ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 946 อุบาย
ตอนที่ 946 อุบาย
ลู่เจียวรับรู้เรื่องราวในนิยายเสร็จก็ลืมตาขึ้น นางไม่ทันได้มองประเมินสภาพรอบกาย ก็รู้สึกได้ว่าหน้ามืดวิงเวียน เหงื่อเย็นผุดเต็มหน้าผาก ลู่เจียวรู้สึกได้ทันทีว่าร่างกายผิดปกติ นางเหมือนถูกคนวางยาพิษ
ลู่เจียวคลำชีพจรตนเองทันที นางรับรู้ถูกต้อง นางถูกคนวางยาพิษดอกยี่โถแล้ว
แต่เพราะใส่ยาไม่มากนัก ดังนั้นจึงมิได้สิ้นใจตายในทันที
ลู่เจียวไม่สนใจอันใดอีก รีบเข้าไปในห้วงอากาศหยิบยาถอนพิษมากิน
พอกินยาถอนพิษลงไปไม่นาน นางก็รู้สึกบรรเทาลง นอกจากยังคงอ่อนแรง แต่ก็ยังนอนบนเตียงมองประเมินสภาพรอบกายได้
ยามนี้สถานที่ที่นางอยู่เป็นห้องเก่าซอมซ่อ ในห้องไม่มีของอันใด แม้แต่ม่านหน้าต่างที่ว่างเปล่าก็ขาดเก่า ลมพัดเข้ามากระเพื่อมปลิวไหว
ลู่เจียวรับรู้สถานการณ์ได้ทันที ตอนนี้เจ้าของร่างเดิมอยู่ในตำหนักอวี้หวา
อย่าเห็นว่าชื่อตำหนักอวี้หวาไพเราะ ความจริงเป็นสถานที่ห่างไกลผู้คนที่สุดในวัง อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของวัง แม้ไม่ใช่ตำหนักเย็น แต่ก็ใกล้เคียงตำหนักเย็น
เจ้าของร่างเดิมชื่อว่าไป๋ซีเหยียน บุตรสาวนายกองกรมทหาร เจ้าของร่างเดิมมีชายในดวงใจ ผู้ใหญ่สองตระกูลเจรจาเรื่องของทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าไม่ได้หมั้นหมาย แต่ก็กล่าวตกลงกันด้วยวาจาแล้ว
เจ้าของร่างเดิมดีใจมาก อยู่บ้านรอคอยการแต่งงาน แต่นางแม้แต่ฝันก็คิดไม่ถึงว่า การได้เข้าไปร่วมงานเลี้ยงในวังครั้งหนึ่ง จะถูกฮ่องเต้ต้องตาพึงใจนาง ฮ่องเต้มีราชโองการให้นางเข้าวังมาเป็นพระสนม แต่งตั้งนางเป็นกุ้ยเหริน
แม้ว่าสำหรับผู้อื่นเป็นเรื่องดี แต่สำหรับเจ้าของร่างเดิมนั้นราวกับฟ้าถล่มดินทลาย นางไม่อยากเข้าวัง
แต่นางเป็นเพียงสตรีธรรมดา ไหนเลยจะขัดราชโองการฮ่องเต้ได้ นับประสาอันใดกับคนที่บ้านนางพอได้ยินก็ดีใจมาก สุดท้ายเจ้าของร่างเดิมถูกส่งเข้าวังมาเป็นพระสนม
เดิมนางไม่อยากเข้าวัง แต่ฮ่องเต้บังคับนาง นางทำอันใดไม่ได้ จำใจต้องเข้าวัง ในใจนางโกรธแค้นฮ่องเต้มาก ดังนั้นพอเข้าวังก็เอาแต่ทำหน้าตาบึ้งตึง ไม่มีรอยยิ้มให้ฮ่องเต้แม้แต่น้อย ฮ่องเต้เห็นนางเช่นนี้ ตอนแรกก็ยังคงอดทนปลอบโยนเอาใจนาง
ปรากฏนางเอาแต่ปั้นสีหน้าบึ้งตึง ฮ่องเต้ไม่พอพระทัยอย่างมาก เอือมระอาที่จะปลอบโยนเอาใจนางอีก และยามนี้ในวังก็มีข่าวเผยออกมาว่า เจ้าของร่างเดิมมีชายในดวงใจ จึงไม่ยินดีเข้าวัง
ยามนี้ในที่สุดฮ่องเต้ก็เข้าใจเหตุผลว่า เหตุใดนางเข้าวังมาจึงเอาแต่ปั้นสีหน้าบึ้งตึง ที่แท้ไม่ยินดีเข้าวัง
ในฐานะฮ่องเต้ ย่อมเหมือนเสียหน้ามาก จึงไม่ย่างกรายมาตำหนักนางอีก
นางไม่มีฮ่องเต้คุ้มครอง ก็ย่อมตกเป็นเป้าทำร้ายของบรรดาพระสนมในวัง สุดท้ายฮองเฮาหาเรื่องขับนางออกจากตำหนัก ไปยังพื้นที่รกร้างห่างไกลผู้คน
เจ้าของร่างเดิมพลันร่วงจากท้องฟ้าลงสู่ดินโคลน แต่ยามนี้นางกลับตั้งครรภ์แล้ว
ความเคียดแค้นชิงชังในใจนางจึงหันไปลงที่โอรสเลือดเนื้อเชื้อไขฮ่องเต้ นางไม่เพียงไม่รัก แต่ยังรังเกียจอย่างที่สุด ตั้งแต่เขาเกิดมาก็ไม่ดีต่อเขา แต่เพราะมีหมัวมัวในตำหนักอวิ๋นหวาที่คอยดูแลเอาใจใส่ แอบป้อนอาหารให้องค์ชายตอนนางเผลอ เด็กน้อยจึงได้รอดชีวิตมาได้
แต่แม้เป็นเช่นนี้ เจ้าของร่างเดิมก็ยังคงรังเกียจบุตรชายตนเอง โดยเฉพาะเด็กคนนี้หน้าตาเหมือนฮ่องเต้มาก ยิ่งทำให้เจ้าของร่างเดิมโกรธแค้น นางคิดบีบคอบุตรชายให้ตาย ไม่ให้อาหารเขา ไม่เช่นนั้นก็ลงโทษให้คุกเข่า หากเด็กน้อยแข็งขืน นางก็จะตบตีราวกับคนเสียสติ
เด็กน้อยมีบาดแผลสะสมนานปี เจ้าของร่างเดิมไม่เพียงแต่ไม่สงสารเขา มีครั้งหนึ่งตอนเที่ยงคืนยังฉวยโอกาสตอนเด็กน้อยหลับ เอาหมอนกดเขาให้ตาย
ปรากฏเพราะนางกำนัลเข้ามารายงาน เจ้าของร่างเดิมเกิดความกลัวจึงได้ปล่อยมือ ไม่เช่นนั้นครั้งนั้นเด็กน้อยก็คงขาดใจตายไปแล้ว
เด็กน้อยไม่เพียงแต่ไม่ได้รับความรักจากมารดา ยังถูกคนในวังทำทารุณกรรม ยามไม่มีคน คนในวังก็จะมาจับเขากดให้คลานเป็นสุนัข พี่น้องชายหญิงพอเห็นเขาก็จะโยนของกินลงพื้นให้เขาคลานไปกิน
หากเด็กน้อยไม่เชื่อฟังก็จะถูกกดลงกับพื้นและทุบตีอย่างโหดร้าย
สรุปชีวิตเด็กน้อยน่าจะมีแต่หมัวมัวสองนางในตำหนักอวิ๋นหวาที่มอบความอบอุ่นให้เขา และเพราะ หมัวมัวทั้งสองมักจะให้เด็กน้อยกิน จึงได้ถูกเจ้าของร่างเดิมลงโทษ จากนั้นก็ล้มป่วยและจากไป
เรื่องนี้ทำให้เด็กน้อยหมดสิ้นความหวังในชีวิต มีแต่ความมืดบอดในจิตใจ
ลู่เจียวคิดถึงตรงนี้ ในที่สุดก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้สองหมัวมัวน่าจะถูกเจ้าของร่างเดิมลงโทษป่วยตายไปแล้ว เช่นนั้นการที่นางถูกพิษ หากไม่เหนือความคาดหมายย่อมเป็นฝีมือเด็กน้อย
ลู่เจียวกำลังคิดอยู่ ประตูห้องก็มีเสียงดังขึ้น ลู่เจียวหันไปมองก็พบเงาร่างเล็กผอมค่อยๆ ยื่นศีรษะเข้ามา แววตาเต็มไปด้วยความเยียบเย็น คล้ายหมาป่าในป่าลึกที่ดุร้าย
ลู่เจียวเห็นทุกอย่าง ไม่เพียงแต่รู้สึกปวดหัวว่าฮ่องเต้โหดในวันหน้าผู้นี้ได้กลายเป็นคนจิตใจมืดบอดไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าภารกิจครั้งนี้ยากยิ่งกว่าสองตัวร้ายในสองเรื่องก่อนเสียอีก
แต่หากทำได้ดี เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ย่อมฟื้นขึ้นมาได้อย่างราบรื่น ดังนั้นไม่ว่ายากเพียงใด นางก็ต้องทำให้ได้
ในใจลู่เจียวครุ่นคิด แต่สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน จ้องมองเด็กน้อยนิ่งเงียบ
เด็กชายแม้ว่าอายุน้อย แต่ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ยังคงจ้องตาลู่เจียวอยู่เช่นนั้น
สองคนแม่ลูกสบตากัน คนหนึ่งอยู่ในห้อง คนหนึ่งอยู่นอกห้อง ก่อนจะมีเสียงตวาดดุดันดังขึ้น “ไอ้ตัวชั้นต่ำ เจ้ากำลังทำอันใด ไสหัวไปให้ไกลๆ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับเงาร่างขาเป๋เดินออกมาผลักเด็กน้อยออก
เด็กน้อยเพราะตัวเล็ก ดังนั้นจึงถูกแรงผลักล้มลงกับพื้น
แต่เขาไม่ร้องไห้ ตะกายดิ้นรนลุกขึ้นได้ก็วิ่งหนีไปทันที
นอกประตูมีเสียงคนเดินขาเป๋เข้ามา คนผู้นี้ก็คือขันทีหลิวเซิ่งขันทีรับใช้เจ้าของร่างเดิม
หลิวเซิ่งเดิมไม่ใช่ขันทีรับใช้เจ้าของร่างเดิม เพราะนางล่วงเกินฮ่องเต้ บ่าวรับใช้เจ้าของร่างเดิมที่เคยรับใช้ข้างกาย กลัวโดนนางดึงให้ตกต่ำไปด้วย จึงได้หาทางหนีไปอยู่หน่วยงานอื่น
เดิมฮ่องเต้โปรดปรานเจ้าของร่างเดิม เจ้าของร่างเดิมล่วงเกินคนไว้มากมาย บรรดาพระสนมในวังแทบจะรอให้เจ้าของร่างเดิมตกต่ำไร้คนปรนนิบัติ เห็นนางกำนัลและขันทีข้างกายนางพากันหาเส้นสายไปที่อื่น แต่ละคนก็คิดหาทางส่งคนตนเองมาจัดการนาง สุดท้ายนางไม่มีบ่าวรับใช้แม้แต่คนเดียว
ส่วนหลิวเซิ่ง เพราะทำความผิดในวัง จึงถูกตีจนขาเป๋ สุดท้ายถูกขับมาอยู่ที่นี่รับใช้เจ้าของร่างเดิม
เจ้าของร่างเดิมอยู่ตำหนักอวิ๋นหวาอย่างยากลำบาก นางต้องพึ่งพาหลิวเซิ่งอย่างมาก
บางครั้งหลิวเซิ่งยังแตะต้องนาง แต่นางก็ทำได้เพียงแค่ตำหนิเบา ๆ แล้วก็ปล่อยผ่านไป
ในความเป็นจริง เจ้าของร่างเดิมไม่รู้ว่าหลิวเซิ่งเป็นคนที่ตำหนักสนมอื่นส่งมาไว้ข้างกายนาง เป้าหมายก็เพื่อทำลายนาง
แต่เจ้าของร่างเดิมอย่างไรก็เป็นพระสนมฮ่องเต้ หลิวเซิ่งไม่กล้าเหิมเกริมมากนัก ส่วนใหญ่ก็แค่ลูบมือแตะต้องนางเล็กๆ น้อยๆ
แต่สุดท้ายเขาก็คิดทำตามคำสั่งคนบงการ ถือโอกาสที่ฮ่องเต้มาเดินเล่น วิ่งไปกอดเจ้าของร่างเดิม คิดแนบชิดกับเจ้าของร่างเดิม เจ้าของร่างเดิมไม่รู้อุบาย ดิ้นรนเล็กน้อยแล้วก็คล้อยตามหลิวเซิ่ง
ฮ่องเต้แอบเห็นภาพนี้ก็โมโหมาก มีราชโองการให้ปลดตำแหน่งเจ้าของร่างเดิม ให้นางได้เป็นสามัญชน ส่งเข้าตำหนักเย็น พร้อมกับนำบุตรชายตนเองไปตำหนักเย็นด้วย