี้ ก็รู้ว่าในที่สุดนางก็คลายปมในใจลงแล้ว พลันรู้สึกโล่งอก เช่นนี้ดีมาก ลู่เจียวจะค่อยๆ อบรมสั่งสอนนางเอง
พอทุกคนกลับถึงจวนป๋อ ผู้จัดการคนนั้นก็มาหาเฝิงเจินพอดี เฝิงเจินรายงานเรื่องนี้ต่อฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหมาก แต่กลับทำอันใดไม่ได้ รอให้ตู้ถิงกลับมาด่าเอง พอกลับมาก็เรียกเขาให้รีบไปหาลู่เจียว ให้นางมอบเงินมาใช้ส่วนกลาง แต่คนตระกูลตู้ฉลาดแล้ว ครั้งนี้หากจัดการได้ ก็จะให้ลู่เจียวมอบร้านให้อยู่ภายใต้ชื่อของตู้ถิง
เพียงแต่น่าเสียดาย พวกเขาคิดเพ้อฝันมากไปแล้ว
“หลิ่วเสียน ข้าได้ยินท่านแม่บอกว่า เจ้ายึดร้านทั้งสามกลับคืนไปแล้ว ยังเปลี่ยนผู้จัดการคนเดิมกลับมา”
ลู่เจียวกำลังกินข้าวกับตู้เยี่ยน เงยหน้ามองเขาทีหนึ่ง รับคำกล่าวว่า “ใช่ ทำไมหรือ”
ตู้ถิงถูกย้อนจนพูดไม่ออก เป็นนานก่อนจะเอ่ยว่า “เสียนเอ๋อร์ แท้จริงเจ้าคิดทำอันใด เมื่อวานตีหลิงซีกับจั๋วเอ๋อร์ วันนี้ก็ยึดร้านคืน เจ้าควรรู้ว่าเจ้าเป็นฮูหยินปกครองดูแลจวนป๋อ เจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับตระกูลตู้เรา”
ลู่เจียววางตะเกียบลงมองตู้ถิงด้วยสีหน้านิ่งเฉย “วาจาเจ้านี้กล้าไปพูดข้างนอกหรือไม่ สมบัติสินออกเรือนภรรยากลายเป็นของส่วนกลางตระกูลสามีเมื่อใดกัน”
“เจ้า?”
ตู้ถิงสีหน้าดำคล้ำ หากไม่ใช่เพราะกิจการนาง เขาจะแต่งกับนางหรือ
แต่ตอนนี้พวกเขาต้องพึ่งพาหลิ่วเสียนจริงๆ
ตู้ถิงกลืนความคับแค้นนี้ลงไป เงยหน้ามองไปยังสตรีตรงหน้า ค่อยๆ นั่งลงตรงข้ามนาง
“เสียนเอ๋อร์ เจ้าบอกข้ามา แท้จริงเจ้าคิดทำอันใด เจ้าไม่พูด ข้าก็ไม่เข้าใจ เจ้าหมายความเยี่ยงไร”
ตู้ถิงคิดว่าหญิงผู้นี้ทำเรื่องมากมายเช่นนี้ ย่อมต้องมีเป้าหมายอันใด เขาอยากรู้ว่านางมีเป้าหมายอันใด
ลู่เจียวได้ฟังตู้ถิงก็คิดหยอกเขาเล่น นางมองตู้ถิงด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ข้าทำเช่นนี้ย่อมมีเป้ามหาย ข้าไม่ชอบเฝิงเจิน นางก็แค่อี๋เหนียง กลับเอาแต่วางท่าทางเป็นฮูหยินรอง ยังมีตู้หลิงซีกับตู้จั๋ว ข้าก็ไม่ชอบ หากเจ้าคิดให้ข้าเบิกบานใจ ก็ขายเฝิงเจิน ส่งเด็กน้อยสองคนมาไว้จวนข้า อี๋เหนียงในจวนทั้งหมดก็ให้ขับไล่ออกไปจากจวน”
ลู่เจียวกล่าวจบ ผู้ชายตรงหน้าก็มีสีหน้าตกใจมองนาง “เจ้าเสียสติแล้วหรือ เจินเอ๋อร์เป็นอนุระดับหนึ่ง ไม่ใช่อนุทั่วไป เจ้าถึงกับคิดขายนาง อีกอย่างหลิงซีกับจั๋วเอ๋อร์ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขตระกูลตู้ข้า โดยเฉพาะจั๋วเอ๋อร์ เขาเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลตู้”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย “หากเป็นเช่นนี้ พวกเราไม่มีอันใดต้องคุยกันอีก ท่านไปได้แล้ว”
ตู้ถิงโมโห กระทืบเท้าลุกยืนขึ้น “เจ้าช่างไร้เหตุผลสิ้นดี”
นางแสดงอำนาจก็เพื่อต้องการขับไล่สตรีในจวนป๋อออกไปให้หมด ให้เหลือเพียงนางผู้เดียว สตรีอสรพิษผู้นี้ไม่เพียงแต่ร้ายกาจ แต่ยังขี้อิจฉา แม้แต่เจินเอ๋อร์ที่โตมากับเขา ก็ไม่เคยเรียกร้องจากเขาให้มีนางเพียงผู้เดียว ผู้ชายเรานี้จะมีสตรีเพียงหนึ่งเดียวไปทั้งชีวิตได้อย่างไร
ลู่เจียวค่อยๆ กล่าวว่า “เดิมข้าไม่คิดเอ่ย แต่ท่านป๋อจะถามหาคำตอบให้ได้ ข้าจึงได้เอ่ย ข้าเอ่ยแล้ว ท่านก็บอกว่าข้าไร้เหตุผล มีอันใดไร้เหตุผล ราชบุตรเขยองค์หญิงเจ้าเหอเลี้ยงดูอนุนอกจวน นางผู้นั้นไม่เพียงแต่ถูกตีตาย แต่ราชบุตรเขยยังถูกปลด อ้อ ยังถูกเขียนหนังสือหย่าร้าง”
“เจ้าจะไปเทียบกับองค์หญิงเจ้าเหอได้อย่างไร นางเป็น เป็น…”
สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกว่า เป็นตัวอันใด
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ข้าจะเทียบกับนาง เป็นอันใดหรือ มีชีวิตที่ทำตามอำเภอใจสักหน่อยไม่ได้หรือ ก็ไม่ได้ทำร้ายผู้ใด”
ตู้ถิงไม่รู้ว่าควรเอ่ยอันใด ได้แต่จ้องมองลู่เจียว เหตุใดอยู่ดีๆ นางจึงเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปได้ มักรู้สึกว่าตอนนี้สตรีตรงหน้าไม่เหมือนนางคนเดิม แต่มองดูจริงจังก็พบว่าหน้าตาเหมือนเดิมทุกอย่าง หรือมีภูตผีสิงร่างนาง มองดีๆ ก็ไม่ค่อยเหมือน
ตู้ถิงคิดจนปวดหัว สุดท้ายแน่ใจได้เรื่องหนึ่ง เพราะเขารักเจินเอ๋อร์มากไป ดังนั้นจึงทำให้นางโมโห
ตู้ถิงครุ่นคิดแล้วก็ทำสีหน้าอ่อนโยน เดินไปนั่งลงข้างกายลู่เจียว มองนางด้วยแววตาอ่อนโยนยิ่ง
“เพราะข้ามักไปค้างที่เรือนเจินเอ๋อร์ใช่หรือไม่ ทำให้เจ้าหึงหวง เช่นนั้นวันหน้าข้าจะมาเรือนเจ้าให้บ่อยขึ้น ไปเรือนเจินเอ๋อร์ให้น้อยลง เจ้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
กล่าวจบก็ยื่นมือขึ้นดึงมือลู่เจียว
ลู่เจียวเกือบหลงใหลไปกับแววตาและน้ำเสียงอันน่าสะอิดสะเอียนของเขา เขายื่นมือมาดึงมือนางไป นางก็สะบัดมือออก
“อย่าแตะต้องข้า ข้ารังเกียจความสกปรกของเจ้า”