ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 947 รังเกียจ
ตอนที่ 947 รังเกียจ
เจ้าของร่างเดิมถูกบุตรชายทำร้ายจนตาย ในตำหนักเย็นจึงมีเขาเติบโตมาคนเดียว
ลู่เจียวกำลังคิดอยู่ หลิวเซิ่งขาเป๋ก็เดินมาตรงหน้านาง ปลอบโยนนุ่มนวลว่า “กุ้ยเหรินเอาแต่อุดอู้อยู่ในห้องจะได้อย่างไร ออกไปเดินเล่นสักหน่อยดีกว่า”
ลู่เจียวแววตาเย็นเยียบ ในที่สุดหลิวเซิ่งก็ตัดสินใจลงมือกับเจ้าของร่างเดิมแล้วหรือ ครั้งนี้นางก็อยากดูว่าผู้ใดจะตายเร็วกว่ากัน
นางครุ่นคิดแล้วก็แสร้งยิ้มท่าทางอ่อนแอ “ได้ เช่นนั้นก็ออกไปเดินเล่นกันเถอะ”
แววตาหลิวเซิ่งเปล่งประกาย ยื่นมือคิดประคองนาง ลู่เจียวหลบมือเขา กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ข้ายังไม่ได้อ่อนแอจนต้องให้คนคอยประคอง”
หลิวเซิ่งอึ้งไป พลันเงยหน้ามองไปยังลู่เจียว แม้ว่าร่างอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงแต่ก็ยังมีเนื้อหนังไม่น้อย สีหน้าแม้ซีดขาว แต่ก็ไม่อาจไม่กล่าวว่าไป๋กุ้ยเหรินเป็นสาวงามที่หาได้ยากยิ่ง
น่าเสียดาย น่าเสียดาย
ลู่เจียวย่อมไม่พลาดสายตานี้ของหลิวเซิ่ง กล่าวตามตรงขันทีระดับหลิวเซิ่งมองไม่ยาก เพียงแต่ เจ้าของร่างเดิมวันๆ เอาแต่คับแค้นใจ ไม่มองเขาให้กระจ่าง แต่พอนางสังเกต ก็มองความคิดคนผู้นี้กระจ่าง
ลู่เจียวคิดไปก็เดินออกไป ยามนี้เดือนสาม อยู่ในช่วงกลางของฤดูใบไม้ผลิ แม้เป็นตำหนักอวิ๋นหวาที่ซอมซ่อ ก็ยังมีกลิ่นอายฤดูใบไม้ผลิ ให้ความรู้สึกเบิกบานใจ
ลู่เจียวอดรู้สึกสบายมิได้ สีหน้าซีดขาวก็เริ่มมีสีระเรื่อขึ้นมาบ้าง ทำให้นางงดงามน่าชมยิ่งขึ้น
หลิวเซิ่งเห็นแล้วก็แทบทนไม่ไหว ในใจแอบคิดว่ารอให้หญิงผู้นี้ถูกฝ่าบาทปลดเป็นสามัญชนส่งเข้าตำหนักเย็นก่อน เขาจะต้องหาทางลอบเข้าตำหนักเย็นไปเล่นนางสักครั้ง จึงจะระบายความอัดอั้นในใจนี้ลงได้
ในใจหลิวเซิ่งครุ่นคิดแต่ปากกลับเอ่ยอย่างสนิทสนมว่า “กุ้ยเหริน ออกไปเดินหน้าประตูตำหนักอวิ๋น หวาชมดอกท้อบานสักหน่อย งดงามอย่างมาก”
ลู่เจียวได้ฟังหลิวเซิ่งก็เข้าใจทันที ฝ่าบาทน่าจะถูกคนล่อให้มาที่นี่แล้ว ดังนั้นหลิวเซิ่งคิดจัดการนางแล้ว
ลู่เจียวแค่นหัวเราะแสร้งพยักหน้า “ได้”
กล่าวจบก็ก้าวออกจากประตูไปได้ครึ่งทางก็พบว่ามีสายตาปีศาจร้ายจ้องมองนางจากทางด้านหลัง นางหันไปมองทันที เห็นมุมตำหนักมีเงาร่างเล็กหดตัวกลับไป
ลู่เจียวไม่ได้สนใจ หันหน้าเดินออกนอกประตูไป
หน้าประตูตำหนักอวิ๋นหวา รอบๆ ปลูกต้นท้อไว้หลายต้น ยามนี้ดอกท้อแย่งกันเบ่งบานสะพรั่ง เปล่งกลิ่นอายแห่งฤดูใบไม้ผลิ ดอกท้องดงามเบ่งบานดึงดูดสายตาผู้คนให้อดชื่นชมไม่ได้
ลู่เจียวก้าวเข้าไปเงยหน้ามอง หลิวเซิ่งด้านหลังคาดเดาเวลาพอสมควรแล้วก็รีบก้าวเข้ามาคิดกอดลู่เจียว
“กุ้ยเหริน ข้าชอบเจ้า เจ้าให้ข้ากอดหน่อย ให้ข้ากอดหน่อยเถิด”
ลู่เจียวแววตาเปล่งประกายเยียบเย็น มองหลิวเซิ่งพุ่งเข้ามาหานาง นางถีบหลิวเซิ่งเต็มแรง หลิวเซิ่งถูกนางถีบล้มลงพื้น นางเองก็ล้มลงพื้น ส่งเสียงร่ำไห้ไปคำรามราวกับสัตว์ป่าโดนทำร้ายว่า “เหตุใดพวกเจ้าแต่ละคนชอบรังแกข้า ข้าทำผิดอันใด ข้าในฐานะบุตรสาว ก็ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะรับข้าเข้าวังเป็นสนม คนที่บ้านข้าต้องการให้ข้าแต่งกับตระกูลหวง ข้าเองก็ดีใจ หรือว่าเพราะเรื่องนี้ ทำให้ข้าทำความผิดมหันต์ไม่อาจให้อภัยได้กัน”
“สวรรค์ แท้จริงข้าทำผิดอันใด ต้องมาพบพานกับการทรมานเช่นนี้ด้วย ให้ข้าตายเสียดีกว่า”
นางกล่าวจบก็หันหลังคิดโขกศีรษะกระแทกต้นท้อตาย
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง “รั้งนางไว้”
ลู่เจียวไม่ทันได้กระแทกต้นไม้ก็ถูกคนรั้งไว้ ดึงนางกลับมา ยังไม่ใช่แค่คนเดียว แต่เป็นขันทีถึงสองคน
ลู่เจียวดิ้นรนไม่ยอมแพ้ สุดท้ายเงยหน้ามองไปยังสองขันทีที่ดึงนางไว้ ก่อนจะค่อยๆ ละสายตาไปยังคนด้านหลังที่เดินมา
คนผู้นี้อยู่ในชุดมังกรสีทองอร่าม ร่างสูงผอม ใบหน้างามสง่า แต่สีหน้าไม่ค่อยดีนัก นี่ก็คือจีชางฮ่องเต้ แคว้นเหยา
จีชางแม้เป็นฮ่องเต้แคว้นเหยา แต่เขาไร้ความสามารถ แคว้นเหยาตอนนี้ถูกเสนาบดีเฉาปี้หย่วนคุมไว้หมดแล้ว ยังให้แต่งตั้งเฉาเจินตระกูลเฉาเป็นฮองเฮา
แคว้นเหยาตอนนี้ขุนนางแข็งแกร่งฮ่องเต้อ่อนแอ ฮ่องเต้จีชางแคว้นเหยาแต่เล็กเติบโตในวัง ประสบพบเจออุบายมาไม่น้อย ดังนั้นสุขภาพจึงไม่ค่อยดีนัก
พออายุมากขึ้น ฮ่องเต้ก็เริ่มคิดหาทางมีอายุยืนยาว ไม่สนใจงานราชกิจ ทำให้แคว้นเหยานับวันยิ่งสั่นคลอน
ตอนนี้ตระกูลขุนนางแคว้นเหยารุ่งเรือง บัณฑิตยากจนไร้หนทาง ตระกูลขุนนางวางอำนาจไร้ความเกรงกลัว ราษฎรคับแค้นใจแต่ไม่กล้าเอ่ย แม้มีความทุกข์ก็ไม่กล้าเอ่ยออกมา ทำให้แคว้นเหยาสั่นคลอน
พอฮ่องเต้โหดขึ้นครองราชย์ เขาก็จัดการตระกูลพวกนี้ก่อน จนกระทั่งแคว้นเหยาเต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิต
ลู่เจียวคิดแล้วก็เงยหน้ามองไปยังจีชาง
ฮ่องเต้พระองค์นี้เป็นพวกจิตใจอ่อนแอ หลงใหลสาวงาม
ลู่เจียวตัดสินใจจับจุดอ่อนนี้
“ฝ่าบาท หม่อมฉันทำผิดอันใด เหตุใดต้องมาประสบกับทุกข์เช่นนี้ด้วยเพคะ”
“หม่อมฉันเติบโตในตระกูลไป๋ แต่ไรมาไม่เคยคิดว่าว่าด้วยสถานะหม่อมฉันจะได้เข้าวังมาเป็นพระสนม ต่อมาที่บ้านคิดหมั้นหมายหม่อมฉันกับตระกูลหวง หม่อมฉันก็ดีใจ มุ่งมั่นจะแต่งงาน ต่อมาฝ่าบาททรงให้หม่อมฉันเข้าวังมาเป็นพระสนม หม่อมฉันรู้สึกผิดต่อหวงเยว่ จึงอารมณ์ไม่ดีนัก แต่นี่เป็นความผิดหม่อมฉันหรือเพคะ”
“หากหม่อมฉันรู้ว่าจะเข้าวังมาเป็นพระสนมฝ่าบาท ย่อมไม่รับปากแต่งงานกับตระกูลหวง เข้าวังมาเป็นพระสนมฝ่าบาทให้เบิกบานเสียดีกว่า แต่หม่อมฉันไม่รู้ หรือว่าเพราะเรื่องนี้ ก็ควรเป็นความผิดหม่อมฉัน แม้เป็นเช่นนี้ ฝ่าบาทก็อย่าได้รั้งหม่อมฉันไว้ ปล่อยให้หม่อมฉันตายไปเถอะเพคะ ไยต้องทำร้ายหม่อมฉัน คนในวังคิดเหยียบย่ำหม่อมฉัน หม่อมฉันเคยทำผิดอันใดต่อพวกเขากัน ตอนนี้แม้แต่ขันทีก็คิดแตะต้องหม่อมฉัน”
ลู่เจียวกล่าวจบก็แสร้งทำเป็นจะโขกศีรษะกับต้นท้อ ขันทีรีบเข้าไปรั้งนางไว้
จีชางไม่ไกลนักได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็มองสีหน้าอิดโรยของลู่เจียว คิดถึงสตรีงดงามตอนเข้าวังมาคนนั้นแล้ว มานึกดูอีกทีก็นับว่านางไม่ผิด
นางย่อมไม่รู้ว่าวันหน้าจะได้เข้าวัง ดังนั้นผู้ใหญ่จึงได้ตกลงหมั้นหมายนางกับตระกูลหวง ต่อมาแม้ว่าเข้าวัง ในใจก็คงยากจะยอมรับได้
เขาจะตำหนินางได้อย่างไร ส่วนนาง พอคิดถึงว่านางต้องมาตกในสภาพนี้ ก็ล้วนเป็นเพราะเขา ในใจฮ่องเต้รู้สึกผิดอย่างมาก
ตอนนี้จีชางกำลังคิดค้นยาอายุวัฒนะ ในใจเชื่อเรื่องผลกรรมมาก พอเห็นลู่เจียวเช่นนี้ก็อดคิดมากไม่ได้ รู้สึกว่านางเป็นเช่นนี้เพราะเขา เขาสร้างเหตุไว้จนส่งผลเช่นนี้ หากไม่แก้ไข วันหน้าเกรงว่าจะไร้วาสนามีอายุยืนยาว
จีชางครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยว่า “เราไม่รู้ว่าเจ้าต้องมาตกอยู่ในสถานที่เช่นนี้”
ลู่เจียวได้ฟังก็ร่ำไห้เอ่ยขึ้นว่า “ฝ่าบาท แม้ทรงรังเกียจหม่อมฉัน ก็ควรส่งหม่อมฉันออกจากวังหลวงไปบวชที่วัด อย่างไรก็ให้หม่อมฉันได้มีที่พักพิงสงบ อย่าได้ต้องถูกขันทีหมิ่นเกียรติ อย่างไรหม่อมฉันก็เป็นพระสนมฝ่าบาทนะเพคะ”
พอลู่เจียวกล่าว ฮ่องเต้คิดถึงหลิวเซิ่ง เขาหันไปมองหลิวเซิ่ง นึกรังเกียจอย่างที่สุด
หลิวเซิ่งตกใจ เขาคิดไม่ถึงว่าหญิงผู้นี้ถึงกับฉลาดเช่นนี้ ถือโอกาสโต้เขากลับ เขายอมรับไม่ได้ หากเขายอมรับเรื่องนี้ ไม่ใช่เขาต้องตายหรอกหรือ